หลังแสงสีทองดับลง ไม่ไกลนักหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยมือที่กำกระบี่ว่างเปล่า การโจมตีของรุ้งสีทองเมื่อครู่ เห็นชัดว่าเขาใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งทำร้ายมันบาดเจ็บหนักได้อีกครั้ง
“คนรุ่นหลังเผ่ามนุษย์ใจกล้านักนะ ข้าจะเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้า!” ร่างกายมหึมาของชวีเหยาส่ายสองสามกี่หน เสียงเคียดแค้นของสตรีก็ระเบิดโกรธเกรี้ยวออกมาจากปาก
เสียงพูดเพิ่งจบ หนอนยักษ์ก็อ้าปากพ่นลูกบอลกลมสีน้ำเงินเข้มขนาดเท่าศีรษะลูกหนึ่งออกมา ลูกบอลกลมหมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่ง ทันใดนั้นแสงเรืองรองสีน้ำเงินอ่อนวงหนึ่งก็สว่างขึ้นมา จุดที่แสงสีน้ำเงินผ่านไม่ว่าเงาผี ดวงไฟสีทองหรือเปลวเพลิงสีเงินล้วนถูกมันงัดลอย กระแทกกระจายออกไปสี่ด้านพร้อมเสียงดังสนั่น
“แก่นปีศาจหรือ?” หลิ่วหมิงตกใจ ขณะที่แสงเรืองรองสีน้ำเงินกวาดผ่านหน้าร่างตน เขาก็รีบกระตุ้นปีกทั้งคู่บนแผ่นหลังพุ่งรวดเร็วไปด้านหลัง
เวลานี้หัวอวบอ้วนของชวีเหยายกขึ้นท่ามกลางแสงสีน้ำเงินที่ห้อมล้อม ดวงตาแมลงสีแดงฉานที่เผยแววตาดุร้ายออกมาสองข้างกวาดผ่านบนร่างพวกหลิ่วหมิงอย่างเหี้ยมโหด
เวลานี้บนหัวของมันเลือดเนื้อปนกันเละเทะ เลือดสีเขียวไหลโชก เห็นชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่ทำให้มันบาดเจ็บไม่น้อย
หลัวเทียนเฉิงเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยัน ตอนที่คิดจะลงมืออีกครั้ง ชวีเหยากลับอ้าปากอีกครั้งส่งเสียงคำรามแหลมแสบแก้วหู
ทันใดนั้นใยไหมแถบใหญ่ก็พ่นบ้าคลั่งออกมารวมตัวกันใกล้แก่นปีศาจเบื้องหน้าร่าง ไอหมอกสีเทาที่ลอยกระจายอยู่รอบด้านทยอยรวมตัวเข้ามาผสานเข้ากับใยไหมสีขาว
ใยไหมสีขาวกลายเป็นสีเทาในทันใด
“จงกลายเป็นผีเสื้อ!”
ชวีเหยาร้องเสียงแหลม ทันใดนั้นแสงเรืองรองสีน้ำเงินอ่อนบนแก่นปีศาจก็ล้อมใยไหมสีเทาทั้งหมดไว้ด้านใน
ท่ามกลางแสงเรืองรองสีน้ำเงิน ใยไหมสีเทาพาดผ่านถักทอกันประหนึ่งสายฟ้าแลบ หลังตาพร่าลายวูบหนึ่ง ใยไหมก็หายไปแล้ว สิ่งที่มาแทนที่ก็คือผีเสื้อสีเทาขนาดเท่าฝ่ามือเกือบหนึ่งร้อยตัวบินร่อนระบำอยู่ใกล้ๆ
ชวีเหยายิ้มน่าขนลุกแล้วอ้าปากส่งเสียงร้องแผ่วเบาออกมาทีหนึ่ง ผีเสื้อสีเทาที่วนล้อมอยู่รอบตัวมันกระพือปีก บินโถมเข้าใส่พวกหลิ่วหมิงสี่คนอย่างมืดฟ้ามัวดินประหนึ่งเมฆสีเทาแถบหนึ่งทันที
“เหอะ! ก็แค่การดิ้นรนของสัตว์ที่จนมุมเท่านั้น!”
หลัวเทียนเฉิงแค่นเสียงหยันทีหนึ่งแล้วอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ลงไปในโคมไฟทองแดงโบราณในมือทันที
ไฟโคมสีเงินลุกโชนขึ้นสูงหลายฉื่อ ตามติดมาด้วยลูกบอลเพลิงสีเงินสิบกว่าลูกบินพุ่งออกมา
เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้นหลายหน!
ระหว่างทางลูกบอลเพลิงสีเงินเหล่านี้ฉับพลันกลายเป็นอสรพิษเพลิงสีเงินที่ประหนึ่งมีชีวิตสิบกว่าตัว พุ่งประจันเข้าหาผีเสื้อสีเทาเต็มฟ้า
ทันใดนั้นเพลิงสีเงินก็หอบผีเสื้อจิตวิญญาณผืนใหญ่เข้าไปด้านใน ระหว่างที่เปลวเพลิงกลืนกินก็ส่งเสียงดังชี่ๆ ออกมา ผีเสื้อจิตวิญญาณคล้ายดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานท่ามกลางเปลวเพลิงสีเงิน ปีกกระพือช้าลงทุกทีๆ
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ บนหน้าของหลัวเทียนเฉิงก็เผยสีหน้าได้ใจ
“ไม่ใช่ พลังงานในเปลวเพลิงสีเงินของเจ้ากำลังถูกผีเสื้อจิตวิญญาณเหล่านั้นดูดกลืนไปแล้ว”
ชายหนุ่มรถเงินฉับพลันสีหน้าเปลี่ยนไปพลางเอ่ยเตือนเสียงดัง
หลัวเทียนเฉิงสีหน้าแข็งทื่อ เพ่งสายตามองไป
เป็นดังว่าขนาดร่างของอสรพิษเพลิงสีเงินสิบกว่าตัวนั้นหดเล็กลงช้าๆ ตรงกันข้ามผีเสื้อจิตวิญญาณด้านในปรากฏเปลวเพลิงสีเงิน แม้เคลื่อนไหวช้าลงไม่น้อย แต่กลับมีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านี้เท่าหนึ่งอยู่เลือนราง
“ฮ่าๆ วิชาผีเสื้อจิตวิญญาณของข้า แม้จะถูกเพลิงจิตวิญญาณพลังมากหลายชนิดข่มได้ แต่อาศัยพวกเจ้าเด็กน้อยระดับผลึกไม่กี่คนคิดจะทำลายวิชาลับนี้เป็นคนบ้าเพ้อฝันโดยแท้!” ชวีเหยาหัวเราะเสียงแหลมน่าขนลุก
ในเวลาเดียวกันผีเสื้อสีเทาก็พลันโปรยผงสีเทาแถบใหญ่จากบนปีก ประหนึ่งเมฆประหนึ่งหมอกครอบลงมา เพียงชั่วครู่อสรพิษสีเงินทั้งหมดก็สลายไปสิ้น
ซ่า!
ผีเสื้อสีเทาซัดผงสายแล้วสายเล่าเข้าใส่ทั้งสี่คนต่อประหนึ่งคลื่นสมุทร พลังท่วมท้นยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน
“ทุกท่าน จะปล่อยให้ผีเสื้อจิตวิญญาณเหล่านี้ถ่วงมือเท้าไม่ได้ สังหารร่างต้นของชวีเหยาตัวนั้นเลย! ในเมื่อแก่นแท้ของมันออกมาย่อมบ่งบอกว่าปีศาจร้ายตัวนี้ทนอีกได้ไม่นานนักแล้ว!” บุรุษผมม่วงสายตาเปล่งประกายส่งกระแสจิตเอ่ยบอก
“แต่ผีเสื้อจิตวิญญาณเต็มฟ้านี่คงจัดการไม่ง่าย ข้าเหลือพลังเวทไม่เท่าไรแล้ว” หลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่านผีเสื้อจิตวิญญาณเต็มฟ้าแล้วเอ่ยพึมพำ
“เหอะ เจ้าพวกนี้ยกให้ข้าเถิด” หลัวเทียนเฉิงด้านข้างเก็บโคมทองแดงโบราณในมือไป จากนั้นพลิกมือเรียกยันต์สีฟ้าแผ่นหนึ่งออกมา แสงรัศมีสีฟ้าเข้มฉายออกมาพร้อมนำพาความเย็นเยียบมาในทันใด
“ยันต์เหมันต์ปรโลก! ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ข้ากับสหายหลัวพยายามถ่วงเวลาผีเสื้อจิตวิญญาณเหล่านี้เอง สหายหลิ่วกับสหายหอเป๋ยโต่วพยายามสังหารชวีเหยาตัวนี้ให้เร็วที่สุดเถอะ!” ชายหนุ่มรถเงินมองหลัวเทียนเฉิงด้วยสีหน้าประหลาดเล็กน้อยจากนั้นเอ่ยอย่างเร็วไวเช่นกัน
คนอื่นย่อมไม่เห็นต่าง
เพียงครู่เดียวที่ทั้งสี่คนส่งกระแสจิตอย่างเร็วไว ผีเสื้อจิตวิญญาณเต็มฟ้าก็บินมาห่างทั้งสี่คนไม่กี่จั้งแล้ว มืดฟ้ามัวดินประหนึ่งเมฆสีเทามหึมาก้อนหนึ่ง กลืนทั้งสี่คนหายลงไปในครู่ต่อมา
หลัวเทียนเฉิงไม่พูดพร่ำยกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงรัศมีสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา ล้อมผีเสื้อสีเทาเต็มฟ้า
“ระเบิด!”
สองมือเขาทำท่าเคล็ดวิชา ปากตวาดแผ่วเบาคำหนึ่ง ยันต์สีฟ้าก็ระเบิดส่งเสียงดังกึกก้อง ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็ส่องวูบวาบ เสียงสายลมบ้าคลั่งดังขึ้นมา ลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งแหวกอากาศร่วงลงในหมู่ผีเสื้อจิตวิญญาณ ทั้งยังขยายออกไปหลายสิบจั้งรอบด้านในชั่วพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา