“ถ้าเช่นนั้นข้าทำเองก็แล้วกัน!”
ขณะที่ทุกคนนิ่งเงียบอยู่นั้น เสียงบุรุษเรียบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ทุกคนได้ยินพลันหันไปมอง คนส่วนใหญ่ในดวงตาเต็มไปด้วยแววตาประหลาดใจ
ผู้ที่เอ่ยปากก็คือหลิ่วหมิง!
พวกหลัวเทียนเฉิง เวินเจิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ศิษย์น้องหลิ่ว ถ้าเป็นเจ้า…”
ฉิวหลงจื่อเห็นว่าเป็นหลิ่วหมิง คิ้วก็ขมวดนิดๆ คล้ายลังเลอยู่บ้าง
“อืม ศิษย์น้องหลิ่วยินดีรับภาระหนักหนาครั้งนี้ก็เหมาะสม อย่างไรหากไม่นับข้ากับศิษย์น้องฉิวหลงจื่อ ในที่แห่งนี้เจ้าก็มีพลังแข็งแกร่งที่สุดแล้ว” จินเทียนชื่อพยักหน้าเหมือนกับไม่ผิดคาดนักที่หลิ่วหมิงจะก้าวออกมา
ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่สะดวกพูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้าตาม
สายตาของหลิ่วหมิงกวาดผ่านศิลารวมจิตวิญญาณกองนั้นด้วยหัวใจที่นิ่งสงบดุจผืนน้ำ
ศิลารวมจิตวิญญาณเหล่านี้สำคัญกับเขาเหลือเกิน ตอนนี้เพื่อเลื่อนระดับให้เร็วที่สุดและเพิ่มโอกาสน้อยนิดในการผนึกแก่นแท้ ต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่บ้างก็คุ้มค่า
ส่วนปีศาจค้างคาวเหล่านั้นด้านนอก ด้วยพลังของเขาและสมบัติหลายชิ้นในมือ แม้อยู่ท่ามกลางวงล้อม เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าตนเองจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย
“ในเมื่อศิษย์น้องหลิ่วอาสาเป็นผู้กล้าแล้ว งานก็ไม่ควรชักช้า รีบลงมือหน่อยเถิด!” จินเทียนชื่อมองฝูงค้างคาวที่เรียงแถวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้าแล้วหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมาโยนให้หลิ่วหมิงทันที
“ได้”
หลิ่วหมิงคว้าขวดหยกไว้แล้วโยนแผ่นค่ายกลในมือคืนไป จากนั้นเขาจึงก้มศีรษะกวาดมองของในมือ
สิ่งที่เห็นคือขวดหยกสีเขียวทั้งใบ ตรงปากขวดมีจุกไม้อุดไว้แน่น ด้านบนมียันต์แผ่นหนึ่งปิดไว้ ไม่มีกลิ่นลอยออกมาสักนิด ดวงตาเขาเปล่งประกายเล็กน้อยแล้วสะบัดมือส่งปราณสีดำสายหนึ่งออกมาหอบศิลารวมจิตวิญญาณบนพื้นครึ่งหนึ่งเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วน
“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้าเพียงต้องเปิดปากขวดแล้วใช้พลังเวทกระตุ้นธาราลวงวิญญาณ ปีศาจอสูรค้างคาวเหล่านี้ก็จะถูกกลิ่นที่โชยออกมาของธาราลวงวิญญาณดึงดูด หลังจากศิษย์น้องล่อปีศาจค้างคาวเหล่านี้ไปแล้วให้ไปที่เขาศิลาดำซึ่งระบุไว้ในแผนที่ พวกเราจะไปรวมตัวกันที่นั่น” จินเทียนชื่อเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่หลิ่วหมิงอ้าปากเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างนั่นเอง ในหูก็ได้ยินเสียงกระแสจิตของจินเทียนชื่อดังขึ้นอีก
“ศิษย์น้องล่อปีศาจค้างคาวค่อนครึ่งออกไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็จงคิดวิธีพาตัวเองหนีไป เอาชีวิตตนเป็นสำคัญ”
“ไม่เป็นปัญหา” หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายแล้วพยักหน้าตอบรับ
“ศิษย์น้องฉิว เจ้าก็ลงมือด้วย ช่วยข้าเปิดทางให้ศิษย์น้องหลิ่วไปจากที่นี่อย่างราบรื่น!” จินเทียนชื่อหันไปสั่งอีกคำหนึ่ง
ฉิวหลงจื่อตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด มือข้างหนึ่งตบฝักหนังสีเทาดูเก่าคร่ำคร่าใบหนึ่งข้างเอว ทันใดนั้นผิวของฝักหนังก็เปล่งแสงสีเทาก่อนที่กลางฝ่ามือเขาจะมีปราณกระบี่สีทองแสบตาส่องสว่างขึ้นมา
เวลานี้หลิ่วหมิงมองสองพี่น้องโอวหยางเหมือนตั้งใจแต่ก็เหมือนไม่ตั้งใจ
ดวงเนตรงามของโอวหยางเชี่ยนวูบไหว แต่สุดท้ายก็ยังไม่เอ่ยคำใดออกมา
กลับเป็นโอวหยางฉินด้านข้างที่เอ่ยออกมาคำหนึ่ง “รักษาตัวด้วย!”
หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ ให้สตรีทั้งสอง แต่ไม่เอ่ยอันใดมากเช่นเดียวกัน
“เปิด!”
ในเวลานี้เอง มือของจินเทียนชื่อก็ประหนึ่งวงล้อยิงเคล็ดวิชาออกมาหลายสิบสาย บนผิวม่านแสงสี่ชั้นของค่ายกลเบื้องหน้าส่องแสงจิตวิญญาณเจิดจ้า
จินเทียนชื่ออ้าปากพ่นลูกบอลแสงสีน้ำเงินลูกหนึ่งออกมา พร้อมกันนั้นสองมือพลันประกบกันเบื้องหน้าแล้วแยกออกซ้ายขวาช้าๆ
ลูกบอลแสงสีน้ำเงินสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่สีน้ำเงินสองข้างยืดออกมาจากด้านในจับบนค่ายกล
พร้อมกับที่จินเทียนชื่อท่องมนตร์ ผ่านไปครู่หนึ่งเกราะป้องกันของค่ายกลสี่ชั้นก็ถูกมือใหญ่สีน้ำเงินแหวกออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง
ค้างคาวกระหายเลือดด้านนอกตะลึงไปชั่วครู่ก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้นยินดี แย่งกันโถมเข้ามาในรอยแยกทันที
“ปีศาจร้าย เจ้าบังอาจ!”
เวลานี้เองฉิวหลงจื่อพลันตวาดเสียงดังก้อง แสงสีทองที่ส่องสว่างออกมาจากมือฉับพลันระเบิดซัดไปสี่ด้านแปดทิศประหนึ่งวัตถุที่มีร่างกายในทันใด
เงากระบี่สีทองพร่ามัวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ หลังจากสั่นไหวครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่น่าขนลุกจำนวนมหาศาลก็โผล่ออกมา เงากระบี่มากมายถี่ยิบพุ่งเร็วรี่ผ่านรอยแยกออกไปพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ
ฉิวหลงจื่อประกบห้านิ้วเกิดเป็นสัญลักษณ์รูปกระบี่แล้วยิงเคล็ดกระบี่หลายสายออกไปอย่างเร็วไว เขาคำรามแผ่วเบาครั้งหนึ่ง เงากระบี่ทั้งหมดพลันประสานกลายเป็นเล่มเดียว ลำแสงสีทองขนาดใหญ่เส้นหนึ่งพุ่งดังหวีดหวิว
ชั่วขณะหนึ่งจิตกระบี่เย็นเยียบซัดสาดออกไปกลางอากาศ แสงสีทองแสบตาทำให้ศิษย์สายในที่มองดูอยู่พากันเปลี่ยนสีหน้าแล้วเพ่งมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา