ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 814

ตอนที่ 814 ศึกกับชวีเหยา (กลาง)
อีกด้านหนึ่งในมือหลัวเทียนเฉิงไม่รู้ว่าถือโคมทองแดงโบราณหน้าตาเรียบง่ายออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

บนตัวโคมค่อนข้างมันวาว มองไม่เห็นร่องรอยของอักขระชั้นจำกัดสักนิด เพียงแต่บนไส้โคมเปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าเม็ดถั่วดวงหนึ่งลุกไหม้ส่ายไหวไม่นิ่งตามสายลมอยู่

ขณะที่ใยไหมสีขาวแถบใหญ่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งจั้งกว่านั้น มือข้างหนึ่งของเขาก็ตั้งท่าเคล็ดวิชา แสงสีเงินสายหนึ่งร่วงลงบนไส้โคม

เปลวเพลิงสีเงินบนโคมโบราณส่งเสียงเปรี๊ยะๆ จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นในทันใด พร้อมกับที่เคล็ดวิชาชักนำ เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าศีรษะดวงหนึ่งก็พุ่งขึ้นฟ้า พริบตาร่วงลงบนใยไหมที่อยู่ใกล้ตรงหน้า

ใยไหมสัมผัสถูกเปลวเพลิงสีเงินปุบก็ถูกเผาจนเป็นจุณ ไม่เพียงเท่านี้เปลวเพลิงสีเงินยังม้วนแผ่ออกมา เพียงครู่เดียวใยไหมเกือบครึ่งหนึ่งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้

ชวีเหยาคล้ายหวั่นเกรงเปลวเพลิงสีเงินนี้อยู่บ้าง ร่างกายมหึมาส่องแสงสีน้ำเงินวูบหนึ่ง จากที่โถมเข้ามาโจมตี การเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลงจนร่วงลงด้านข้าง ในดวงตาแมลงทั้งคู่ประกายดุร้ายไหลวนไม่หยุด

มันเก็บใยไหมสีขาวเต็มฟ้ากลับไปรวมเป็นตาข่ายไหมสีขาวชั้นหนึ่งหน้าร่าง ปกป้องตัวมันอยู่ด้านใน

บุรุษผมม่วงยามนี้หันศีรษะกลับมามองหลัวเทียนเฉิงนิ่ง ก่อนหน้านี้ตอนทั้งสองคนถูกขังอยู่ในมิติประหลาดฟาดฟันกับชวีเหยา หลัวเทียนเฉิงไม่ได้นำโคมทองแดงโบราณดวงนี้ออกมา เห็นชัดว่าตอนนั้นยังเก็บงำฝีมือไว้อยู่

หลิ่วหมิงกับชายหนุ่มรถเงินเห็นหลัวเทียนเฉิงกับบุรุษผมม่วงสองคนขวางการโจมตีระลอกหนึ่งไว้ได้ก็ไม่ถอยหลังอีกต่อไป ร่างกายขยับเหาะเข้าใส่ชวีเหยาจากอีกทิศทางหนึ่ง ทั้งสี่คนล้อมชวีเหยาตัวนี้ไว้ตรงกลาง

“เหอะ! คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าเด็กรุ่นหลังไม่กี่คนจะไม่ใช่พวกฝีมือดาษๆ พลังระดับผลึกกระจอกๆ ถึงกับบีบข้ามาจนถึงขั้นนี้” ร่างครึ่งบนของชวีเหยาพลันยกตัวขึ้น ตาแมลงทั้งสองข้างเปล่งแสงสีแดงกวาดผ่านบนร่างสี่คนที่ล้อมมันอยู่อย่างเร็วไว เสียงยังคงเป็นเสียงสตรี แต่น้ำเสียงน่าขนลุกอย่างยิ่ง

เพิ่งสิ้นเสียงในร่างกายอวบอ้วนของมันก็มีเสียง “ฟู่ๆ” แผ่วเบาดังขึ้นต่อกันเป็นพรวน รูอากาศสองแถบที่หัวฉับพลันหุบลงแล้วขยายกว้างขึ้นในทันใด ไอหมอกสีเทาแถบแล้วแถบเล่าทะลักออกมาจากด้านใน

ไอหมอกสีเทาชั่วพริบตาห้อมล้อมพื้นที่สิบกว่าจั้งรอบตัวไว้ ร่างกายมหึมาของมันจมหายไปกลางไอหมอกสีเทา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือใยไหมที่เดิมทีสีขาวเหล่านี้ เมื่ออยู่ท่ามกลางไอสีเทาประหลาดนี่ก็พร่าเลือนซ่อนเร้นหายไป

บุรุษผมม่วงเห็นสถานการณ์นี้ ลวดลายจิตวิญญาณสีเหลืองดำบนใบหน้าก็กะพริบ เงาผีด้านหลังร่างฉับพลันท้องน้อยนูนออกมา สองตาประหนึ่งโคมไฟยิ่งแดงก่ำขึ้นหลายส่วน มันอ้าปากกว้าง พ่นลูกบอลเพลิงสีเขียวเข้มขนาดเท่าศีรษะสิบกว่าลูกออกมาเป็นพรวน

หลัวเทียนเฉิงเห็นบุรุษผมม่วงลงมือก็ไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งขึ้นเช่นกัน โคมทองแดงโบราณกลางฝ่ามือส่งเสียงดัง “ฟู่ๆๆ” ออกมาพักหนึ่ง เปลวเพลิงสีเงินสามดวงก็บินตามกันออกมากลายเป็นแสงสีเงินสามสายพุ่งเร็วรี่เข้าใส่ชวีเหยา

ชายหนุ่มรถเงินอีกด้านหนึ่งตบข้างเอว แสงสีแดงดวงหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมา มันโต้ลมกลายเป็นหุ่นงูยักษ์สีแดงขนาดเท่าถังน้ำยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่ง

ร่างกายของงูยักษ์ขดแล้วยืดออก หัวงูแหงนตั้ง ตางูสองข้างเปล่งแสงสีเขียวเย็นเยียบน่าขนลุก มันอ้าปากกว้างพ่นน้ำพิษสีเขียวออกมาใส่ฝั่งตรงข้ามไม่ขาดสาย

หลิ่วหมิงย่อมไม่อยู่เฉยเช่นกัน สายตาส่องสว่างเล็กน้อย มือก็ตั้งท่าเคล็ดวิชา อ้าปากพ่นกระบี่ว่างเปล่าออกมา

กระบี่บินสีทองส่ายไหววูบหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีทองผืนใหญ่ซัดออกไป

ทั้งสี่คนเดินมาถึงจุดนี้ได้ย่อมเป็นศิษย์ที่สุดยอดที่สุดซึ่งแต่ละนิกายส่งมาเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ครั้งนี้ ครานี้ร่วมมือกันกระหนาบโจมตี พลังจึงน่าตะลึงอย่างที่สุด

ชั่วขณะสีเขียวเข้ม สีเงิน สีเขียว สีทอง การโจมตีต่างชนิดสี่ประเภทแทบจะจมลงไปกลางไอหมอกสีเทาตรงกลางอย่างดุดันพร้อมกัน ทำให้ไอหมอกปั่นป่วนอย่างรุนแรงระลอกหนึ่ง

ทว่าครู่ต่อมา ภาพที่ทำให้ทั้งสี่คนหน้าถอดสีก็บังเกิดขึ้น!

หลังการโจมตีของพวกเขาจมลงไปในไอหมอกสีเทา เสียงแผ่วเบาทุ้มหนักพรวนหนึ่งก็ดังออกมาต่อจากนั้นหมอกสีเทาที่ปั่นป่วนก็ค่อยๆ สงบลงอีกครั้ง ร่างกายมหึมาของชวีเหยาที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ยังคงยืนตระหง่านอยู่ด้านใน ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

ขณะที่ทั้งสี่นิ่งอึ้งอยู่นั้น ไอหมอกสีเทากลับม้วนโถมมืดฟ้ามัวดินไปสี่ด้านแปดทิศ รอทั้งสี่คนได้สติกลับมาก็ตกอยู่ลึกกลางทะเลหมอกสีเทาเสียแล้ว

“ระวัง ไอหมอกนี่ไม่ปกติ!”

ในใจหลิ่วหมิงมีความรู้สึกไม่ดีบางอย่างแล่นผ่าน จิตสัมผัสผละออกจากร่างปุบกลับรู้สึกว่าถูกบิดจนยุ่งเหยิงหน้าถอดสีเอ่ยเตือนขึ้นมาทันที

สิ้นเสียง กลางหมอกสีเทาพลันมีเสียง “ฟิ้วๆ” แผ่วเบาดังออกมา คล้ายมีบางอย่างกำลังพุ่งรวดเร็วมาทางด้านหน้า

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันใด เคล็ดวิชาที่มือชักนำ ชั่วขณะที่แสงสีทองส่องสว่างวูบหนึ่ง กระบี่ว่างเปล่าก็บินร่อนวนรอบร่างซัดปราณกระบี่สีทองแถบใหญ่พุ่งโถมออกไปด้านหน้า

“ปึกๆ” เสียงปะทะกันดังต่อเนื่องลอยมา

ปราณกระบี่คล้ายโจมตีถูกบางสิ่งที่อ่อนนุ่มทว่าทนทาน ใยไหมที่ซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นนั่นเอง

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียด มือข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ว่างเปล่า รอบร่างแสงสีทองสว่างขึ้นแล้วใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งพุ่งทะลุไปด้านหลัง

รุ้งทองสายหนึ่งโฉบแวบหนึ่งแล้วหายไป เขาใช้วิชาขี่กระบี่หลบหนีออกจากทะเลหมอกไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา