หลังหลิ่วหมิงเห็นว่าฝ่ามือยักษ์กลางอากาศกำลังจะตบลงมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาหลายหน เขากัดฟันทันที ตั้งใจจะปลดปล่อยวิชาสายฟ้าสวรรค์บางส่วนที่ถูกผนึกอยู่ในร่างออกมาโจมตีสุดชีวิต
ส่วนหลัวเทียนเฉิงกับบุรุษผมม่วง คนหนึ่งร่างกายฉับพลันขยายพรวด รอบร่างแสงสีเงินสว่างจ้า ส่วนอีกคนหนึ่งบนผิวมีลวดลายจิตวิญญาณสีดำเหลืองนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา เส้นผมสีม่วงทั้งศีรษะส่งเสียงดัง “พรึ่บ” ทีหนึ่งก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีม่วงลุกโหม
เห็นชัดว่าทั้งสองคนนี้ก็ไม่มีทางเลือก คิดจะใช้วิชาดิ้นรนสุดชีวิตเช่นกัน
ทว่าในเวลานี้เอง เสียง “เปรี้ยง” ดังสั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น!
กลางอากาศเหนือฝ่ามือยักษ์ฉับพลันมีเส้นแสงสีขาวส่องสว่าง เสียงหวีดหวิวดั่งอสนีบาตคำรนพุ่งแล่นลงมา
“เกิดอะไรขึ้น!”
ตรีศูลโลหิตตกตะลึงเงยศีรษะขึ้นมองทันที
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง
แสงสีขาวเจิดจ้าจับตาสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาจากในเส้นแสงสีขาวกลางท้องฟ้า โจมตีลงบนผ่ามือยักษ์สีเลือดประหนึ่งสายฟ้าแลบในทันใด
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นทีหนึ่งก็เห็นฝ่ามือยักษ์สีเลือดที่ดูเหมือนทรงพลังไม่อาจหยั่งกลับถูกแสงสีขาวพุ่งทะลุ แตกกระจายส่งเสียงดังสนั่นกลายเป็นแสงสีขาวจุดแล้วจุดเล่าหายไปกลางอากาศ
พวกหลิ่วหมิงสี่คนรู้สึกเพียงไอเย็นเยียบในร่างสลายไป ร่างกายเบาโหวง ฟื้นกลับมาขยับได้อีกครั้ง
ทั้งสี่คนยังไม่ทันได้เผยสีหน้ายินดี แสงสีขาวกลางท้องฟ้าพริบตาก็แยกออกไปทางซ้ายขวากลายเป็นรูปบานประตูสีขาวขมุกขมัวบานหนึ่ง จากนั้นเงาคนพร่าเลือนสามร่างก็บินออกมาจากด้านใน
ปราณมหาศาลประหนึ่งจักรวาลสายหนึ่งฉับพลันโถมออกมาจากตัวทั้งสามคน กวาดแรงกดดันน่าหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจาตรีศูลโลหิตไปเกลี้ยงแทบจะในพริบตา
หลังพวกหลิ่วหมิงรีบร้อนเพ่งสายตามองคนทั้งสามแล้วยินดีคลุ้มคลั่งในทันใด
พวกเขาเห็นสองคนในนั้นใบหน้าสวมหน้ากากทองแดงกับอาภรณ์ไหมทั้งร่าง ทูตแห่งวังสวรรค์ที่นำศิษย์แต่ละนิกายเข้ามาในงานประตูสวรรค์ก่อนหน้านี้นั่นเอง
ผู้เฒ่าชุดขาวผมขาวผู้นั้นตรงกลางระหว่างทั้งสองคนก็คือผู้เฒ่าเทียนเหอผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์จากวังสวรรค์ที่เคยเผยหน้าออกมาครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้
หลังสายตาของทั้งสามคนกวาดมองสถานการณ์เบื้องหน้า ในดวงตาของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีก็ฉายแววตกตะลึง ส่วนสองตาของผู้เฒ่าเทียนเหอประหนึ่งสายฟ้า กวาดพรึ่บเดียวจับจ้องพวกตรีศูลโลหิตสามตัวที่อยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ หนึ่งประโยค
“ข้าว่าแล้วในแดนลึกลับจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร เป็นอย่างที่คิดพวกเจ้าสัตว์ประหลาดสามตัวก่อเรื่องจริงๆ พวกเจ้าสามตัวนี่ก็นะ ร่างต้นถูกวังสวรรค์สะกดไว้นานเช่นนี้กลับยังมีความสามารถสร้างร่างแปลงออกมาสร้างความวุ่นวายอีก!”
“ผู้เฒ่าเทียนเหอ!” ตรีศูลโลหิตเห็นผู้เฒ่าผมขาวก็ตวาดเสียงดังคำหนึ่ง ชั่วพริบตาสองตาแดงฉานประหนึ่งจะพ่นไฟ ทว่าต่อจากนั้นตรีศูลสีดำในมือมันก็เหวี่ยงใส่อากาศ แหวกช่องว่างช่องหนึ่งแล้วขยับร่างคิดจะหนีเข้าไปด้านใน
ชวีเหยากับหนอนประหลาดเผ่าหนอนผีเสื้อก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากด้วย ไม่พูดพร่ำหมุนตัวอยากจะหนีเข้าไปในรอยแยกเช่นกัน
ผู้เฒ่าเทียนเหอสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เห็นเขาขยับมือ เพียงแค่อ้าปากทีหนึ่ง แสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งออกมาประหนึ่งสายฟ้าแลบ ออกมาทีหลังแต่กลับจมลงในรอยแยกมิติที่ตรีศูลโลหิตแหวกออกก่อน
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
บนรอยแยกมิติฉับพลันส่องแสงสีขาวสว่างจ้าประสานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เนื่องจากเหตุผลิกผันครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาชั่วสะเก็ดไฟแลบ พวกตรีศูลโลหิตสามตัวจึงโถมเข้าใส่ความว่างเปล่าในทันใด
ทั้งสามตัวตกตะลึง พุ่งเร็วรี่กลายเป็นลำแสงหนีไปยังทิศทางต่างๆ ทันที
ผู้เฒ่าเทียนเหอแค่นเสียงหยันทีหนึ่งแล้วม้วนแขนเสื้อยาว กระบี่บินทรงกระสวยสีขาวเล่มหนึ่งบินออกมาทันที
กระบี่นี้แบ่งเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นลวดลายยันต์โบราณ อีกด้านหนึ่งเป็นอักขระรูปนกแผ่อยู่เต็ม ส่วนปลายด้ามกระบี่เป็นหัวสัตว์หัวหนึ่ง ดูหน้าตาคล้ายมังกรแต่ไม่ใช่มังกร คล้ายกิเลนแต่ก็ไม่ใช่กิเลน แผ่ปราณมงคลออกมาแตกต่างจากกระบี่บินปกติ
เสียง “วิ้ง” ดังขึ้นทีหนึ่ง กระบี่บินรูปกระสวยก็ระเบิดแสงรัศมีสีขาวเกือบร้อยสายออกมา แสงสีขาวเหล่านี้ปรากฏขึ้นปุบก็โต้ลมขยายใหญ่ พริบตาเดียวกลายเป็นกระบี่บินสีขาวยาวหลายจั้งกว่านับร้อยเล่ม พร่าเลือนวูบหนึ่งหายไปไร้ร่องรอยจากที่เดิมในทันใด
ครู่ต่อมาอากาศใกล้ๆ พวกตรีศูลโลหิตสามตัวก็ไหวกระเพื่อม กระบี่บินมากมายถี่ยิบลอยออกมาเรียงเป็นแถวประหลาดขังทั้งสามตัวไว้ด้านใน
“ค่ายกลกระบี่!”
หลิ่วหมิงดูมาถึงตรงนี้ ในใจก็พรั่นพรึง
ผู้เฒ่าเทียนเหอผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกฝนกระบี่คนหนึ่งเช่นกัน นอกจากนี้ยังฝึกฝนพลังชนิดหนึ่งที่คล้ายกับเงากระบี่แยกแสง มิเช่นนั้นเขาคงไม่อาจอาศัยกระบี่บินวางค่ายกลกระบี่ใหญ่โตเช่นนี้ออกมาได้ในเฮือกเดียว
“ผู้เฒ่าเทียนเหอ ท่านรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”
ในดวงตาตรีศูลโลหิตทอประกายดุดัน มันคำรามเสียงดังทีหนึ่ง ไอหมอกสีเลือดหนาทึบบนร่างก็ระเบิดแสงสีเลือดเส้นแล้วเส้นเล่าออกมา หลังจากนั้นโดมแสงสีเลือดขมุกขมัวอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ปกป้องทั้งสามตัวไว้ด้านใน
ผู้เฒ่าเทียนเหอแค่นเสียงเหอะทีหนึ่ง กระบี่บินทั้งหมดก็สั่นไหวพร้อมกัน ปราณกระบี่ยาวหนึ่งจั้งกว่านับร้อยสายพุ่งออกมาจากค่ายกลกระบี่กลายเป็นเงากระบี่มากมายพุ่งไปฝั่งตรงข้าม
เสียงเปรี้ยงสะเทือนฟ้าสะเทือนดินระลอกหนึ่งดังขึ้น!
ปราณกระบี่สีขาวเต็มฟ้ากลบแสงสีเลือดไว้ด้านในจนมิด โดมแสงสีเลือดต้านทานได้เพียงสองลมหายใจก็แตกกระจุย พวกตรีศูลโลหิตสามตัวกรีดร้องทีหนึ่งก็ถูกปราณกระบี่ฟันจนสลายหายไป
“ผู้เฒ่าเทียนเหอพลังเวทลึกล้ำ ท่านผู้เฒ่าลงมือ พวกต่างเผ่ากระจอกๆ สามตัวก็อยู่ในกำมือ” บุรุษผน้ากากทองแดงเห็นเช่นนี้ก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยอย่างนอบน้อมทันที
ผู้เฒ่าเทียนเหอกลับสีหน้านิ่งสนิทประหนึ่งไม่ได้ยินคำพูดของบุรุษหน้ากากทองแดง สนใจเพียงมนตร์ที่ท่องออกจากปากตนเท่านั้น
บุรุษหน้ากากทองแดงถอยหลังกลับไปอย่างกระอักกระอ่วน ทูตสตรีอีกผู้หนึ่งมองผู้เฒ่าเทียนเหอแล้วในดวงตาก็เผยแววตากังวลออกมาเช่นกัน
ทันใดนั้นปากที่เอ่ยท่องมนตร์ของผู้เฒ่าเทียนเหอก็หยุด สองมือยกขึ้นขนานกันตรงหน้าอก ขยับสะบัดคล้ายช้าแต่ก็คล้ายเร็ว
นาทีต่อมาแสงรัศมีสีเทาขาวก็ส่องสว่างบนร่างเขา สองตาของเขาปกคลุมด้วยแสงสีขาวแวววาวชั้นหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา