นิกายหยกทอง หลิ่วหมิงก็ไม่ใช่ไม่เคยได้ยินมาก่อน! แม้นิกายแห่งนี้ไม่อาจเทียบเคียงกับนิกายยอดบริสุทธิ์ซึ่งเป็นนิกายใหญ่ระดับสุดยอดเช่นนี้ได้ แต่ก็เป็นสำนักใหญ่อายุหมื่นปีแห่งหนึ่ง ประมุขน้อยของนิกายแห่งนั้นมีพลังระดับแก่นแท้ได้ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลกนัก
นิกายแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการบริหารทรัพยากรการฝึกฝนนานาชนิดในที่ต่างๆ บนแผ่นดินจงเทียน กระทั่งสมุนไพรจิตวิญญาณวัตถุจิตวิญญาณที่ยากจะหาพบจากต่างโลกจำนวนหนึ่ง ขอเพียงให้ราคามากพอ โดยทั่วไปนิกายแห่งนี้ก็หามาได้ ถึงขนาดที่ข้างนอกเล่าลือกันว่านิกายนี้กักตุนทรัพยากรพิเศษจำนวนหนึ่งไว้มากกว่าสี่ยอดนิกายใหญ่กับแปดตระกูลใหญ่เสียอีก
นอกเหนือจากนี้ยังเล่าลือกันว่าที่จริงนิกายแห่งนี้เป็นสาขาย่อยของกลุ่มอำนาจใหญ่ลึกลับบางแห่ง ดังนั้นถึงขยายกิจการไปทั่วทั้งแผ่นดินจงเทียนอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งทั้งยังอยู่ยั้งยืนยงไม่เสื่อมถอย
“ในเมื่อทุกคนรู้จักกันแล้ว สองวันให้หลังพวกเราพบหน้ากันที่นี่ใหม่แล้วค่อยออกเดินทางไปตามหาปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าตัวนั้นเป็นอย่างไร?” ผู้อาวุโสหวงยิ้มตาหยีเอ่ยขึ้น
“สองวันให้หลังหรือ? หากทั้งสองท่านไม่มีธุระเร่งด่วนอันใด พวกเราออกเดินทางตอนนี้เลยเป็นอย่างไร? หากรออีกสองวัน ข้ากังวลว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันอันใดเกิดขึ้นอีก” หลังหลิ่วหมิงสายตาเปล่งประกายวูบหนึ่งก็ส่ายศีรษะเอ่ยอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“อะไร ตอนนี้จะเริ่มเลย….” ผู้ฝึกฝนชุดขาวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ออกเดินทางตอนนี้ย่อมได้” หลังผู้อาวุโสหวงอึ้งไปเล็กน้อยก็ตอบรับเต็มปากเต็มคำ
“ผู้อาวุโสหวง…” ผู้ฝึกฝนชุดขาวสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
ทว่าครู่ต่อมาผู้เฒ่าอ้วนก็ขยับริมฝีปากเล็กน้อยส่งกระแสจิตหาเขาหลายประโยค ผู้ฝึกฝนชุดขาวฟังจบ ในดวงตาพลันมีแววตาประหลาดใจเล็กน้อยแล่นผ่าน หลังมองหลิ่วหมิงอีกครั้งทันใดนั้นก็เปลี่ยนคำพูดพยักหน้าเอ่ยขึ้นว่า
“ในเมื่อสหายหลิ่วรีบร้อนเรื่องปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าเช่นนี้ แม้ผู้แซ่เฟิงจะยังมีบางเรื่องจัดการไม่เรียบร้อย แต่รอหลังจากนี้ค่อยจัดการแล้วกัน”
เพิ่งสิ้นเสียงพูด มือข้างหนึ่งของผู้ฝึกฝนชุดขาวก็ตบที่ถุงผ้าประณีตใบหนึ่งข้างเอว ไอหมอกสีม่วงสายหนึ่งทะลวงออกมาจากในนั้น หลังหมุนติ้วกลายร่างกลางอากาศ เพียงพอนน้อยสีม่วงยาวครึ่งฉื่อตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาทันใด
หลิ่วหมิงเลิกสองคิ้วขึ้น อสูรตัวนี้เหมือนกับคำบรรยายที่ได้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้ทุกประการ เพียงพอนผลึกม่วงไม่ผิดแน่
เพียงพอนน้อยสีม่วงร่วงลงพื้นปุบ ดวงตาขนาดเท่าถั่วเหลืองสองข้างก็กะพริบอย่างฉลาดเฉลียว จมูกน้อยน่ารักขยับกระพือเล็กน้อย หลังส่งเสียงร้องดัง “อิ๋งๆ” ก็กระโดดขึ้นมาบนหัวไหล่ผู้ฝึกฝนชุดขาวถูไถตรงคอเสื้อเขาหลายครั้ง ท่าทางสนิทสนมอย่างยิ่ง
ดูท่าปีศาจอสูรระดับต่ำตัวนี้เพิ่งเกิดออกมาไม่นานก็ถูกเขากำราบแล้ว
“นายน้อย เรื่องเอาเลือดเลี้ยงเพียงพอนผลึกม่วง ให้ข้าจัดการเถอะ” เห็นผู้ฝึกฝนชุดขาวคนนี้หยิบมีดน้อยแวววาวเล่มหนึ่งออกมา ท่าทางคิดจะกรีดนิ้วเค้นเลือด ผู้เฒ่าอวบอ้วนก็รีบก้าวเข้ามาเอ่ยบอก
“ไม่เป็นไร” หลังผู้ฝึกฝนชุดขาวเอ่ยนิ่งๆ ประโยคหนึ่ง มีดเล่มน้อยก็กรีดดังฉั๊วะ บนปลายนิ้วเกิดแผลเล็กๆ เส้นหนึ่ง เลือดสองสามหยดไหลรินลงมา
เพียงพอนผลึกม่วงเห็นเลือดปุบก็รีบกระโดดจากตัวผู้ฝึกฝนชุดขาวไปบนมือเขา เลียอย่างไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย
“พอแล้ว เจ้าตัวนี้นี่”
หลังผ่านไปสองสามลมหายใจ ผู้ฝึกฝนชุดขาวก็คว้าหลังของเพียงพอนหลึกม่วงไว้ บังคับลากมันออกมาจากมือ ตอนนี้ถึงหยุดการดูดเลือดของมันได้
เพียงพอนผลึกม่วงตัวนั้นตัวใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อครู่เท่าหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสองข้างกลายเป็นสีแดงก่ำ แต่ยังทำท่าเหมือนไม่พอใจ ขาสี่ข้างข่วนกลางอากาศไม่หยุด พยายามดิ้นรนออกจากการยึดจับของผู้ฝึกฝนชุดขาว
ผู้ฝึกฝนชุดขาวพลิกมือเรียกยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาแปะลงบนมือ หลังแสงสีเหลืองสายหนึ่งส่องสว่าง แผลบนมือก็ประสานกันดังเดิม
เพียงพอนผลึกม่วงตอนนี้ถึงฟื้นคืนสติ ม้วนตัวจนกลมเหมือนทำความผิดมา
“กินดื่มอิ่มแล้ว รอถึงสถานที่ซึ่งปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าปรากฏตัวก็ลงแรงทำงานให้ข้าดีๆ แล้วกัน” ผู้ฝึกฝนชุดขาวเอ่ยอย่างเย็นชา มือข้างหนึ่งพลิกหมุนโยนเพียงพอนผลึกม่วงลงไปในถุงอสูรเลี้ยง
ต่อจากนั้นทั้งสามคนก็หารือกันพักหนึ่ง หลังยืนยันข้อมูลในมือทั้งสองฝ่ายกันแล้ว ท้ายที่สุดเมื่อยืนยันตำแหน่งคร่าวๆ ที่อสูรแห่งความว่างเปล่าปรากฏตัวได้ก็ออกเดินทางทันที
………
ห้าวันให้หลัง บนเทือกเขาเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำแถบหนึ่ง พวกหลิ่วหมิงสามคนบินบนท้องฟ้าไปตามธารน้ำสายหนึ่ง แต่ละคนขี่เมฆเร่งเดินทางไปด้านหน้า
ในหมู่พวกเขาผู้ฝึกฝนชุดขาวนำอยู่ด้านหน้าสุดเพียงคนเดียว หลิ่วหมิงกับผู้อาวุโสหวงบินเคียงกันรั้งอยู่ด้านหลังเล็กน้อยแล้วยังพูดคุยอะไรบางอย่างเป็นระยะ ดูท่าทางค่อนข้างกลมเกลียวกันอยู่
“ข้ากับประมุขน้อยทราบมาว่าที่แห่งนี้มีอสูรแห่งความว่างเปล่าตัวนี้ซ่อนตัวอยู่ แต่เสียเงินไปไม่น้อยกว่าจะซื้อข่าวนี้มาได้ ไม่ทราบพี่หลิ่วรู้มาจากที่ใด” ผู้เฒ่าอ้วนยิ้มถาม
“ผู้แซ่หลิ่วโชคดีบังเอิญทราบจากปากผู้อาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันอยู่บ้างคนหนึ่ง สหายทั้งสองไม่เสียทีมาจากนิกายหยกทอง กระทั่งข่าวล้ำค่าเช่นนี้ก็ยังซื้อมาได้” หลิ่วหมิงกลับจิ๊ปากตอบกลับ
“ฮ่าๆ นี่ไม่นับเป็นอะไร ที่สำคัญที่สุดในเมื่อพวกเราจับกลุ่มเดินทางด้วยกันแล้ว เรื่องไม่น่าพอใจเหล่านั้นก่อนหน้านี้ก็ขอให้สหายอย่าได้เก็บมาใส่ใจ จะว่าไปแล้วพี่หลิ่วมีกระบี่พลังจิตวิญญาณธาตุว่างเปล่าที่คมกริบเช่นนี้ การเดินทางครั้งนี้จะหลอมอาวุธจิตวิญญาณธาตุว่างเปล่าอีกชิ้นหรือ?” ผู้เฒ่าอ้วนคล้ายต้องการตีสนิทกับหลิ่วหมิง หลังหมุนร่างกายเล็กน้อยเข้าไปใกล้หลิ่วหมิงอีกหน่อยก็เอ่ยถามด้วยท่าทางสบายๆ
“วัตถุดิบธาตุว่างเปล่าที่ข้าใช้หลอมกระบี่บินพลังจิตวิญญาณเล่มนี้ในวันวานหยิบยืมมาจากสหายผู้หนึ่ง หลังจากนั้นตามหาวัตถุดิบเช่นเดียวกันไปคืนไม่ได้มาตลอด ครั้งนี้บังเอิญได้ยินว่ามีกวางชะมดว่างเปล่าตัวหนึ่งปรากฏตัวที่แถบนี้จึงได้เดินทางไกลพันลี้มาไล่ล่า ต้องการได้วัตถุดิบธาตุว่างเปล่าจำนวนหนึ่งคืนให้แก่สหายผู้นั้น” หลิ่วหมิงแต่งเรื่องขึ้นมาตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา