ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 891

ตอนที่ 891 ค่ายกลโปรดสัตว์สำแดงเดชครั้งแรก
เจ็ดวันให้หลัง ในเทือกเขาที่ทอดยาวอยู่ห่างจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณสองหมื่นกว่ากิโลเมตรแห่งหนึ่ง

อากาศของที่แห่งนี้ร้อนระอุเป็นพิเศษ เทือกเขาทั้งเส้นเป็นสีแดงฉาน นอกจากนี้ไอหมอกยังลอยวนเวียน ทอดมองไกลออกไปเห็นเป็นรูปบิดเบี้ยวเล็กน้อย อีกทั้งทั่วทั้งเทือกเขาแทบจะมองไม่เห็นเงาของพืชพันธุ์อันใดเลย

นอกเหนือจากนี้ยังมองเห็นยอดเขามีควันดำสายแล้วสายเล่าลอยออกมาเป็นระยะพร้อมกับพ่นธารลาวาสีแดงฉานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ปากปล่องภูเขาไฟสูงถึงพันจั้งที่ยังคุกรุ่นลูกหนึ่งฉับพลันระเบิดเสียงดังก้อง เงาสีดำร่างหนึ่งเหาะออกมาจากปากปล่องภูเขาอย่างรวดเร็วยิ่งนักท่ามกลางเศษหินเต็มท้องฟ้า เขาไม่พูดพร่ำบินเร็วรี่ไปยังทิศทางหนึ่งเหมือนต้องการหนีไปให้ไกลโพ้น

ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจที่เงาดำเพิ่งเหาะออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ ในปากปล่องภูเขาไฟพลันมีแสงสีแดงสว่างวาบ บางสิ่งซึ่งมหึมาและเป็นสีแดงจัดแหวกท้องฟ้าไล่ตามเงาดำไปติดๆ

เงาดำเดี๋ยวเลี้ยวซ้ายเดี๋ยวเลี้ยวขวาอย่างว่องไวกลางอากาศ เขาเปลี่ยนทิศทางไม่หยุดโดยที่ความเร็วเพิ่มขึ้นทุกชั่วขณะ ส่วนเงาสีแดงด้านหลังก็ไล่ตามมาติดๆ ไม่ว่าเงาดำด้านหน้าจะเปลี่ยนทิศทางอย่างไรก็ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังแม้แต่น้อย

ทั้งสองฝั่ง ฝ่ายหนึ่งหนี ฝ่ายหนึ่งไล่ตาม พริบตาเดียวก็ออกจากเขตภูเขาไฟ เหาะออกมาไกลสิบกว่าลี้

ในเวลานี้เองเงาดำด้านหน้าฉับพลันทิ้งตัวลง ดิ่งอย่างรวดเร็วลงไปในหุบเขาดำมืดแห่งหนึ่งเบื้องล่าง

เงาสีแดงกลับชะลอร่างกาย มันหันหัวมองไปทางปากปล่องภูเขาไฟทีหนึ่ง จากนั้นแสงสีแดงรอบร่างก็สลายออกเผยให้เห็นร่างที่แท้จริง

นี่คือปีศาจอสูรสูงเจ็ดแปดจั้งตัวหนึ่ง หน้าตาค่อนข้างคล้ายอาชา ร่างกายเพรียวลม ส่วนหางมีขนหางนุ่มลื่นสีแดงก่ำสะบัดซ้ายขวาราวกับเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้กองหนึ่ง ส่วนบนหัวของมันมีเขาหน้าตาเหมือนปะการังคู่หนึ่ง มองดูแล้วงดงามยิ่งนัก

อสูรตัวนี้ก็คืออสูรเพลิงมายา ปลายเขาบนหัวของมันสีดำขลับ นั่นเป็นสัญลักษณ์ว่าอสูรตัวนี้โตเต็มวัยและเข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว

อสูรเพลิงมายาน้อยครั้งนักจะออกจากธารลาวา หากวันนี้เงาดำร่างนั้นไม่ได้ฉวยโอกาสที่มันหลับสนิท ลอบเข้ามาอย่างเงียบเชียบป่วนรังของมันจนวุ่นวาย มันก็คงไม่โกรธเกรี้ยวจนไล่ตามออกมาเช่นนี้

ทว่าเมื่อไล่ตามมาถึงที่นี่แล้ว อสูรตัวนี้ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของอันตรายโดยสัญชาตญาณ

ผลปรากฏว่าพริบตานั้นที่อสูรตัวนี้ชะงัก เงาดำเบื้องหน้าฉับพลันมีแสงเรียวเล็กสีแดงหม่นเส้นหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ส่งเสียงแหวกอากาศดัง “ฟึบ”

ความเร็วของแสงสีแดงเร็วจนน่าตกตะลึง แล่นผ่านทีเดียวก็มาถึงหน้าร่างอสูรเพลิงมายา

เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง

แม้อสูรเพลิงมายาจะตอบสนองโดยเบี่ยงหัวหลบรวดเร็วอย่างที่สุด มันก็ยังคงมีเลือดสายหนึ่งพุ่งปรี๊ดออกมา แสงสีแดงเรียวเล็กมีพลังมากมายจนน่าตะลึง มันแทงทะลุด้านข้างลำคอของอสูรเพลิงมายาจนเกิดเป็นแผลเรียวยาวเส้นหนึ่ง

“โฮก!”

อสูรเพลิงมายาแหงนหน้าคำรามอย่างโกรธจัดด้วยความเจ็บปวด มันอ้าปากพ่นลูกบอลเพลิงสีแดงฉานลูกหนึ่งเข้าใส่เงาดำเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนั้นบนลำคอของมันก็ทอแสงสีแดงสายแล้วสายเล่า บาดแผลปิดสนิทลงอย่างเร็วไว

ลูกบอลเพลิงตอนเพิ่งถูกพ่นออกมามีขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ ทว่าหลังพุ่งออกมาสิบจั้ง มันก็ส่งเสียงดัง “บึ๊ม” ครั้งหนึ่งแล้วกลายเป็นขนาดมหึมาใหญ่หนึ่งจั้งกว่า จากนั้นระเบิดออกในพริบตากลายเป็นพายุหมุนอัคคีลูกมหึมาซัดเข้าใส่เงาดำเบื้องหน้าอย่างมาดร้าย

พายุหมุนอัคคีสีเหลืองทองเรืองรองผ่านไปที่ใด อากาศล้วนถูกแผดเผาเกิดเป็นลายคลื่นวงแล้ววงเล่าเห็นเด่นชัด จากนั้นซัดเข้าใส่เงาดำอย่างหนักหน่วง

เงาดำร่วงลงไปในหุบเขาเบื้องล่างประหนึ่งหินอุกกาบาตก้อนหนึ่ง เกิดเสียงกระแทกหนักหน่วงดังก้องออกมา

อสูรเพลิงมายาเห็นเช่นนี้ก็เริงร่า มันทิ้งความกังวลสายสุดท้ายในสมองทิ้งไป จากนั้นกรีดร้องอย่างตื่นเต้น กีบเท้าทั้งสี่ขยับ ฉับพลันกลายเป็นลำแสงสีแดงฉานเส้นหนึ่งไล่ตามเข้าไปในหุบเขา หมายจะฉีกเจ้าตัวที่ใจกล้าทำลายรังของมันจนเสียหายแล้วยังทำร้ายมันบาดเจ็บตัวนี้ให้กลายเป็นชิ้นๆ

พริบตาที่อสูรเพลิงมายาเพิ่งเหยียบเข้ามาในหุบเขา เหตุพลิกผันก็พลันบังเกิดขึ้น

ใต้ดินฉับพลันมีเสาแสงสีทองสี่ต้นพุ่งออกมา ค่ายกลขนาดใหญ่สีทองค่ายกลหนึ่งล้อมปากทางเข้าหุบเขาทั้งหมดไว้ในทันที

อสูรเพลิงมายาตาลาย ภาพรอบด้านเปลี่ยนไปในฉับพลัน รอบด้านยังมีหุบเขาอยู่ที่ไหน สี่ด้านแปดทิศล้วนเป็นมิติปิดตายสีทองเรืองรองแห่งหนึ่ง แรงกดดันมหาศาลสายแล้วสายเล่าบีบเข้ามาตรงกลาง

ส่วนในหลุมลึกใจกลางหุบเขามีเงาสีดำร่างหนึ่งกำลังเหาะขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ปราณดำรอบร่างค่อยๆ สลายออกเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนด้านใน

หลิ่วหมิงนั่นเอง

เวลานี้เสื้อผ้าบนร่างเขามีรอยไหม้อย่างเห็นได้ชัด ซ้ายซีกหนึ่ง ขวาซีกหนึ่งห้อยติดอยู่บนร่าง แต่ลมหายใจของเขานิ่งสงบ เห็นชัดว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ตรงกันข้ามเขากลับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแย้มรอยยิ้มน้อยๆ ให้อสูรเพลิงมายาที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลโปรดสัตว์

“ปีศาจอสูรก็คือปีศาจอสูร ถึงแม้จะเกิดสติปัญญาแล้ว แต่เทียบกับผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเจ้าเล่ห์พวกนั้นก็ยังจัดการง่ายกว่า” หลิ่วหมิงพึมพำกับตนเองประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นในมือพลันส่องแสงสีทอง เขาพลิกมือเรียกธงคำสั่งผืนหนึ่งออกมา

ในเวลาเดียวกันนั้นเงาของสตรีสาวผู้สวมชุดตาข่ายสีดำก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินใกล้ๆ ในมือนางถือธงคำสั่งสีทองผืนหนึ่งไว้เช่นกัน

ค่ายกลขนาดใหญ่สีทองส่ายไหวพลางส่งเสียงดังครืนคราง แสงสีทองที่ค่ายกลฉายออกมาสั่นไหวอย่างรุนแรง เห็นชัดว่าอสูรเพลิงมายาที่ถูกขังอยู่ด้านในกำลังสู้อย่างสัตว์ที่จนตรอก

มหาค่ายกลโปรดสัตว์เวลานี้แสดงความร้ายกาจของมหาค่ายกลสายพุทธแห่งยุคโบราณออกมา แสงสีทองทอประกายวิบวับแต่ยังคงมั่นคงดั่งขุนเขา ไม่มีวี่แววว่าจะถูกทำลายแม้แต่น้อย

“ลงมือ” หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งร่วงลงบนธงคำสั่ง พร้อมกันนั้นก็เอ่ยสั่ง

“เจ้าค่ะ นายท่าน!”

เซียเอ๋อร์ขานรับอย่างเร็วไว บนใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา หลังจากแขนขยับครั้งหนึ่ง พลังเวททั้งร่างก็กรอกเข้าไปในธงคำสั่งช้าๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา