เงาคนสี่ร่างเหาะออกมาจากกลุ่มคนทันที พวกเขาคือเวินเจิง หลงเหยียนเฟย โอวหยางเชี่ยน และคนสุดท้ายก็คือหลิ่วหมิง ความรู้เกี่ยวกับค่ายกลของเขากระตุ้นแผ่นค่ายกลช่วยสนับสนุนชิ้นหนึ่งย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ทั้งสี่คนรับแผ่นค่ายกลไปคนละแผ่น ผ่านไปครู่หนึ่งแสงค่ายกลสี่สายก็ทยอยฉายออกมาทำให้การป้องกันหุบเขามั่นคงยิ่งขึ้น
ชั่วขณะหนึ่งเมื่อแสงสีเลือดถี่ยิบที่ค้างคาวกระหายเลือดพ่นออกมาโจมตีลงบนม่านแสงซึ่งประสานจากค่ายกลป้องกันหลายค่ายกล พวกมันก็ทยอยแตกสลายกลายเป็นฝนแสงสีโลหิตเฉกเช่นเดียวกับยามเกลียวคลื่นกระทบโขดหิน
ผู้คนที่นั่นเห็นเช่นนี้ในที่สุดก็โล่งอกขึ้นมาบ้าง
ทว่ายิ่งค้างคาวโถมเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อยๆ ค่ายกลกลางท้องฟ้าก็แทบจะถูกร่างกายของค้างคาวสีดำกับดวงตาสีเลือดที่ชวนให้คนขนหัวลุกปกคลุมจนหมด
“ตอนนี้ดูท่าคงไม่มีอันตรายชั่วคราว แต่เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ใช่แผนการระยะยาว!” ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ก็เอ่ยเสียงเข้ม
“ชั้นจำกัดเหล่านี้ป้องกันได้เพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ปีศาจค้างคาวมากมายเช่นนี้ล้อมทั้งหุบเขาไว้ ฝั่งเรากำลังลดทอนฝั่งนั้นกำลังเพิ่มพูนจะถูกโจมตีทลายเมื่อใดก็รอแค่เวลาเท่านั้น” จินเทียนชื่อก็พยักหน้าพูดในทำนองเห็นด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พวกเรา…”
“ระวัง มีปีศาจอสูรค้างคาวระดับผลึกปรากฏตัวแล้ว”
ดวงตาของฉิวหลงจื่อทอประกายวูบหนึ่ง ขณะที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็ถูกหลิ่วหมิงเอ่ยขัด
ทุกคนตกตะลึงจากนั้นมองตามสายตาเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วพวกเขาก็เห็นค้างคาวตัวหนึ่งที่ขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นหนึ่งเท่าพุ่งออกมาจากฝูงค้างคาวด้านนอกชั้นจำกัด ขนาดของมันราวกับลูกวัว ปีกค้างคาวขนาดมหึมาทอแสงสีแดงก่ำดั่งโลหิต เขี้ยวโค้งในปากแต่ละซี่ประหนึ่งดาบแหลมคมยื่นออกมาด้านนอก คลื่นปราณปีศาจที่แผ่ออกมาจากบนร่างเห็นชัดว่าบรรลุระดับผลึกแล้ว
ค้างคาวยักษ์กรีดร้องเสียงแหลมแล้วอ้าปากกว้างพ่นลำแสงสีเลือดหนาเท่าถังน้ำเส้นหนึ่งโจมตีลงบนค่ายกลพสุธาด้านนอกสุด
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้พลันคิ้วขมวด สะบัดมือยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งออกไป บนค่ายกลพสุธาปรากฏไอหมอกรูปเกลียวสีน้ำตาลแถบหนึ่งลดทอนการโจมตีของลำแสงสีเลือด
“ตรงนี้ก็มีค้างคาวระดับผลึกอีกตัว!”
“ตรง…ตรงนี้ก็มีตัวหนึ่ง!”
ชั่วขณะหนึ่งปีศาจจอสูรค้างคาวระดับผลึกโผล่ออกมาตัวแล้วตัวเล่าราวกับหน่อไม้หลังฝน ปากของพวกมันพ่นลำแสงสีเลือดที่เห็นชัดว่าพลังเพิ่มเป็นเท่าทวีเข้าโจมตีชั้นจำกัดกลางท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดหย่อน
จินเทียนชื่อสีหน้าเคร่งเครียด สองมือยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าต่อเนื่องกระตุ้นค่ายกลพสุธาให้แปรเปลี่ยนจนชั้นจำกัดนอกหุบเขามีพลังเพิ่มขึ้นมากชั่วขณะหนึ่งด้วย จึงต้านการโจมตีของค้างคาวระดับผลึกเหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด
ทว่าผ่านไปเพียงชั่วครู่เกราะป้องกันก็ถูกย้อมด้วยจุดด่างสีแดงจำนวนไม่น้อยราวกับแผลที่กินลึกถึงกระดูก พวกมันกัดกินแสงแวววาวบนเกราะป้องกันไม่หยุดทำให้แสงรัศมีของค่ายกลทั้งหมดเริ่มหม่นหมองลงไปเรื่อยๆ
แสงสีเลือดที่ค้างคาวระดับผลึกเหล่านี้พ่นออกมาเห็นชัดว่ามีฤทธิ์ในการปนเปื้อนและกัดกร่อน นี่ทำให้ทุกคนรู้สึกพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
“ดูท่าไม่หนีคงไม่ได้แล้ว ต้องคิดวิธีฝ่าลงล้อมออกไปเดี๋ยวนี้!” จินเทียนชื่อสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่บ้าง
ผู้คนรอบด้านได้ยินต่างมองหน้ากันทันที ที่จริงในใจทุกคนล้วนรู้ชัดยิ่งว่าการฝ่าวงล้อมเป็นวิธีเดียว ทว่าเผชิญหน้ากับปีศาจอสูรระดับของเหลวจิตวิญญาณหลายพันตัวแล้วยังมีปีศาจอสูรระดับผลึกอีกไม่น้อย บุ่มบ่ามออกจากหุบเขาเกรงว่าคงแทบจะเท่ากับการรนหาที่ตาย
“แย่แล้ว ยังมีปีศาจค้างคาวกระหายเลือดระดับแก่นแท้ด้วย!”
มือของหลิ่วหมิงควบคุมค่ายกลสีน้ำเงิน ทว่าความสนใจกว่าครึ่งยังคงอยู่ที่ปีศาจค้างคาวด้านนอก หลังจากประกายสีดำไหลเคลื่อนในดวงตาพักหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองทิศทางหนึ่งนอกหุบเขาไม่ไกลแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
ทุกคนได้ยินคำนี้ล้วนตกตะลึงหันศีรษะไปมอง ทว่าก็เห็นด้านนั้นมีแต่ปีศาจค้างคาวที่เหมือนจุดอื่น ไม่มีจุดใดพิเศษ
ขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังสงสัยอยู่ในใจนั่นเอง เสียงกรีดร้องแหลมดังชัดเจนสายหนึ่งก็ดังมาจากด้านนอกหุบเขา พายุปีศาจสีแดงดำลูกหนึ่งฉับพลันพัดมาจากทิศทางที่หลิ่วหมิงมองอย่างไม่มีลางบอกแม้แต่น้อย ความเร็วน่าตะลึงยิ่งนัก!
ปีศาจค้างคาวระดับของเหลวจิตวิญญาณรอบด้านถูกพายุปีศาจซัดเหมือนใบไม้แห้งกลางสายลมสารทฤดู ร่างกายถูกพัดปลิวออกไปอย่างง่ายดายไม่อาจควบคุม พวกมันส่งเสียงร้องแสบแก้วหูดังระงม
ในเวลานี้เองพายุปีศาจสีแดงดำฉับพลันก็หยุดลง สิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
หลังจากทุกคนเพ่งมองไปก็อดไม่ได้สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา