โถงตำหนักทั้งโถงเป็นทรงกลม เสากลมมหึมาเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งจั้งกว่าสิบกว่าต้นวนล้อมห้องโถงทั้งหมด ด้านบนมีรูปสลักปีศาจอสูรไม่ทราบนามรูปร่างต่างๆ นานาตัวแล้วตัวเล่า ดูราวกับมีชีวิต หมอกควันสีขาวหนาทึบสายแล้วสายเล่าพ่นออกมาจากปากทำให้ส่วนพื้นทั้งหมดมีหมอกควันวนเวียนประหนึ่งแดนเซียน
บนที่นั่งประธานกลางห้องโถง ผู้เฒ่าเทียนเหออาภรณ์ขาวผมขาวกำลังนั่งสง่าหลับสองตาแน่นอยู่ ด้านข้างยังมีข้ารับใช้ชุดขาวท่าทางอายุสิบหกสิบเจ็ดปีสองคนยืนอยู่แต่ละฝั่ง
หลิ่วหมิงกวาดสายตาทีหนึ่ง ไม่อาจสัมผัสคลื่นพลังจิตวิญญาณบนร่างเขาได้แม้แต่น้อย!
หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาเห็นอีกฝ่ายใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเองคนเดียวประหัตประหารปีศาจต่างโลกสามตัวอย่างสบายๆ ด้วยตาตนเอง ก็อาจจะคิดว่าผู้อาวุโสตรงหน้าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ
“สามคนนี้ก็คือสามอันดับแรกของการฝึกฝนครั้งนี้หรือ?” ผู้เฒ่าเทียนเหอลืมตาสองข้างขึ้นช้าๆ กวาดมองพวกหลิ่วหมิงสามคนทีหนึ่งแล้วเอ่ยเรียบๆ
“ตอบผู้อาวุโส สามคนนี้ขอรับ” เสวียนอู่ที่อยู่ด้านข้างพวกหลิ่วหมิงสามคนได้ฟังก็ประสานมือเอ่ยอย่างนอบน้อมทันที
พวกหลิ่วหมิงสามคนย่อมก้มต่ำคำนับผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ผู้นี้ด้วยสีหน้านอบน้อมด้วย
กระทั่งหลี่ว์เหมิงผู้แลดูยโสโอหังคนนั้น อยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าเทียนเหอยังทำตัวดีอย่างที่สุด
“พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธี ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็คือแขกของวังสวรรค์ คิดว่าพวกเจ้าน่าจะทราบแล้ว สามอันดับแรกของการฝึกฝนประตูสวรรค์ทุกครั้งล้วนเอ่ยขอรางวัลอันสมเหตุสมผลประการหนึ่งจากวังสวรรค์ได้ พูดมาเถอะ พวกเจ้ามีความต้องการอันใดบ้าง” ผู้เฒ่าเทียนเหอยิ้มนิดๆ พลางเอ่ยถามพวกหลิ่วหมิง
“ผู้อาวุโสเทียนเหอ ข้าปรารถนาวิชาลับที่ขาดการสืบทอดไปแล้ววิชาหนึ่งชื่อวิชาหลอมใจ ไม่ทราบความต้องการนี้นับว่าเหมาะสมหรือไม่?” หลี่ว์เหมิงเหมือนจะตัดสินใจมานานแล้ว หลังคำนับอย่างนอบน้อมอีกครั้งก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“วิชาหลอมใจหรือ? ไม่เลว! นี่เป็นวิชาลับที่ขาดการสืบทอดไปแล้ววิชาหนึ่งจริงๆ มีประโยชน์อย่างยิ่งกับการต่อต้านมารในใจและการเลื่อนชั้น ความต้องการนี่สมเหตุผลยิ่ง เจ้าไปหอตำรานำวิชาหลอมใจมา” ผู้เฒ่าเทียนเหอได้ยินก็พยักหน้า พร้อมกันนั้นก็หันไปสั่งข้ารับใช้ของวังสวรรค์คนหนึ่งด้านข้าง
ข้ารับใช้แห่งวังสวรรค์ผู้นี้ค้อมกายเล็กน้อยในทันใด จากนั้นจึงเดินไปยังด้านหลังโถงตำหนัก
ไม่นานนักคนผู้นี้ก็ประคองคัมภีร์ที่ส่องแสงสีฟ้าขมุกขมัวเล่มหนึ่งซึ่งบนปกสลักยันต์สีทองตัวหนึ่งกลับมาในโถงตำหนัก จากนั้นมอบคัมภีร์ไว้ในมือบุรุษผมม่วง
ผลปรากฏว่าเมื่อหลี่ว์เหมิงแตะถูกคัมภีร์ ยันต์สีทองบนปกคัมภีร์ฉับพลันก็ส่องสว่างกลายเป็นแสงสีทองพุ่งเข้าไปกลางหว่างคิ้วของบุรุษผมม่วง
หลี่ว์เหมิงแรกสุดตะลึงเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็เข้าใจ
“วิชาลับนี้เป็นรางวัลของเจ้าเพียงผู้เดียว จงจำไว้อย่าได้ถ่ายทอดต่อ หลังอ่านจบคัมภีร์เล่มนี้จะเผาทำลายตัวเอง หลังจากนั้นไม่อาจบอกสิ่งที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชานี้แก่ผู้ใด มิเช่นนั้นจะถูกผลสะท้อนจากชั้นจำกัดบนคัมภีร์ กายและจิตล้วนถูกทำลาย” ผู้เฒ่าเทียนเหอเอ่ยอย่างแลดูสบายๆ
“ผู้เยาว์เข้าใจ”
บุรุษผมม่วงยังคงทำหน้านอบน้อมเก็บคัมภีร์เข้าไปในกำไลเก็บของ จากนั้นประสานมือถอยหลังไปสองสามก้าว
“คนต่อไป”
“ผู้อาวุโสเทียนเหอ ผู้เยาว์ต้องการโอสถซวีหยวนระดับสูงหนึ่งเม็ด” อิ๋นเซ่อเยื้องย่างเคลื่อนมาข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นกะพริบตาเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า
“โอสถซวีหยวนระดับสูงหรือ? โอสถนี้แม้หายากอย่างที่สุด วิธีการปรุงก็ขาดการสืบทอดบนแผ่นดินจงเทียนมานานแล้ว แต่ข้ากลับบังเอิญมีโอสถจิตวิญญาณนี้อยู่ ระดับก็สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าพอดี ทว่าโอสถนี้มีประโยชน์กับคนที่มีคุณสมบัติร่างพิเศษน้อยนิดไม่กี่คนเท่านั้น หรือว่าเจ้า…ดี! ศิษย์ของหอเป๋ยโต่วแต่ละคนพรสวรรค์ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
ผู้เฒ่าเทียนเหอได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ ขึ้น รับปากเรื่องนี้ทันทีจากนั้นล้วงขวดน้อยสีเขียวหยกใบหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ โยนไปให้สตรีผมเงิน
สตรีผมเงินกวักมือข้างหนึ่งกลางอากาศ ขวดใบน้อยก็ถูกแสงเรืองรองสีเงินสายหนึ่งม้วนรัดปล่อยลงกลางฝ่ามือ
นางเปิดจุดขวด สองตาหรี่มองไปด้านใน บนใบหน้างามเย็นชาเผยรอยยิ้มน้อยๆ
“ขอบคุณผู้อาวุโสเทียนเหอที่ประทานโอสถ!”
สตรีผมเงินเก็บขวดน้อยสีหยกไป หลังคำนับผู้เฒ่าเทียนเหออย่างงดงามก็ถอยหลังไปสองสามก้าวกลับไปข้างกายหลี่ว์เหมิง
“กลับไปเตือนตาเฒ่าเป๋ยโต่ว อย่าลืมสัญญาที่รับปากข้าไว้” ผู้เฒ่าเทียนเหอโบกมือ จากนั้นสายตาก็จับอยู่บนร่างหลิ่วหมิง
“ผู้อาวุโส ผู้เยาว์อยากเรียนถามสักหน่อยว่าวังสวรรค์มีวิชาหลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าหรือไม่?” หลังหลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยก็เอ่ยปากบอก
เดิมเขาคิดจะถามผู้เฒ่าเทียนเหอตรงๆ ว่าวังสวรรค์มีวัตถุดิบจากปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าหรือไม่ แต่ในเมื่อตนเอาทานตะวันหัวใจอัคคีมาได้แล้ว หลังกลับไปย่อมได้เบาะแสของปีศาจอสูรนี้จากผู้อาวุโสเถียนด้านนั้นอยู่ดี
ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสอันหาได้ยากเช่นนี้ ไม่สู้สืบถามวิธีพิเศษในการหลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าสักหน่อย แม้มีวัตถุดิบจากปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าก็หลอมฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่าออกมาได้ แต่ฝักกระบี่ดีเลวย่อมต่างกันราวฟ้ากับดิน หากมีวิธีหลอมพิเศษโดยเฉพาะย่อมทำให้ฝักกระบี่ธาตุสำแดงฤทธิ์ได้มากที่สุด ทำให้การเพิ่มศักยภาพและการบำรุงกระบี่บินยามออกจากฝักบรรลุถึงระดับที่น่าหวาดกลัวที่สุด
บุรุษผมม่วงกับสตรีผมเงินด้านข้างได้ยินคำนี้ล้วนเหล่มองหลิ่วหมิงอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
“ฝักกระบี่ธาตุว่างเปล่า ข้าพอรู้จักอยู่ แต่วิธีพิเศษในการหลอม ข้าไม่ค่อยรู้ชัดจริงๆ เจ้ารอสักประเดี๋ยว” แววตาประหลาดแล่นผ่านในดวงตาผู้เฒ่าเทียนเหอ ริมฝีปากเขาขมุบขมิบส่งกระแสจิตกับข้ารับใช้ด้านข้างหลายประโยค
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา