“หินจิตวิญญาณไม่ใช่ปัญหาอันใด ส่วนเจ้าหนูระดับผลึกคนนั้น เจ้าให้เขามาหาข้าก็แล้วกัน แต่หากข้อมูลที่บอกข้าไม่จริง ต่อให้เจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวก็อย่าคิดมีชีวิตรอด” ผู้ฝึกฝนชุดขาวเอ่ยอย่างวางโตจบก็สะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวออกจากร้านไป
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำตอนนี้ถึงลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก
เขาทำกิจการอยู่ในตลาดเล็กๆ แห่งนี้มานานสิบกว่าปีแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับสูงก็เคยพบมาไม่น้อย แต่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ได้เพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรกจริงๆ
ทว่าอย่างไรเขาก็นับว่าเป็นคนที่เห็นโลกมามาก หลังกลอกลูกตารอบหนึ่งก็ฟื้นกลับมาท่าทางเหมือนไม่มีอะไร
มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้คนนี้เป็นที่พึ่ง เขาย่อมไม่ต้องสนใจคำพูดที่ตกลงกับหลิ่วหมิงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
หลายวันให้หลังหลิ่วหมิงมาโรงร้อยล่าอีกครั้งตามที่นัดไว้
ผลปรากฏว่าเขาเหยียบเข้าประตูร้านปุบก็เห็นชายฉกรรจ์ร่างกำยำผู้นั้นเดินเข้ามาหา เร่งรีบประสานมือแจ้ง
“ผู้อาวุโสท่านมาช้าแล้ว…ราวครึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสชุดขาวที่พลังไม่เป็นรองท่านคนหนึ่งอยู่ดีๆ ก็มาที่ร้าน เจาะจงจะเอาเพียงพอนผลึกม่วง ข้าบอกเขาว่ามีเพียงตัวเดียวและถูกผู้อาวุโสจองไว้ก่อนแล้ว ใครจะรู้ผู้อาวุโสชุดขาวคนนี้ไม่พูดพร่ำก็จับข้าไว้ ค้นร้านเอาเพียงพอนผลึกม่วงไป
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำพูดถึงตรงนี้ใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีหน้าจนปัญญา
หลิ่วหมิงได้ยินก็ตกตะลึงเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งครึม กระแสความเย็นสายหนึ่งซัดออกมาจากบนร่าง
ชายฉกรรจ์ฝั่งตรงข้ามสะท้าน รีบร้อนล้วงยันต์ที่ส่องแสงสีม่วงขมุกขมัวแผ่นหนึ่งออกมาจากบนร่าง เปลี่ยนคำพูดเอ่ยขึ้นว่า
“แต่ผู้อาวุโส ผู้เยาว์เล่นตุกติกนิดหน่อยบนตัวเพียงพอนผลึกม่วงตัวนั้น นี่คือยันต์ผลึกม่วง เป็นสิ่งที่สหายผู้นั้นของข้าทำขึ้นเองกับมือ เดิมทีเตรียมไว้เพราะกลัวเพียงพอนผลึกม่วงจะหนี ข้างในมีโลหิตบริสุทธิ์ของเพียงพอนผลึกม่วงตัวนั้นหยดหนึ่ง ในระยะหมื่นลี้ใช้ยันต์นี้สัมผัสค้นหาที่อยู่ของเพียงพอนผลึกม่วงตัวนั้นได้ คนผู้นั้นเพิ่งจากไปครึ่งชั่วยาม ด้วยความสามารถของผู้อาวุโสอาจไล่ตามคนผู้นี้ได้ทัน”
“เหอะ เจ้าเตรียมลูกไม้รอไว้ไม่น้อย! ถ้ายันต์นี้ได้ผลก็แล้วไป แต่ถ้าข้าหาคนผู้นั้นไม่เจอ เจ้าก็สวดภาวนาให้ตัวเองไว้เถอะ”
หลิ่วหมิงมองชายฉกรรจ์นิ่งๆ ทีหนึ่ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวัก ดึงยันต์สีม่วงเข้ามาอยู่ในมือ หลังทิ้งประโยคหนึ่งเช่นนี้ไว้ก็หมุนตัวเดินไปด้านนอก
“ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยไหนเลยจะกล้าปิดบังแม้สักนิด…” ด้านหลังถ้อยคำรีบร้อนแก้ตัวของชายฉกรรจ์ดังมาอีกครั้ง
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยันในใจทีหนึ่งก็ก้าวออกจากประตูใหญ่ลอยขึ้นฟ้าไปทันที
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจู้จี้กับชายฉกรรจ์ร่างกำยำผู้นี้ ภารกิจเร่งด่วนคือการตามหาเพียงพอนผลึกม่วงให้พบก่อน
ร่างกายเขาลอยอยู่กลางอากาศ ผนึกพลังเวทบนฝ่ามือแล้วจิ้มลงบนยันต์สีม่วงเบาๆ พลังเวทสายหนึ่งก็แทรกเข้าไปด้านใน
ทันใดนั้นยันต์ทั้งแผ่นในมือก็ส่องแสงสีม่วงสว่างจ้า หมุนตัวรอบหนึ่งก็พลันกลายเป็นหัวลูกศรหัวหนึ่งชี้ไปยังเทือกเขาแห่งหนึ่งทางตะวันออก
หลิ่วหมิงย่อมเข้าใจว่านี่หมายความว่าอะไร เมฆดำผุดขึ้นใต้เท้าลอยไปยังทิศทางหนึ่งทันที
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำในร้านรู้สึกเลือนรางว่าหลิ่วหมิงออกไปแล้ว ใบหน้าอึมครึมเปลี่ยนไปมาพักหนึ่งก็เก็บข้าวของในทันที ปิดประตูหน้าร้านออกไปจากตลาดเงียบๆ
เวลาชั่วจิบชาหนึ่งถ้วยหลิ่วหมิเลี้ยวไปเลี้ยวมาตามการชี้ทางของยันต์ในมือจนมาถึงถนนอีกแห่งใจกลางตลาด
สุดปลายถนนมีร้านที่ค่อนข้างเก่าร้านหนึ่งอยู่ หลิ่วหมิงโฉบทีเดียวเข้าไปยังหน้าร้านที่ขายเฉพาะอุปกรณ์วางค่ายกล มองไปก็เห็นผู้ฝึกฝนที่พลังไม่เป็นรองเขาที่ชายฉกรรจ์ร่างกำยำผู้นั้นบอก
คนผู้นี้ทั้งร่างสวมอาภรณ์ขาว กำลังดูอาวุธเวทสำหรับวางค่ายกลชุดหนึ่งในร้านอย่างสนอกสนใจ
หลิ่วหมิงกวาดจิตสัมผัส ในใจเคร่งเครียดเล็กน้อย อีกฝ่ายพลังระดับแก่นแท้ขั้นต้น แต่ปราณไม่มั่นคงอยู่บ้างคล้ายกับว่าเพิ่งเลื่อนเข้าระดับแก่นแท้ไม่นานนัก
“เถ้าแก่ พวกนี้ข้าต้องการทั้งหมด ช่วยข้าเก็บไว้ก่อน ประเดี๋ยวจะมีคนเดินทางมาจ่ายเงินรับของ ตอนนี้มีสหายคนหนึ่งมาหาข้า”
เวลานี้เองผู้ฝึกฝนชุดขาวคล้ายสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของหลิ่วหมิงจึงเหล่ตามองเขาทีหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปแล้ววางอาวุธเวทในมือลง เอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบไม่ช้า
หลิ่วหมิงหรี่สองตาลง เขาไม่ประหลาดใจนัก เอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“ดูท่าสหายจะทราบว่าข้ามาหาท่านด้วยเรื่องใด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มอบเพียงพอนผลึกม่วงมาเถอะ”
“ข้ามองผิดหรือ? ระดับผลึกกระจอกๆ คนหนึ่งถึงกับกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่ใช่พวกข่มเหงคนอ่อนแอ เพียงพอนผลึกม่วงมีประโยชน์กับข้ามาก รอผ่านไปสักหลายวันใช้เสร็จแล้ว เจ้าค่อยมาหาข้าใหม่แล้วกัน” หลังผู้ฝึกฝนชุดขาวอึ้งไปเล็กน้อยก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
“ใช้เสร็จค่อยให้ข้า ท่านคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือ?” หลิ่วหมิงได้ฟังในใจพลันเกิดโทสะ แต่ภายนอกยังคงเอ่ยตอบนิ่งๆ
“อ้อ? ดูท่าทางเจ้าคล้ายจะไม่ยอม” ผู้ฝึกฝนชุดขาวหุบยิ้มบนหน้าทันใด ก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา