ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายใช้วิชาของผู้ฝึกร่างย่อมบ่งบอกว่าบริเวณใกล้ๆ ไม่มีค่ายกลอื่นวางไว้แล้ว
ในใจเขาความคิดแล่นเร็วจี๋ แต่การเคลื่อนไหวไม่หยุดสักนิด ขณะที่เงาหมัดกำลังจะมาถึง ทันใดนั้นบนแผ่นหลังแสงสีเงินก็สว่างวาบ ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งปรากฏออกมา
ปีกทั้งคู่กระพือทีหนึ่ง คนก็กลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าไป การโจมตีของเงาหมัดสีทองพุ่งผ่านใต้ตัวเขาไปกระแทกลงบนพื้นใกล้ๆ ดังเปรี้ยง
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นขึ้นหนึ่งหน!
หลังฝุ่นทรายที่ปลิวว่อนสงบ แสงสีทองก็ดับหายไป บนพื้นก็ปรากฏหลุมยักษ์ขนาดสิบกว่าจั้งหลุมหนึ่ง
“เร็ว!”
หลิ่วหมิงที่อยู่กลางท้องฟ้าตวาดเสียงเบาคำหนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อ กระบี่ว่างเปล่าพุ่งออกมากลางอากาศในทันใด หลังมันส่งเสียงกังวานใสก็กลายเป็นรุ้งทองสิบกว่าจั้งโถมออกมา
แม้ผู้เฒ่าอ้วนจะรู้นานแล้วว่ากระบี่ว่างเปล่าของหลิ่วหมิงทรงพลังไม่น้อย แต่เมื่อจิตกระบี่มโหฬารครอบทับลงมา ในใจก็ยังคงพรั่นพรึงอย่างยิ่ง เขาสะบัดแขนเสื้อ เรียกค้อนเล็กที่ส่องแสงสีดำขมุกขมัวออกมาอีกครั้ง หลังเหวี่ยงไปด้านหน้า มันก็ขยายใหญ่หลายจั้งขวางอยู่หน้าร่างเขา
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง
หลังแสงสีทองกับค้อนยักษ์สีดำปะทะกันอย่างรุนแรง แสงสีทองสายแล้วสายเล่ากับปราณดำหลายสายก็เกี่ยวกระหวัดกันกลางอากาศ ทั้งสองฝ่ายชนปะทะจนระเบิดกลายเป็นสะเก็ดไฟเจิดจ้าดวงแล้วดวงเล่า
ตอนนี้เองปีกทั้งคู่บนแผ่นหลังของหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านบนก็กระพืออีกครั้ง เขาเลือนหายไปจากบนท้องฟ้าสูงอีกหน
ในเวลานี้เองสองมือของผู้เฒ่าอ้วนก็คลายจากค้อนยักษ์สีดำ หมุนตัวเหวี่ยงแขนต่อยหนึ่งหมัดย้อนไปด้านหลังร่างในทันใด
แทบจะในเวลาพร้อมกัน ด้านหลังเขาก็เกิดคลื่นสั่นสะเทือนขึ้น หลิ่วหมิงปรากฏตัวออกมาด้านหลังอีกฝ่ายพอดี
เสียง “ฟุบ” ดังขึ้น!
“หลิ่วหมิง” ถูกกำปั้นสีทองโจมตีจนแตกสลายกลายเป็นไอหมอกสีดำกลุ่มหนึ่ง
นี่กลับเป็นเงาติดตาร่างหนึ่งเท่านั้น!
ตอนที่ผู้เฒ่าอ้วนรู้ตัว ทันใดนั้นอากาศข้างร่างก็สั่นไหว หลิ่วหมิงอีกคนปรากฏตัวขึ้น สองแขนสะบัด เหวี่ยงหลายสิบหมัดเข้าใส่เขาประหนึ่งสายฝนกระหน่ำ
ผู้เฒ่าอ้วนผวา ร่างกายพุ่งถอย จากนั้นอ้าปากถ่มแผ่นกลมสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมา สมบัติชิ้นนี้หมุนติ้วหน้าร่างรอบหนึ่งก็กลายเป็นม่านสีเหลืองแข็งหนาผืนหนึ่งปกป้องเขาไว้ด้านใน
เงาหมัดสีดำหมัดแล้วหมัดเล่ากระหน่ำลงบนม่านสีเหลืองประหนึ่งฝนเท เสียงฝนกระทบดังเกรียวกราว!
ม่านแสงสีเหลืองสั่นสะเทือนพักหนึ่งจากนั้นก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ทำท่าจะทานไม่ไหวในทันใด
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง!
เวลาเพียงสองสามลมหายใจ ม่านแสงก็พังทลาย
ชั่วพริบตาเงาหมัดมากมายก็กระหน่ำต่อยลงบนร่างผู้เฒ่า
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ผู้เฒ่าอ้วนตกตะลึง สองขากระทืบพื้นถอยพรวดออกไปหลายจั้งถึงหวุดหวิดตั้งร่างมั่นคงได้ ปราณแกร่งรอบร่างเหลือเพียงชั้นบางๆ ชั้นหนึ่งหลังการโจมตีของเงาหมัดมากมาย
เวลานี้เองร่างกายของหลิ่วหมิงก็หายไปประหนึ่งภูตผีอีกครั้ง
เพียงหนึ่งลมหายใจให้หลัง เงาดำสามร่างก็ปรากฏขึ้นข้างกายเขา สิบนิ้วดีดทีเดียว ปราณกระบี่สีทองสายแล้วสายเล่าพลันซัดบ้าคลั่งออกมา
ผู้เฒ่าอ้วนตกตะลึงยิ่ง ทว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ขั้นกลาง ย่อมไม่ใช่กลุ่มคนที่จะจัดการได้ง่ายๆ มือข้างหนึ่งของเขาตั้งท่าเคล็ดวิชาอย่างไม่ต้องคิด แสงสีทองสาดออกมารอบร่างกลายเป็นเงาดอกบัวเลือนรางดอกหนึ่งห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ ต้านเงาหมัดที่พุ่งทะลวงมา จากนั้นแหวกท้องฟ้าหนีไปไกล
เมื่อผู้อาวุโสแห่งนิกายหยกทองผู้นี้สัมผัสได้ว่าพลังของหลิ่วหมิงแข็งแกร่งเช่นนี้ ส่วนตนก็บาดเจ็บหนัก จึงไม่สนใจไยดีกระทั่งอาวุธจิตวิญญาณค้อนเล็กสีดำชิ้นนั้น หนีเอาชีวิตรอดทันที
“ยามนี้จะไป ไม่รู้สึกว่าสายเกินไปแล้วหรือ?”
หลิ่วหมิงเอ่ยเสียงเย็นชา มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวัก กระบี่น้อยสีทองที่อยู่ไกลออกไปบนท้องฟ้าสั่นเบาๆ จากนั้นส่งเสียงใสกังวานกลายเป็นรุ้งกระบี่สีทองยาวเจ็ดแปดจั้งสายหนึ่งไล่ตามไปติดๆ
หลังเปล่งแสงดาราสีขาวน้ำนมดวงหนึ่งออกมาภายนอก รุ้งน่าตะลึงสีทองก็เพิ่มความเร็วขึ้นกลางอากาศ มันส่งเสียงดังกึกก้องแล้วหายวับไป
เมื่อรุ้งน่าตะลึงสีทองปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็ไล่ตามมาถึงสองสามจั้งหลังร่างผู้เฒ่าอ้วนแล้ว
ผู้เฒ่าอ้วนรู้สึกว่าหลังร่างมีปราณกระบี่สูงเทียมฟ้าไล่ตามมาไม่ลดละ เขาตกใจอย่างยิ่ง รีบร้อนสะบัดแขนเสื้อโยนยันต์ที่ส่องแสงเรืองๆ หลายแผ่นไปด้านหลัง พริบตาเดียวยันต์เหล่านั้นก็ระเบิดออกกลายเป็นม่านแสงหลายชั้นขวางอยู่หลังร่าง
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นต่อเนื่อง
รุ้งกระบี่เพียงสั่นเบาๆ ก็ทะลวงผ่านม่านแสงไปทันทีประหนึ่งโค่นไม้เฉา ทั้งยังสาดแสงกระบี่เย็นเยียบนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านไปในทันใด
“เจ้าหนู เจ้ากล้า…อ้าก!”
ผู้เฒ่าอ้วนร้องเสียงดังได้สองสามครั้ง แม้เขาดิ้นรนโยนอาวุธจิตวิญญาณป้องกันหลายชิ้นออกมาอีก แต่ชั่วพริบตาแสงกระบี่มากมายก็ฟาดฟันร่างเขากระจุย หลังกรีดร้องโหยหวน ร่างกายก็ถูกฟันเป็นท่อนๆ ร่วงลงไปเบื้องล่าง กระทั่งวิญญาณในร่างเขาก็ถูกแสงกระบี่ฟันเป็นชิ้นๆ ด้วย ไม่มีโอกาสหนีรอดสักนิด
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
เมื่อชิ้นส่วนขาดวิ่นของผู้เฒ่าอ้วนร่วงลงพื้น ร่างกายของเขาก็กลับคืนสภาพเดิมก่อนหน้า
แสงกระบี่เต็มฟ้าดับลง ร่างกายของหลิ่วหมิงปรากฏขึ้นอีกครั้งจากนั้นกวาดจิตสัมผัสลงไป หลังแน่ใจว่าอีกฝ่ายตายจนไม่อาจตายได้อีกแล้ว เขาถึงกวักมือทีหนึ่งเรียกกระบี่น้อยสีทองกับยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา