เขาเหล่มองก็เห็นผู้อาวุโสหวงคนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศใต้เกราะแสงสีทอง สิบนิ้วมือแปรเปลี่ยนไม่หยุด ดีดเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าใส่ม่านแสงสีฟ้าใต้ร่าง
เสียง “ฟุบ” ดังขึ้น ม่านแสงสีฟ้าอ่อนกะพริบวูบหนึ่งแล้วเร้นหายไปทันใด ราวกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน
จากนั้นมือที่ทำท่าเคล็ดวิชาของผู้เฒ่าอ้วนก็หยุดลง เขาล้วงเลือดเนื้อก้อนหนึ่งซึ่งมีหนังติดอยู่ของกวางชะมดที่เตรียมไว้ก่อนหน้าออกมาจากในกำไลเก็บของประหนึ่งสายฟ้าแลบ โยนเข้าไปในค่ายกลห้วงนทีเบื้องล่างอย่างไม่ลังเลสักนิด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในดวงตาพลันมีแววตาประหลาดพาดผ่านก่อนจะหายไป ทว่าไม่ทันได้คิดมากนัก สายลมชั่วร้ายก็พัดมาเบื้องหน้า ปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้สองตัวโถมเข้ามาหาเขา
ปีศาจอสรพิษสองตัวนี้ยังไม่ทันโถมมาถึง หมอกพิษสีเขียวสายแล้วสายเล่าก็ถาโถมตามสายลมปีศาจมาถึงก่อน
จมูกของหลิ่วหมิงได้กลิ่นคาวบางอย่าง ดวงตาจึงฉายประกายวูบหนึ่ง แขนเสื้อสะบัด กระบี่น้อยสีทองเล่มหนึ่งบินพุ่งออกมา กลายเป็นรุ้งทองยาวสิบกว่าจั้งซัดออกมา
เสียง “ฟึบๆ” ดังขึ้นหลายครั้ง!
แสงสีทองฉายวาบไม่กี่หนก็แล่นผ่านร่างปีศาจอสรพิษตัวหนึ่งในนั้นไป เกล็ดที่แลดูแข็งหนาอย่างยิ่งกลับถูกแสงกระบี่ฟันแหวกอย่างง่ายดาย
หลังอสรพิษตัวนี้กรีดร้องโหยหวน หางอสรพิษมหึมาก็ตวัดฟาดทันที เสียง “ปัง” ดังขึ้น ราวกับค้อนหนักฟาดลงบนตัวแสงกระบี่ ทำให้แสงกระบี่ที่โจมตีมันสั่นพร่ากระเด็นออกไปทันที
ทว่าบนร่างกายและหางของอสรพิษตัวนี้หนังกลับฉีกเนื้อแตกเลือดไหลริน
เวลานี้ปีศาจอสรพิษอีกตัวก็โถมอย่างแรงมาถึง ปากสีแดงสดอ้ากว้างขย้ำหลิ่วหมิง
ร่างกายของหลิ่วหมิงพร่าเลือนวูบหนึ่งก็แยกออกเป็นสามร่างเหาะถอยไปข้างหลัง เขากวักมือข้างหนึ่ง แสงกระบี่สายเดิมบินวนรอบหนึ่งก็กรีดร้องแหลมเลี้ยวกลับมาทันที
ทันใดนั้นปีศาจอสรพิษที่เลือดไหลโชกอีกตัวหนึ่งก็อ้าปากพ่นน้ำพิษก้อนแล้วก้อนเล่าจู่โจมร่างเงาที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้น
หลิ่วหมิงกับปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้สองตัวสู้กันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
อีกด้านหนึ่งเฟิงชิงโม่ร่างกายส่ายเอน มือข้างหนึ่งถือพัดขนนกสีขาวพัดอย่างแรงไม่หยุด ส่วนยันต์ตั้งแล้วตั้งเล่าในมืออีกข้างก็กลายเป็นแสงรัศมีหลากสีสัน สู้กับปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้อีกตัวหนึ่งอยู่อย่างเมามันเช่นกัน ขณะนั้นต่อสู้กันอย่างสูสี
ร่างกายมหึมาของปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นขดอยู่กลางท้องฟ้าไกลออกไป ระหว่างที่ลิ้นอสรพิษฉก ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตก็กวาดกลับไปมาระหว่างเนื้ออสูรกวางชะมดในค่ายกลห้วงนทีกับร่างผู้เฒ่าอ้วนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ แววตาลังเลจางๆ ปรากฏขึ้นมา
ทันใดนั้นดวงตาปีศาจงูก็ฉายประกายดุร้าย รอบร่างส่องแสงสีดำเจิดจ้า ร่างกายฉับพลันพุ่งออกมา ไม่รู้ว่ามันใช้พลังอันใด หายตัวครั้งหนึ่งก็ตัดผ่านระยะทางหนึ่งลี้กว่า มาปรากฏตัวบนท้องฟ้าเหนือค่ายกลแล้วมุดเข้าไปข้างในทันที
เสียง “พรืด” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
ร่างกายใหญ่โตของปีศาจงูม้วนขด ระหว่างที่ลิ้นงูยาวหนึ่งจั้งกว่าฉกออกมาก็รัดเนื้ออสูรกวางชะมดว่างเปล่าบนพื้นเข้าไปในปาก
“มาก็ดี!”
ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็ยินดียิ่ง เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปทันที แสงสีฟ้าสว่างขึ้นรอบร่างปีศาจงูหมื่นปี ม่านแสงสีฟ้าเจ็ดชั้นสว่างขึ้นตามต่อกัน
จากนั้นยันต์รูปหยดน้ำนับไม่ถ้วนก็ลอยออกมาจากม่านแสงสีฟ้า ค่อยๆ ถักทอในค่ายกลกลายเป็นน้ำทะเลสาบสีฟ้าแห่งหนึ่งทับปีศาจงูหมื่นปีไว้ข้างล่าง
ทว่าค่ายกลห้วงนทีนี้เคยใช้ไปครั้งหนึ่งแล้ว แม้พลังจิตวิญญาณด้านในจะยังใช้ไม่หมด แต่พลังก็สู้ก่อนหน้าไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด ปริมาณน้ำในทะเลสาบที่เสกขึ้นมามีไม่ถึงหนึ่งในสามของก่อนหน้านี้ ไม่อาจเติมค่ายกลจนเต็มได้แม้แต่น้อย
ปีศาจงูหมื่นปีฝึกฝนจนถึงระดับแก่นแท้ได้ ย่อมเกิดสติปัญญาขึ้นนานแล้ว เห็นสถานการณ์นี้ไหนเลยจะยังไม่รู้ว่าตนเองติดกับ มันยกหัวคำรามเสียงต่ำ อ้าปากพ่นของเหลวเหนียวหนืดสีเขียวเข้มหลายก้อนใส่ม่านแสงสีฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที
เสียง “ชี่ๆ” ดังขึ้น!
ม่านแสงสีฟ้าสามชั้นถูกของเหลวสีเขียวเข้มทะลวงผ่านเป็นรูขนาดครึ่งจั้งรูแล้วรู้เล่าอย่างเห็นชัดเจน
เห็นชัดว่าค่ายกลนี้ไม่อาจขังปีศาจงูตัวนี้ได้นานนัก
ผู้เฒ่าอ้วนเห็นสถานการณ์ สีหน้าก็ย่ำแย่ลงอยู่บ้างทันที สายตาเย็นชา ปากเอ่ยท่องมนตร์ พ่นยันต์สีเทาขมุกขมัวเจ็ดตัวออกมาต่อเนื่อง
ยันต์สีเทาเหล่านี้หมุนกลางอากาศจากนั้นทยอยร่วงลงไปในม่านแสงสีฟ้าอ่อน
ในเวลาเดียวกันนี้ เฟิงชิงโม่ที่อยู่อีกด้านก็สะบัดพัดขนนกสีขาวในมือเกิดเป็นมีดวายุสีขาวยาวหลายฉื่อร่อนถี่ยิบเต็มฟ้า บีบปีศาจอสรพิษฝั่งตรงข้ามให้ถอยร่นไปทีละนิด มันร้องโหยหวนไม่หยุด บาดเจ็บทั่วร่าง
“ระเบิด!”
หลังผู้เฒ่าอ้วนขยับริมฝีปากขมุบขมิบส่งกระแสจิตหาเฟิงชิงโม่ เขาก็ตวาดเสียงดังออกมาคำหนึ่ง
บนม่านแสงสีฟ้าอ่อนเจ็ดชั้นมียันต์สีเทาลอยออกมาพร้อมกัน จากนั้นทั้งหมดก็กะพริบวูบวาบระเบิดตัวเองดัง “บึ๊ม” เปล่งแสงสีฟ้าแสบตาออกมา
พริบตานั้นดวงตะวันเจิดจ้าสีฟ้าดวงหนึ่งลอยขึ้นมาจากตรงที่ค่ายกลเดิมอยู่ พลังจิตวิญญาณดุดันซัดออกมาสี่ด้านแปดทิศ จุดที่มันผ่านไปไม่ว่าศิลายักษ์หรือต้นไม้ล้วนถูกตัดสะบั้น ชั่วขณะหนึ่งแสงสีฟ้าผืนใหญ่พุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า วิหคและสัตว์นานาชนิดบริเวณใกล้ๆ พากันวิ่งหนีเตลิดไปไกล
ไม่ทันที่แสงสีฟ้าจะสลายไป เฟิงชิงโม่ก็ทิ้งปีศาจอสรพิษตรงหน้าไปกะทันหัน เขาทะยานร่างกระโจนไปเหนือค่ายกล แขนเสื้อสะบัดทีหนึ่ง เจดีย์สีดำที่เหลี่ยมมุมชัดหลังหนึ่งก็บินออกมา มันหมุนติ้วกลางอากาศรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นหอยักษ์สูงสิบว่าชั้นร่วงลงไปเบื้องล่าง
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา