ในเวลาเดียวกันปราณดำสี่ด้านแปดทิศก็ปั่นป่วนขึ้นพร้อมกัน จากนั้นภูตผีตัวแล้วตัวเล่าก็ปีนออกมา แย่งชิงกันโถมเข้าใส่หัวปีศาจแม่ทัพ
“รนหาที่ตาย!”
แม้หัวปีศาจแม่ทัพพลังสูงกว่าภูตผีเหล่านี้มาก แต่เมื่อมันบาดเจ็บหนักและเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ในที่สุดบนใบหน้าก็เผยความหวาดกลัวจางๆ ออกมา มันคำรามเสียงดังคิดจะปล่อยอสนีบาตสีน้ำเงินออกมาอีกครั้ง
ในเวลานี้เองไม่ไกลหลังร่างของมัน แสงสีทองจุดหนึ่งฉับพลันก็ปรากฏออกมาจากความมืด หลังโฉบวูบหนึ่งแสงสีทองแสบตาอย่างที่สุดสายหนึ่งก็พุ่งมาถึงตรงหน้า เร็วจนลากเส้นสีทองเรียวเล็กเส้นหนึ่งขึ้นกลางอากาศ
หัวปีศาจแม่ทัพหวาดผวาหันกลับไปมองทันที ทว่าจิตกระบี่แหลมคมมาถึงกลางหว่างคิ้วของเขาแล้ว
เสียง “พรวด” ดังขึ้นทีหนึ่ง
หัวปีศาจแม่ทัพไม่ทันแม้แต่จะคิดหลบ แสงกระบี่สีทองก็ทะลวงผ่านหน้าผากของมันแล้วแล่นออกมาจากด้านหลังกะโหลก
กลางท้องฟ้าแสงสีดำสว่างวูบวาบไม่กี่ครั้ง มิติคุกมืดก็ค่อยๆ สลายไป
หัวปีศาจแม่ทัพมหึมาร่วงดิ่งลงจากกลางท้องฟ้า สองตาของมันไร้ประกายอย่างสิ้นเชิง เห็นชัดว่าวิญญาณถูกกระบี่ว่างเปล่าสังหารสิ้นแล้ว
หลิ่วหมิงสะบัดมือส่งปราณดำแถบหนึ่งออกมายกศพของหัวปีศาจไว้ จากนั้นยกมือข้างหนึ่งขึ้นกวัก แสงสีทองส่องสว่างวูบหนึ่ง พริบตาเดียวกระบี่ว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นในมือเขา
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา มืออีกข้างลูบฝักกระบี่สีเงินอ่อนข้างเอวแผ่วเบา
หลังบำรุงมาสิบกว่าปี พริบตาที่กระบี่ว่างเปล่าออกจากฝัก พลังแตกต่างจากวันวานอย่างแท้จริง
มิเช่นนั้นต่อให้หัวปีศาจแม่ทัพตนนี้จะสภาพร่อแร่อีกเท่าใด พลังก็ยังระดับแก่นแท้ของจริง จะโจมตีสังหารมันคงต้องใช้เวลาไม่น้อย
แต่หากอยากให้กระบี่ว่างเปล่ามีพลังเท่ากับการโจมตีก่อนหน้านี้อีกครั้ง เกรงว่าคงต้องให้มันอยู่บำรุงในฝักกระบี่ใหม่อีกสักหลายปีถึงจะได้
“นายท่าน!”
ในเวลาเดียวกันนี้เสียงกังวานใสของเด็กน้อยก็ดังขึ้น
หลิ่วหมิงได้ยินพลันเอี้ยวศีรษะไปมอง
แสงสีเขียวสว่างวูบเบื้องหน้า หัวบินกลายร่างเป็นเด็กน้อยอีกครั้งก่อนจะทะยานร่างร่อนลงตรงหน้าหลิ่วหมิง มันมองศพของหัวปีศาจแม่ทัพพลางทำหน้ากระหายอยาก
“สังหารวิญญาณร้ายเหล่านั้นหมดแล้วหรือ?”
สายตาของหลิ่วหมิงมองไปรอบด้าน บริเวณเขาสันเขียวหมอกภูตสีเขียวอ่อนลอยกระจายออกไปแล้ว ท่ามกลางความมืดสลัวไม่เห็นภูตผีวิญญาณร้ายสักตัว แต่ไกลออกไปยังได้ยินเสียงภูตผีโหยหวนอยู่บ้างเลือนราง
“พลังเวทของวิญญาณกองทัพเหล่านั้นไม่แข็งแกร่ง แต่พวกมันกล้าหาญไม่น้อย แล้วยังตั้งกระบวนทัพสารพัดแบบได้ด้วย ทว่าหลังถูกข้าโจมตีทลายไปส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็ฉวยโอกาสหนีไปแล้ว” เฟยเอ๋อร์ดูดนิ้วพลางเอ่ยบอก ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาไม่ละไปจากศพของหัวปีศาจแม่ทัพเลย
หลิ่วหมิงฟังแล้วก็พยักหน้า แม้พลังของหัวบินจะใกล้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบของระดับผลึกขั้นปลายแล้ว แต่เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่พลังใกล้ถึงระดับของเหลวจิตวิญญาณหลายร้อยตนพร้อมกัน ทำได้เท่านี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ตอนหลิ่วหมิงออกมาจากนิกายยอดบริสุทธิ์ แมงป่องกระดูกกินโอสถกระดูกมรกตนักรบพระโพธิสัตว์เม็ดหนึ่งลงไป มันจึงหลอมกลืนพลังของโอสถอยู่ในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณมาตลอด มิเช่นนั้นถ้าอสูรเลี้ยงทั้งสองตัวลงมือด้วยกันก็คงไม่ปล่อยให้ภูตผีวิญญาณร้ายเหล่านี้หนีไปได้
แต่ในเมื่อหัวหน้าถูกกำจัดแล้ว คิดว่าทหารแตกทัพเหล่านี้ก็คงก่อเรื่องอันใดไม่ได้แล้ว
เห็นหน้าที่น้ำลายไหลสามฉื่อของหัวบิน หลิ่วหมิงก็ยิ้มสบายๆ แล้วสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง โยนศพหัวปีศาจแม่ทัพตนนั้นไปให้
หัวบินร้องตะโกนยินดี ส่ายร่างวูบหนึ่งกลับเป็นร่างเดิมอีกครั้ง
จากนั้นโถมมาหาศพหัวปีศาจแม่ทัพ เริ่มอ้าปากกัดคำโต
หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดกระบี่ กระบี่บินในมือหลุดออกจากมือบินกลับไปในถุงกระบี่ข้างเอว
ผิวของฝักกระบี่สีเงินอ่อนมีประกายสีเงินไหลเคลื่อนพักหนึ่งจากนั้นก็หายวับไป
ไม่นานนักศพมหึมาของหัวปีศาจแม่ทัพก็ถูกเฟยเอ๋อร์กลืนลงท้องจนหมด แสงสีเขียวในดวงตามันหม่นแสงลง เริ่มทำท่าเกียจคร้าน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ดวงตาพลันเป็นประกาย
เดิมทีหัวบินติดขัดเข้าสู่ระดับแก่นเสมือนไม่ได้เสียที ตอนนี้ได้กินพวกเดียวกันระดับแก่นแท้ตนหนึ่งลงไปจึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจมีโอกาสเลื่อนระดับ
คิดถึงตรงนี้ในใจหลิ่วหมิงก็ลอบยินดี มือข้างหนึ่งตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวเก็บหัวบินเข้าไป
“แย่แล้ว เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย!”
ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ กระทืบเท้าทีหนึ่งคนก็กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง เหาะไปยังหุบเขาตระกูลเยี่ยประหนึ่งลมกรด
เขากับหัวปีศาจแม่ทัพสู้ศึกใหญ่กัน ผนึกที่เหลืออยู่คงพังทลายไปหมดสิ้นแล้ว
ภูตผีทั้งหมดของเขาสันเขียวถูกคลื่นพลังเวทอันแข็งแกร่งของทั้งสองทำให้ตกใจหนีไปหมดวิญญาณร้ายส่วนหนึ่งหนีรอดจากมือหัวบินไปได้ หากภูตผีเหล่านี้โจมตีหุบเขาตระกูลเยี่ย ค่ายกลชั้นจำกัดอ่อนแออันนั้นของหุบเขาตระกูลเยี่ยคงต้านทานไม่อยู่อย่างแน่นอน
ระหว่างที่หลิ่วหมิงบินเร็วรี่อยู่เขาก็แผ่จิตสัมผัสออกไปทันที จิตสัมผัสครอบคลุมบริเวณหลายสิบกิโลเมตรรอบด้านอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมาสีหน้าเขาพลันเคร่งขรึม จิตของเขาสัมผัสได้ว่าภายในหุบเขาตระกูลเยี่ยพังระเนระนาด ด้านในแทบสัมผัสกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตไม่ได้เลย!
บนท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านมีค้างคาวผีสิบกว่าตัวบินวนอยู่
“รนหาที่ตาย!”
หลิ่วหมิงลอบด่าในใจคำหนึ่ง ดวงตาฉายแววดุดัน พลังจิตในทะเลจิตรับรู้ฉับพลันกระแทกรุนแรง คลื่นพลังจิตลูกมหึมาแผ่รอยกระเพื่อมที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าวงหนึ่งออกไป ซัดลงบนร่างค้างคาวผีสิบกว่าตัวนั้นที่อยู่ห่างออกไปเหนือหุบเขาตระกูลเยี่ย
ค้างคาวผีสิบกว่าตัวนั้นที่บินวนเวียนอยู่บนฟ้าเหนือหมู่บ้านตระกูลเยี่ยหัวสมองหนักอึ้งไปวูบหนึ่ง สติพร่าเลือนในทันใด แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็ฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ตอนนี้เองคลื่นพลังจิตอีกระลอกหนึ่งก็เล่นงานสติของพวกมันอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่รอพวกมันหายดี แสงสีดำสายหนึ่งกลางท้องนภาก็มาถึงประหนึ่งสายฟ้า แสงสีดำรูปพัดสายหนึ่งโถมเข้าขยี้ค้างคาวผีสิบกว่าตัวเป็นชิ้นๆ
แสงสีดำกะพริบวูบหนึ่ง ร่างกายของหลิ่วหมิงก็ร่อนลงกลางหมู่บ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา