แสงสีดำบนร่างหลิ่วหมิงฉับพลันเข้มขึ้น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงหมัดโจมตีน้ำแข็งแกร่งตรงหน้าแตกกระจุย แล้วกระตุ้นลำแสงพุ่งผ่านกลางเศษน้ำแข็งเต็มฟ้าไล่ตามรุ้งสีเงินที่อยู่ไกลๆ ไป
ทั้งสองคน คนหนึ่งไล่ตาม คนหนึ่งหนี ชั่วพริบตาเหาะออกไปหลายสิบลี้
เพียงแต่เห็นชัดว่าลำแสงของหลิ่วหมิงเร็วกว่าอยู่บ้าง ระยะห่างของทั้งสองคนจึงยิ่งใกล้เข้าไปทุกที ผ่านไปไม่นานระยะห่างก็เหลือไม่ถึงห้าสิบจั้ง
นักพรตจันทราอธรรมย่อมรับรู้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่พูดพร่ำอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาแล้วตั้งท่าเคล็ดวิชาอย่างเร็วไวในเวลาเดียวกัน
เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
ลำแสงของเขาฉับพลันฉายแสงสีเลือดแล้วพร่าเลือนวูบหนึ่ง จากนั้นแยกเป็นลำแสงห้าเส้นที่เหมือนกันทุกประการ พุ่งเร็วรี่ไปด้านหน้าห้าทิศทาง
ลำแสงแต่ละเส้นล้วนเหมือนจริงอย่างยิ่ง นอกจากนี้คลื่นพลังเวทที่แผ่ออกมาก็แทบจะเหมือนกัน
หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ยิ้มนิดๆ วงกระเพื่อมสีดำปรากฏขึ้นในดวงตา ใช้วิชาอนธการค้นวิญญาณ
หลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน เขาก็ใช้วิชาอนธการค้นวิญญาณออกมาได้ดั่งใจมากขึ้น จึงแยกแยะร่างจริงของนักพรตจันทราอธรรมออกแทบจะในทันที
เขาไม่หยุดเร่งพลังเวทในร่างแม้แต่น้อย ความเร็วเพิ่มขึ้นในฉับพลัน ไล่ตามเร็วรี่ไปหาลำแสงด้านซ้ายสุด พร้อมกันนั้นก็โบกมือ ปราณดำรอบร่างพลุ่งพล่าน มังกรหมอกสีดำยาวหลายจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกมาในพริบตาแล้วบินเร็วรี่เข้าไปหานักพรตจันทราอธรรม
แสงแวววาวสีเงินยวงเส้นหนึ่งลอยออกมาจากร่างนักพรตจันทราอธรรม หลังจากบินวนไปมาด้านหลังร่างรอบหนึ่ง มันก็ฟันมังกรหมอกสีดำกลายเป็นท่อนๆ ภายในสองสามครั้ง
ทว่าครั้งนี้ชั่วขณะที่ชะงักไป หลิ่วหมิงก็ตามมาทันแล้ว
“เจ้าหนูจะไล่ต้อนกันเกินไปแล้ว!”
นักพรตจันทราอธรรมคำรามโกรธเกรี้ยว สิบนิ้วบนสองมือแปรเปลี่ยนประหนึ่งวงล้ออยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นแสงแวววาวสีเงินยวงที่เขาเรียกออกมาก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าแล้วฟันเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายเย็นเยียบ ต่อยหนึ่งหมัดอันหนักหน่วงออกมา
เงาหมัดสีดำใหญ่เท่าโม่หมัดหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาปะทะกับแสงแวววาวสีเงินยวง
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น แสงแวววาวสีเงินยวงเผยร่างเดิมซึ่งก็คือดาบวงเดือนสีเงินเล่มหนึ่ง ถูกดีดหมุนคว้างพุ่งถอยกลับมา
ส่วนเงาหมัดสีดำยังคงพุ่งหวีดหวิวเข้าใส่นักพรตจันทราอธรรมโดยที่พลังไม่ลดลง
นักพรตจันทราอธรรมเห็นเช่นนี้ ม่านตาพลันหดเล็กลง ในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อจางๆ
แม้เขาพลังระดับแก่นเสมือนเช่นกัน ทั้งยังมีวิชามากมายและเชี่ยวชาญวิชาลับแยกร่างวิชาหนึ่ง แต่วันนี้เผชิญหน้ากับหลิ่วหมิงกลับพบอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่าจนอดไม่ได้ร้องตะโกนดังลั่นในใจว่าโชคร้าย
ขณะที่นักพรตจันทราอธรรมเตรียมจะใช้วิชาอื่นออกมา หลิ่วหมิงพลันสะบัดสองแขน แสงสีดำสาดออกมาจากบนร่าง ทันใดนั้นเงาหมัดสีดำที่จวนเจียนจะมาถึงนักพรตจันทราอธรรมก็ระเบิด
แสงสีดำผืนใหญ่แผ่ออกมาล้อมนักพรตจันทราอธรรมไว้ด้านในภายในพริบตา
พลังคุกมืดที่ก่อกวนจิตสัมผัสได้เป็นดาวข่มสำหรับผู้ฝึกฝนอย่างนักพรตจันทราอธรรม และเป็นสิ่งที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าวันตายของเขามาถึงแล้ว
หลังชั่วเวลาหนึ่งมื้อกินข้าวมิติคุกมืดก็สลายไป หลิ่วหมิงยังคงยืนโต้ลมอยู่กลางท้องฟ้า ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่ในมือหิ้วศีรษะของนักพรตจันทราอธรรมไว้
การโต้กลับก่อนตายของนักพรตจันทราอธรรมเมื่อครู่ทำให้เขาเสียลมปราณไปเล็กน้อย
แต่ทุกสิ่งล้วนคุ้มค่า ในรายชื่อความเป็นความตายศีรษะของเขามีมูลค่าถึงหนึ่งแสนหลายหมื่นแต้มคุณูปการ
หลิ่วหมิงเก็บศีรษะรวมถึงร่างของนักพรตจันทราอธรรมเข้าไปในอาวุธเวทเก็บของบนร่างตน แล้วพลิกมือกินโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่ง จากนั้นกลายเป็นลำแสงเส้นหนึ่งออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาไม่ได้กลับนิกายยอดบริสุทธิ์ แต่เลี้ยวเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้าไปหาเป้าหมายต่อไปตามข่าวสารที่ได้มาจากนิกาย
…..
ครึ่งเดือนให้หลัง บนท้องฟ้าเหนือบึงที่เต็มไปด้วยไอพิษแห่งหนึ่งบนแผ่นดินจงเทียน เงาดำสองร่างไล่ตามกันเร็วรี่ผ่านไป ทิ้งรอยจางๆ สองสายไว้กลางท้องฟ้า
ผู้ที่เหาะอยู่ด้านหน้าคือชายหนุ่มเยาว์วัยขนคิ้วสีขาว ทั่วร่างแสงสีดำกะพริบวูบวาบ ดูจากรูปหน้าและหูปุกปุยเหมือนจะไม่ใช่เผ่ามนุษย์
คนที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังเสื้อสีน้ำเงินสะบัดพลิ้วตามสายลม แน่นอนเขาคือหลิ่วหมิงนั่นเอง
“ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์น่าตาย ข้าเป็นถึงศิษย์สายตรงของจินเจินเหรินแห่งบึงหมื่นปี เจ้ากล้าไล่ล่าสังหารข้า เจ้าตายแน่ ตายแน่!” เสียงของชายหนุ่มคิ้วขาวที่เหมือนผู้หญิงอยู่บ้างคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ชายหนุ่มคิ้วขาวผู้นี้ก็เป็นคนที่มีรางวัลค่าหัวในรายชื่อความเป็นความตายสายในเช่นเดียวกัน เขาคือผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับผลึกขั้นปลายนามว่าไป๋เซิ่ง ค่าหัวหนึ่งแสนสองหมื่นแต้มคุณูปการ
หลิ่วหมิงหัวเราะหยันแล้วโบกมือ ทันใดนั้นแสงสีเงินก็กะพริบวิบวับบนแผ่นหลัง บนร่างปรากฏเสื้อเกราะอ่อนสีเงินตัวหนึ่ง พร้อมกันนั้นปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งก็ปรากฏตามออกมาแล้วกระพืออย่างรุนแรง
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น พายุหมุนล่องหนสองลูกยกร่างของหลิ่วหมิงทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นเท่าตัวในฉับพลัน เวลาไม่กี่ลมหายใจก็ไล่ตามชายหนุ่มคิ้วขาวทัน
แม้วาจาของชายหนุ่มคิ้วขาวจะดุดัน แต่เขาสัมผัสความแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงมาก่อนแล้ว บนหน้าจึงฉายแววพรั่นพรึง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงหวีดแหลมแสบแก้วหูออกมาจากปาก
แสงสีดำไหลเคลื่อนรวดเร็วบนร่างเขา จากนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา พร้อมกันนั้นบนแผ่นหลังของเขาก็ปรากฏปีกขนนกสีดำสนิทคู่หนึ่ง และสองมือก็กลายเป็นกรงเล็บเหล็กดำขลับแวววาวคู่หนึ่งด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา