หลิ่วหมิงไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก เขาเก็บมันเข้าไปในแหวนย่อส่วนอย่างระมัดระวัง
สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าสมบัติลับสองชิ้นด้านในยันต์เก็บของมาก
“ขอบคุณท่านอาจารย์ยิ่งที่ช่วยเหลือ ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังโดยเด็ดขาด จะทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นเสมือนสำเร็จให้จงได้” หลิ่วหมิงคำนับอย่างเคร่งขรึมครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“เจ้ามีความตั้งใจแน่วแน่เช่นนี้ดียิ่งนัก แต่ก็ต้องรักษาจิตใจให้มั่นคงด้วย เช่นนี้ถึงจะเป็นประโยชน์ในการทะลวงผ่านอุปสรรค หากพบปัญหายุ่งยากที่ไม่อาจจัดการได้จริงๆ ที่ตระกูลโอวหยางก็กระตุ้นยันต์แผ่นนี้ได้” หลังอินจิ่วหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบยันต์สีเหลืองอ่อนแผ่นหนึ่งออกมาส่งให้หลิ่วหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“ศิษย์จะจำไว้”
หลิ่วหมิงเห็นสีหน้าจริงจังของอินจิ่วหลิงไหนเลยยังจะไม่ทราบมูลค่าของสิ่งนี้ รีบร้อนเก็บไปอย่างทะนุถนอม
บนยันต์สีเหลืองอ่อนแผ่นนี้มียันต์เรียบง่ายเพียงไม่กี่เส้น ดูแล้วไม่สะดุดตาคล้ายเป็นเพียงยันต์สื่อสารแผ่นหนึ่งเท่านั้น
“หรือยันต์นี่จะเป็นยันต์สื่อสารกับคนใหญ่คนโตสักคนในตระกูลโอวหยาง…”
หลิ่วหมิงลอบคาดเดาในใจ อินจิ่วหลิงไม่อธิบายประโยชน์ของยันต์นี้ เขาก็ไม่สะดวกถามเช่นกัน
“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ!” อินจิ่วหลิงโบกมือเอ่ยนิ่งๆ
หลิ่วหมิงคำนับอีกครั้งถึงหมุนตัวเดินออกไป
…..
ครึ่งเดือนให้หลัง ลำแสงรูปเรือสีแดงฉานสายหนึ่งก็แหวกท้องฟ้าเหาะเร็วไวผ่านไป
จุดที่เขาผ่านมาถึงเบื้องล่างเป็นภูเขาเตี้ยๆ ทอดยาวเป็นผืนกับทุ่งราบสีเขียวสุดลูกหูลูกตา เบื้องล่างประหนึ่งไม่มีคนอาศัย
ที่นี่เห็นชัดว่าคือแคว้นฉีบนภาคกลางของแผ่นดินจงเทียนแล้ว
ตระกูลโอวหยางเป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของหลิ่วหมิงอยู่ที่แคว้นเฉินซึ่งห่างไปไกลโพ้น เดินทางจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณกั้นกลางด้วยแคว้นใหญ่น้อยของมนุษย์ธรรมดาสิบกว่าแคว้น
แผ่นดินจงเทียนถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนที่มนุษย์ประชากรมาก แม้พื้นที่กว้างใหญ่ แต่สถานที่ซึ่งผู้ฝึกฝนรวมกันอยู่อย่างหนาแน่นจริงๆ กลับมีเพียงน้อยนิดส่วนหนึ่งในนั้นเท่านั้น สถานที่ซึ่งปราณจิตวิญญาณเบาบางส่วนใหญ่ย่อมมีผู้ฝึกฝนยินดีมาอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้นน้อย
แต่แผ่นดินจงเทียนแตกต่างจากแคว้นต้าเสวียนบนเกาะอวิ๋นชวนที่หลิ่วหมิงเคยอยู่ก่อนหน้านี้ แคว้นของมนุษย์ธรรมดาบนแผ่นดินจงเทียนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้ฝึกฝนมากกว่า หลายราชวงศ์ที่จริงก็มีนิกายสำนักรวมถึงตระกูลใหญ่ต่างๆ สนับสนุน ถึงขั้นที่บางพวกเป็นตระกูลสายรองโดยตรง
ในแปดตระกูลใหญ่ของของแผ่นดินจงเทียนมีตระกูลสายรองของสองตระกูลเป็นราชวงศ์ของแคว้นมนุษย์ธรรมดา
แม้ตระกูลโอวหยางไม่ใช่หนึ่งในนั้น แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับแคว้นเฉินที่พวกเขาอยู่
ถึงหลิ่วหมิงจะบังคับเรือหยกจันทราเดินทางทั้งวันทั้งคืน แล้วยังเคลื่อนย้ายผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างทางอย่างไม่เสียดายค่าใช้จ่าย ตอนนี้ก็เพิ่งเดินทางมาได้ไม่ถึงสามในสิบของเส้นทาง
วันนี้ระหว่างที่เขากำลังรีบเร่งเดินทางอยู่นั้น ถุงหนังบางถุงข้างเอวพลันขยับยุกยิกไม่นิ่งพักหนึ่ง
หลิ่วหมิงแผ่จิตออกไป ถุงใบนี้คือถุงใบนั้นที่หัวบินอยู่นั่นเอง
“เฟยเอ๋อร์ เป็นอะไร?” หลิ่วหมิงยกมือข้างหนึ่งลูบถุงแล้วเอ่ยถามผ่านการเชื่อมจิต
“นายท่าน ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัด ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ก็รู้สึกหวั่นใจ” เสียงวิตกกังวลของหัวบินดังออกมาจากในถุง
หลิ่วหมิงได้ยินพลันขมวดคิ้ว หลังขบคิดครู่หนึ่งจึงยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งใส่เรือเหาะ
ลำแสงของเรือหยกจันทราช้าลงทันที
ในเวลาเดียวกันหลิ่วหมิงก็ปล่อยจิตสัมผัสออกไปรอบด้าน
แมงป่องกระดูกกับหัวบินล้วนเป็นอสูรเลี้ยงที่ไม่ธรรมดา ในบางแง่ญาณวิเศษของพวกมันเฉียบคมยิ่งกว่าจิตสัมผัสของเขาเสียอีก ในเมื่อหัวบินเอ่ยเช่นนี้คิดว่าคงไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยแน่นอน
หรือจะมีคนซุ่มลอบโจมตีเขาอยู่ที่นี่?
เรื่องที่สองคนนั้นจากนิกายหยกทองวางกับดักเขายังจำได้ชัดเจนเหมือนอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์อู๋กวงแห่งนิกายปีศาจลี้ลับหนึ่งในสี่ยอดนิกายใหญ่ออกคำสั่งปีศาจลี้ลับเรื่องเขาอยู่เชียวนะ
สุดท้ายเมื่อหลิ่วหมิงขยายจิตสัมผัสจนครอบคลุมบริเวณหลายสิบกิโลเมตร ในขอบเขตนี้ก็พบเพียงเมืองเล็กๆ ธรรมดาๆ ของมนุษย์ธรรมดาซึ่งปราณจิตวิญญาณเบาบางแห่งหนึ่งเท่านั้น
สถานที่เช่นนี้ตามหลักแล้วย่อมไม่มีทางมีผู้ฝึกฝนระดับสูงอันใด
เขาไม่ได้เลิกล้มเท่านี้แต่ใช้จิตสัมผัสกวาดไปมาอีกหลายรอบ ทว่าก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติอันใดบริเวณใกล้ๆ
หลังหลิ่วหมิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ยกมือข้างหนึ่งตบถุงหนังข้างเอว ปล่อยหัวบินออกมา
ปราณดำสายหนึ่งม้วนออกมากลายเป็นเด็กน้อยชุดเขียวคนหนึ่ง
“นายท่าน ความรู้สึกนั่นเหมือนจะ…เหมือนจะส่งมาจากใต้ดิน คล้ายกับจะเกี่ยวพันบางอย่างกับข้า นอกจากนี้ยังสำคัญยิ่ง” ไม่รอหลิ่วหมิงเอ่ยปาก หลังหัวบินขยับจมูกยุกยิกเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง บนใบหน้าก็เผยสีหน้างงงวยเล็กน้อยออกมาขณะที่เอ่ยบอก
หลิ่วหมิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย บนหน้าเผยสีหน้าใคร่ครวญ
แม้เขากำลังรีบเดินทางไปตระกูลโอวหยาง แต่หัวบินก็เป็นอสูรเลี้ยงตัวสำคัญของเขา เขาย่อมไม่อาจเมินเฉยความรู้สึกของมันได้
หลังเขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก็กระตุ้นเคล็ดวิชาบังคับเรือหยกจันทราให้ร่อนลงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา