แต่สิ่งที่เซวียผานคิดไม่ถึงก็คือแม้พายุหมุนซึ่งเกิดจากลิ่มแหลมที่มือจะปราบหนวดเนื้อที่พุ่งออกมาจากกำแพงเนื้อเหล่านี้ได้ แต่ความเร็วก็ต่างจากหนวดเนื้อที่งอกออกมาเพิ่มไม่ขาดสายไม่เท่าไร การจะทะลุวงล้อมออกไปเห็นชัดว่าคงไม่เป็นดั่งใจอยู่บ้าง
เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยพร้อมกับที่หยาดเลือดกัดกร่อน พายุหมุนสีเงินยวงที่เดิมทีแหลมคมก็ค่อยๆ หดเล็กลงกว่าก่อนหน้านี้
……
“เจ้าสิ่งนี้จัดการยากเสียจริง ดูท่าคงได้แต่ใช้หยกจันทร์เพ็ญที่อาจารย์มอบให้แล้ว” ชายหนุ่มรถเงินมองหุ่นเต่ายักษ์สีเงินสีเงินที่ย้อมด้วยเลือดไม่น้อยตรงหน้าแล้วส่ายศีรษะเอ่ยกับตัวเอง
เพิ่งเอ่ยจบ ทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงมือกระชากข้างเอว ป้ายหยกใสแวววาวแผ่นหนึ่งถูกเขากำไว้ในมือ
แววตาปวดใจแล่นผ่านในดวงตาเขา เมื่อมือข้างหนึ่งดีดแผ่วเบา แสงสีน้ำเงินเส้นหนึ่งก็พุ่งเร็วรี่ไปยังป้ายหยก
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นแผ่วเบาหนึ่งหน ป้ายหยกแวววาวพริบตาเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า อักขระสีน้ำนมตัวหนึ่งลอยออกมาจากผิวหน้าของป้ายหยก ทันใดนั้นมันก็กะพริบบ้าคลั่งกลางอากาศสองสามครั้งแล้วระเบิดออก
แสงเรืองรองสีเงินอ่อนโยนสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาสี่ด้านในทันที จันทร์สว่างกระจ่างดวงหนึ่งฉับพลันลอยอยู่กลางอากาศ
รอบดวงจันทร์กระจ่าง วงแหวนแสงสีเงินยวงวงแล้ววงเล่ากระเพื่อมประหนึ่งคลื่นน้ำ ในอาณาเขตหลายจั้งรอบด้านไม่ว่าหนวดเนื้อสีเลือดหรือกำแพงเนื้อใต้วงแหวนแสงสีเงินยวงล้วนแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว
ดวงจันทร์กระจ่างยิ่งขยายใหญ่ขึ้นทุกที วงแหวนแสงที่แผ่ออกมาก็ยิ่งเต็มแน่นขึ้นทุกที ล้อมมิติสีเลือดทั้งหมดที่ชายหนุ่มรถเงินอยู่อย่างรวดเร็วด้วย
หนวดเนื้อสีเลือดจากกำแพงเนื้อรอบด้านตอนนี้แห้งเหี่ยวหงิกงอ หลุดร่วงออกมาไม่หยุด กำแพงเนื้อสีเลือดก็ค่อยๆ แห้งแตกแทบจะบางจนเหลือเพียงหนังหนึ่งชั้น
ในเวลานี้เองชายหนุ่มรถเงินก็ตบกลางอกทีหนึ่ง เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นทีหนึ่ง ชุดเกราะจักรกลบนแผ่นหลังส่องแสงสีทองวูบหนึ่ง ปีกจักรกลสีทองขนาดหนึ่งจั้งกว่าสามคู่ก่อตัวบนแผ่นหลังร่างของเขาแล้วเริ่มกระพือเร็วไวดังอื้ออึง
……
หลิ่วหมิงนั่งสงบอยู่ในมิติเลือดเนื้อ รอบตัวเขาเด็กน้อยชุดเขียวหน้าตาเหมือนกันเก้าคนกำลังพ่นเปลวไฟสีเทาขมุกขมัวดวงแล้วดวงเล่าออกจากปากต้านทานหนวดเนื้อสีเลือดที่พุ่งออกมามากมายรอบด้านสุดกำลัง
“เฟยเอ๋อร์ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ซื้อเวลาให้ข้าไม่น้อย” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็ปรือตาทั้งสองข้างขึ้นพลางเอ่ยนิ่งๆ
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำขอรับ นายท่าน!”
เด็กน้อยชุดเขียวทั้งหมดเวลานี้สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินหลิ่วหมิงเอ่ยชมเขา หนึ่งในนั้นก็ยังคงเอ่ยตอบดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“พักสักครู่ก่อนเถิด ต่อไปให้ข้าจัดการเอง”
หลิ่วหมิงยิ้ม มือข้างหนึ่งก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอว เด็กน้อยเก้าคนระเบิดพร้อมเพรียงกลายเป็นไอหมอกหลอมรวมเป็นก้อนเดียวจากนั้นม้วนตัวมุดเข้าไปในถุงหนัง
แม้เฟยเอ๋อร์เพียงซื้อเวลาให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในช่วงเวลานี้หลิ่วหมิงก็กลืนโอสถจินหยวนระดับสูงต่อกันไปสามเม็ด ฟื้นพลังเวทขึ้นมาได้บ้าง
หลังเขาเก็บเฟยเอ๋อร์ไปสายตาก็เย็นชา มือตั้งท่าเคล็ดวิชา กระตุ้นพลังเวทในร่างกรอกเข้าไปในกระบี่บินพลังจิตวิญญาณในร่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
กระบี่น้อยสีทองในร่างของเขาสั่นเบาๆ พร้อมกับเสียงใสกังวาน มันบินออกมาจากกลางหว่างคิ้วเขากลายเป็นรุ้งกระบี่สีทองยาวห้าหกจั้งเส้นหนึ่ง หลังบินวนข้างกายรอบหนึ่งก็พุ่งเขาไปหาจุดหนึ่งบนกำแพงเนื้อสีเลือด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง
รุ้งสีทองพุ่งจมลงไปในกำแพงเนื้อค่อนครึ่ง เคล็ดวิชาที่มือหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างเร็วไวอีกครั้ง
เสียง “ชือๆ” ดังลั่น ปราณกระบี่แหลมคมสายแล้วสายเล่าแยกออกมาจากบนรุ้งกระบี่กลายเป็นสายสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าเกี่ยวพันกันไปมา
ระหว่างที่แสงสีทองขยับวูบไหว แม้เลือดเนื้อบนกำแพงเนื้อจะทนทานอย่างยิ่ง แต่ก็หลุดล่อนลงมาชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
หลังเวลาสิบกว่าลมหายใจบนกำแพงเนื้อก็ปรากฏรูยักษ์สีเลือดขนาดครึ่งจั้งรูหนึ่งขึ้นมา ทว่าเลือดเนื้อรอบด้านขยับยุกยิกเข้ามาโถมอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ต้นจนจบจึงยังไม่อาจทะลุกำแพงเนื้อได้สำเร็จ
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง ร่างกายหลิ่วหมิงพร่าเลือนวูบหนึ่งหายไปจากที่เดิมหลบการโจมตีของหนวดเนื้อหลายเส้นที่หวดมาถึง
ครู่ต่อมาเบื้องหน้ารูยักษ์สีเลือด เงาร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับเสียงตวาดแผ่วเบา แขนข้างหนึ่งก็หนาขึ้นแล้วต่อยหนึ่งหมัดออกไปเบื้องหน้าในทันใด เงาพยัคฆ์หมอกสีดำตัวหนึ่งส่งเสียงคำราม ชั่วพริบตาด้านในรูยักษ์ก็ระเบิด หมอกสีดำพลุ่งพล่านพลันกลายเป็นคลื่นปราณระเบิดซัดออกมา
เสียงเปรี้ยงดังสนั่น!
รูใหญ่สีเลือดเกิดแสงสว่างวาบ ระเบิดฉีกออกเป็นช่องยาวหลายฉื่อช่องหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจพลันยินดี ไม่พูดพร่ำมือข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ว่างเปล่า รอบร่างส่องแสงสีทองสว่างจ้ากลายเป็นรุ้งสีทองแสบตาเส้นหนึ่งพุ่งออกจากรอยแยก หนีออกจากที่คุมขังในทันใด
เมื่อแสงกระบี่สีทองกลางอากาศดับลง ร่างกายของหลิ่วหมิงก็ปรากฏขึ้น มือข้างหนึ่งถือกระบี่ สายตากวาดไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นบนพื้นของมิติสีเลือดมีรังไหมสีเลือดขนาดสิบจั้งกว่ารังแล้วรังเล่าวางอยู่ทั่ว มันบิดเต้นไม่หยุดประหนึ่งหัวใจของคนเป็น ผิวด้านนอกของรังไหมสีเลือดเหล่านี้มีหนวดเนื้อเส้นแล้วเส้นเล่ารัดพันไม่หยุด ทำให้รังไหมสีเลือดขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา