ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 870

ตอนที่ 870 วิชาผสานกระบี่
ในโถงวางโต๊ะเก้าอี้หินแกะสลักสีเทาไว้จำนวนหนึ่ง ส่วนบนกำแพงรอบด้านมียันต์สีน้ำเงินขนาดเท่ากำปั้นจำนวนหนึ่งที่แลดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยกำลังทอแสงจิตวิญญาณเรืองๆ ออกมาเป็นระยะ ส่องให้ห้องโถงทั้งหมดสว่างไสว

บนเบาะกลมสีเหลืองอันหนึ่งตรงมุมโถง บุรุษชุดสีเทาผู้หนึ่งกำลังหลับสองตาสนิทนั่งหลังตรงอยู่บนนั้นขณะที่ปากเอ่ยท่องมนตร์

ในเวลาเดียวกันนี้กระบี่เล็กสีน้ำเงินยาวหนึ่งจั้งกว่าเล่มหนึ่งกำลังบินวนไปกลับเหนือศีรษะเขาไม่หยุดตามเคล็ดกระบี่ที่แปรเปลี่ยนไม่หยุดที่มือเขา

กระบี่เล็กทอแสงสีน้ำเงินล้ำลึกแต่อ่อนโยนสายแล้วสายเล่าออกมาค่อยๆ วาดกลายเป็นหัวมังกรสีน้ำเงินยักษ์ขนาดหนึ่งจั้งกว่าหัวหนึ่งกลางอากาศ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมไม่กล้ารบกวน ได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ที่ปากโถงถ้ำ มองภาพนี้ไม่ละสายตา

วิชาลับที่ใช้ปราณกระบี่รอบกระบี่บินวาดเป็นภาพอาจดูเหมือนกระจอกและธรรมดา แต่หากอยากควบคุมแต่ละส่วนและทิศทางของปราณกระบี่ทั้งหมดให้ดี ทำกันไม่ได้ง่ายๆ แน่นอน

เวลาชั่วจิบชาครึ่งถ้วยให้หลัง มังกรยักษ์สีน้ำเงินยาวสามสี่จั้งตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในโถงถ้ำ เหาะวนอยู่ด้านในประหนึ่งมีชีวิต

ทว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจให้หลัง ทันใดนั้นบุรุษชุดเทาก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดกระบี่ ปากเอ่ยว่า “เก็บ” ออกมาเบาๆ

สองตาบนหัวมังกรกลางอากาศเปล่งแสงเจิดจ้า เสียง “ฟู่” ดังขึ้นทีหนึ่ง มังกรยักษ์สีน้ำเงินยาวสามสี่จั้งก็กลายเป็นแสงสีน้ำเงินอ่อนเส้นแล้วเส้นเล่าสลายไป กระบี่บินวนอยู่กลางอากาศรอบหนึ่งแล้วพุ่งหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ตอนนี้บุรุษชุดเทาถึงลุกขึ้นยืน เขายิ้มน้อยๆ กวักมือเรียกหลิ่วหมิงเข้าไปหา จากนั้นตนเองก็นั่งลงบนเก้าอี้ศิลาตัวหนึ่งใกล้ๆ

“หลิ่วหมิง คารวะผู้อาวุโสสูงสุด” หลิ่วหมิวก้าวเข้าไปคำนับแล้วเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม

“ศิษย์หลานหลิ่วไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้ ที่จริงครั้งนี้ที่เรียกเจ้ามาหลักๆ ก็คือต้องการใช้วิชาลับของศาสตร์กระบี่วิชาหนึ่งในมือข้าแลกกับทรายธารดาราครึ่งถุงในมือเจ้า” บุรุษชุดเทาเอ่ยเข้าประเด็น

“ศิษย์ได้ฟังอาจารย์บอกกล่าวเรื่องนี้แล้ว” หลิ่วหมิงเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม

“ทรายธารดาราเป็นวัตถุดิบหลอมศาสตราที่หาได้ยากยิ่ง ข้าตามหามาเนิ่นนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เจ้าจะได้มาจากแดนลึกลับประตูสวรรค์หนึ่งถุง จะว่าไปแล้ววิชาลับของศาสตร์กระบี่ที่ข้าจะใช้แลกกับทรายธารดาราของเจ้าครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ มันเป็นวิชาลับวิชาหนึ่งที่ใช้กระบวนการพิเศษผสานทรายธารดาราเข้ากับกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ เมื่อเป็นเช่นนี้ไม่เพียงจะทำให้พลังของกระบี่บินเพิ่มขึ้นมากและเกิดพลังใหม่ ที่สำคัญยิ่งกว่าคือยังทำให้เจ้าทดลองหลอมลูกกลอนกระบี่โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ระดับแก่นแท้ได้ด้วย” บุรุษชุดเทาหัวเราะเบาๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ

“อะไรนะ ยังไม่ถึงระดับแก่นแท้ก็หลอมลูกกลอนกระบี่ได้หรือ?” แม้หลิ่วหมิงจะสุขุมมาตลอด แต่ได้ฟังก็ยังอดไม่ได้หลุดปากออกมา

ต้องรู้ว่าเมื่อกระบี่บินพลังจิตวิญญาณหลอมกลายเป็นลูกกลอนกระบี่ก็จะหลุดพ้นจากขอบเขตของต้นแบบอาวุธเวท กลายเป็นอาวุธเวทที่แท้จริง ไม่เพียงนับจากนี้จะลี้ลับหยั่งไม่ถึง พลังยังแตกต่างกับก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับดินในทันที

แต่ก็เพราะเหตุนี้ ต้นแบบอาวุธเวทของอาวุธชนิดอื่นยังพอจะเลื่อนระดับเป็นอาวุธเวทที่แท้จริงตั้งแต่ก่อนระดับแก่นแท้ได้ มีเพียงกระบี่บินพลังจิตวิญญาณที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

กล่าวอีกอย่างก็คือจิตกระบี่น่ากลัวที่แผ่ออกมายามหลอมลูกกลอนกระบี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนกระบี่ต่ำกว่าระดับแก่นแท้จะควบคุมได้

ดังนั้นจึงมีเพียงผู้ที่อยู่สูงกว่าระดับแก่นแท้ถึงจะหลอมลูกกลอนกระบี่ได้ นี่แทบจะเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไปในหมู่ผู้ฝึกฝนกระบี่

ผู้อาวุโสสูงสุดระดับดาราพยากรณ์คนนี้ตรงหน้ากลับบอกว่ามีวิชาลับที่ทำให้หลอมลูกกลอนกระบี่ได้ตั้งแต่ยังไม่บรรลุระดับแก่นแท้ จะไม่ให้หลิ่วหมิงตกตะลึงได้อย่างไร

ตามที่หลิ่วหมิงวางแผนไว้แต่เดิม หลังผนึกแก่นแท้แล้วถึงจะลงมือตระเตรียมเรื่องหลอมลูกกลอนกระบี่ มิเช่นนั้นเขาคงไม่หลอมฝักกระบี่ว่างเปล่าออกมาก่อนล่วงหน้า

อย่างไรหลังหลอมลูกกลอนกระบี่เสร็จก็ต้องผนึกไว้ในฝักกระบี่เพื่อบำรุงอีกหลายสิบปีถึงจะสำเร็จอย่างแท้จริง ในช่วงเวลานี้ไม่อาจใช้กระบี่บินพลังจิตวิญญาณได้ง่ายๆ มิเช่นนั้นที่บำรุงมาก่อนหน้าจะสูญเปล่าหมดสิ้น ต้องผนึกเพื่อบำรุงใหม่อีกครั้ง

แต่หากมีวิชาลับวิชานี้ ตนก็หลอมลูกกลอนกระบี่นี้ให้สำเร็จก่อนผนึกแก่นแท้ได้ ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาในพริบตา

“แลกเปลี่ยนเช่นนี้ ไม่ทราบศิษย์หลานหลิ่วยินดีหรือไม่? ข้าบอกไว้ก่อน เรื่องนี้จะไม่ฝืนบังคับเจ้า” บุรุษชุดเทาไม่ได้ตอบคำถามหลิ่วหมิงตรงๆ แต่มองหลิ่วหมิงแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“ศิษย์ย่อมยินดี!” ครั้งนี้หลิ่วหมิงครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก็รับปากด้วยเสียงนอบน้อมทันที จากนั้นเขาก็พลิกมือเรียกถุงผ้าสีเทาใบหนึ่งออกมาจากในแหวนย่อส่วนแล้ววางลงบนโต๊ะศิลาในโถงถ้ำ

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ถุงผ้าสีเทาหนักอึ้งหล่นลงบนโต๊ะศิลา

บุรุษชุดเทาฉวยมาด้วยมือข้างหนึ่งอย่างสบายๆ แล้วจับถุงผ้าแกว่งเบาๆ ในมือ เสียงเม็ดทรายกระทบกันเกรียวกราวดังออกมา พร้อมกันนั้นปากถุงก็คลายออกดัง “ฟึบ” แสงดาราสว่างไสวสายแล้วสายเล่าส่องออกมาจากด้านในถุงผ้า

เขาช้อนทรายจำนวนหนึ่งออกมาจากในถุงผ้าคลึงในมือสองสามหนแล้วจดจ้องตรวจสอบอย่างละเอียด ดวงตาทั้งสองยิ่งลุกวาว

“ทรายธารดาราจริงๆ ไม่ผิดแน่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา