พร้อมกับที่ปากผู้ฝึกฝนชุดขาวโพล่งคำว่า “ระเบิด” ออกมาต่อกัน ลูกบอลแสงสีขาวลูกแล้วลูกเล่าก็ปรากฏขึ้นตามต่อกันเบื้องหน้าโล่ดินหนาสีเหลืองแล้วทยอยระเบิด คลื่นรุนแรงซัดโถมออกมา
บนผิวของโล่ดินหนาแสงเรืองรองสีเหลืองสว่างโถมออกมาไม่หยุดเช่นกัน ทว่าเผชิญกับอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดมากเช่นนี้ระเบิดตัวเอง มันก็ทำท่าจะไม่ไหว
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งทันที มือข้างหนึ่งยันโล่ดินหนาไว้ ปากเอ่ยท่องมนตร์ พลังเวททั้งร่างกรอกเข้าไปด้านในอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
แสงเรืองรองสีเหลืองทะลักออกมาจากผิวของโล่ดินหนาทันที เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง ผิวของโล่ยักษ์ก็มีเงาภูเขาลูกย่อมๆ ลูกหนึ่งลอยออกมาจากโล่ มันโต้ลมขยายใหญ่จนกลายเป็นภูเขายักษ์ขนาดสามสี่สิบจั้งลูกหนึ่ง
เสียงเปรี้ยงดังสนั่น!
เข็มบินสีขาวอีกระลอกหนึ่งมาถึงพร้อมเสียงดังสนั่น จุดระเบิดขึ้นอีกระลอก ทว่าผิวของเงาภูเขาขนาดย่อมสีเหลืองส่องสว่างวูบวาบ ตั้งตระหง่านนิ่ง แข็งแกร่งประหนึ่งหินผา
ผู้ฝึกฝนชุดขาวเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันทีหนึ่ง มือสะบัดอีกหน แสงรัศมีสีขาวยิ่งรวมตัวกันแน่นกว่าก่อนหน้านี้ เทออกมาจากในแขนเสื้อของเขาประหนึ่งห่าฝน
ทันใดนั้นท้องฟ้าครึ่งหนึ่งก็ถูกรัศมีสีขาวกลบ
“ทั้งหมดจงระเบิด!”
เขาเพียงคำรามเสียงต่ำแผ่วเบาครั้งหนึ่ง เสียง “เปรี้ยงๆ” ก็ดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาด ลูกบอลแสงสีขาวมากมายถี่ยิบระเบิดขึ้นพร้อมกัน ชั่วพริบตาประสานกันกลายเป็นดวงตะวันเจิดจ้าสีขาวมโหฬารอย่างยิ่งดวงหนึ่งกลบเงายอดเขาทั้งลูกไว้ด้านในจนมิด
เสียง “ครืน” ดังขึ้น!
ท่ามกลางแสงสีขาวที่ห้อมล้อม ภูเขาลูกย่อมสีเหลืองฉับพลันพังทลาย ทันใดนั้นแสงรัศมีสีขาวเต็มฟ้าก็ท่วมออกมา
แสงสีเหลืองสายหนึ่งดีดพุ่งถอยหลังออกมาจากกลางลูกบอลแสงสีขาว มันคือโล่ดินหนาที่แสงจิตวิญญาณหายไปแล้ว
ทว่าหลังแสงสีขาวดับลง หลิ่วหมิงก็ยังคงยืนตัวตรงนิ่งอยู่ที่เดิม ปราณดำชั้นหนึ่งพลุ่งพล่านอยู่รอบร่างซัดคลื่นปราณที่หลงเหลือออกจนหมด
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อเก็บโล่ดินหนาที่พุ่งกลับมาแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ ประโยคหนึ่ง
“ท่านมีความสามารเพียงเท่านี้สินะ หากไม่มีฝีมืออย่างอื่นแล้ว ศึกวันนี้ก็ทำให้ผู้แซ่หลิ่งผิดหวังนัก”
คำนี้เอ่ยออกจากปากปุบ สีหน้าของผู้ฝึกฝนชุดขาวพลันย่ำแย่อย่างยิ่ง ผู้เฒ่าอ้วนที่ชมการต่อสู้อยู่บนยอดเขาใกล้ๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วย
“เอ่ยวาจาใหญ่โตนัก เจ้าตั้งรับสมบัติชิ้นต่อไปของข้าให้ได้ค่อยว่ากัน!”
ผู้ฝึกฝนชุดขาวโกรธจัดจนหัวเราะ มือข้างหนึ่งพลิก ม้วนภาพวาดที่ส่องแสงสีเหลืองขมุกขมัวม้วนหนึ่งก็ร่วงลงกลางฝ่ามือ จากนั้นเขาก็โยนเบาๆ อย่างเร็วไว พร้อมกันนั้นเคล็ดวิชาสายหนึ่งก็พุ่งหายเข้าไปด้านใน
ม้วนภาพคลี่ออกกลางอากาศ ในภาพวาดมีเสือตัวยักษ์สีขาวดูราวกับมีชีวิตตัวหนึ่งกำลังย่อขาหมอบต่อหน้าดวงตะวันเจิดจ้าเหนือศีรษะ
ผู้ฝึกฝนชุดขาวสิบนิ้วเปลี่ยนแปรประหนึ่งวงล้อแล้วจิ้มออกไปด้านหน้า ยันต์สีทองตัวหนึ่งส่องสว่างปรากฏขึ้น หลังหมุนติ้วก็หยุดนิ่งกลางท้องฟ้า จากนั้นประทับลงบนม้วนภาพวาด
เสียงพยัคฆ์คำรามสายหนึ่งดังออกมา!
ดวงตะวันเจิดจ้าบนภาพวาดส่องแสงสีแดงสว่างจ้า เสือยักษ์สีขาวตัวนั้นฉับพลันเอี้ยวหัว เท้าหลังถีบทีหนึ่งกระโจนออกมาจากม้วนภาพวาด โต้ลมขยายขนาดจนใหญ่ยักษ์ห้าหกจั้ง
เวลานี้ถึงมองเห็นชัด พยัคฆ์ตัวนี้แลดูขาวโพลน แต่ลึกเข้าไปใต้ขนมีลวดลายจิตวิญญาณสีดำกับสีเหลืองตัดกันอยู่ ในดวงตายักษ์ขนาดเท่ากำปั้นทั้งคู่มีเปลวเพลิงสีทองสองดวงลุกโชนอยู่ ดูแล้วทรงพลังไม่น้อย
พยัคฆ์ตัวนี้ปรากฏตัวปุบก็แหงนหน้าคำราม ขาหน้าทั้งสองข้างฉับพลันกางกรงเล็บคมสีทองยาวครึ่งฉื่อออกมา ตะปบสายลมอันตรายโถมตรงเข้าใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงกวาดจิตสัมผัสออกไป สัมผัสได้ถึงปราณน่าหลาดกลัวที่แผ่ออกมาจากบนตัวเสือยักษ์อยู่เลือนราง หลังดวงตาฉายแววประหลาดใจ มือข้างหนึ่งก็ชี้กลางหว่างคิ้ว
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง กระบี่บินสีทองยาวสองฉื่อแปดชุ่นเล่มหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา หลังส่งเสียงกังวานใสทีหนึ่งก็กลายเป็นรุ้งทองยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่งซัดออกไป
พยัคฆ์ขาวร้องคำรามโกรธเกรี้ยว กรงเล็บหน้าสองข้างตวัด เงากรงเล็บสีทองมากมายถี่ยิบพุ่งเข้าใส่รุ้งทองในทันใด
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
แสงสีทองระลอกหนึ่งส่องสว่าง รุ้งน่าตะลึงสีทองทะลวงผ่านเงากรงเล็บชั้นแล้วชั้นเล่าไปทันทีพร้อมกับระเบิดแสงสีขาวน้ำนมดวงหนึ่งออกมา จากนั้นพุ่งผ่านบนร่างมหึมาของพยัคฆ์ขาวไป
ร่างกายของเสือยักษ์สีขาวพลันชะงักนิ่งกลางอากาศแล้วร้องครวญคราง เส้นไหมแวววาวสีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกจากทุกหนทุกแห่งบนร่าง
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
เสือยักษ์สีขาวระเบิดกลางอากาศกลายเป็นไอหมอกสีขาวสายแล้วสายเล่ากระจัดกระจาย พร้อมกันนั้นม้วนภาพเบื้องหน้าร่างผู้ฝึกฝนชุดขาวก็ส่งเสียง “ชี่ๆ” ลุกไหม้ตัวเองกลายเป็นขี้เถ้าปลิวไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา