ตรงนั้นเป็นหน้าผาสีน้ำเงินเข้มแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
ดวงตาหลิ่วหมิงเปล่งประกายวูบหนึ่งก็มองเห็นบนหน้าผาชัดเจน ฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตกแต่ละฝั่งมีจุดด่างคล้ายขี้ผึ้งกระจายอยู่ไม่น้อยและแผ่ปราณเย็นยะเยือกจางๆ ออกมา
ใกล้กับจุดด่างมีปากโพรงมากมายกระจายอยู่เต็มไปหมด โพรงที่ใหญ่ขนาดเท่าโม่ โพรงที่เล็กขนาดเท่าถังน้ำ มองปราดไปแลดูคล้ายรังผึ้งมหึมา
ยังไม่ทันที่เขาจะปล่อยจิตสัมผัสสำรวจอย่างละเอียดให้กระจ่าง ทันใดนั้นในปากโพรงขนาดค่อนข้างใหญ่โพรงหนึ่งก็มีเสียงหึ่งดังขึ้น เงาสีขาวที่ว่องไวอย่างที่สุดร่างหนึ่งบินออกมาดังฟึบ พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงหน้าถอดสีในทันใด ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็หายไปจากที่เดิม
เงาสีขาวพุ่งวูบเดียวก็โถมเข้าใส่ความว่างเปล่าแล้วกระแทกบนกำแพงผาสักแห่งอีกด้านหนึ่งอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
หน้าผาสั่นไหวเล็กน้อยครู่หนึ่งราวกับถูกพลังมหาศาลสายหนึ่งโจมตี เกิดหลุมใหญ่ขึ้นมาหลุมหนึ่ง
เงาร่างของหลิ่วหมิงลอยออกห่างไปสิบกว่าจั้ง หางตากระตุกเล็กน้อยอยู่ชั่วครู่
แรงปะทะที่น่าตะลึงเช่นนี้ แม้กายเนื้อของเขาจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่หากหลบไม่ทันเวลา โดนเข้าไปก็คงเจ็บหนักแน่นอน
พร้อมกับที่เศษหินบนหน้าผาร่วงกราว ร่างกายสีขาวแวววาวขนาดครึ่งตัวคนร่างหนึ่งก็เผยออกมา
หลิ่วหมิงหรี่ตาลง
เห็นชัดว่าสิ่งนี้คือปีศาจแมลงที่รูปร่างภายนอกคล้างยุงอย่างมากตัวหนึ่ง รอบร่างไอหมอกสีขาวเวียนวน มองเห็นอยู่เลือนรางว่าทั้งร่างของมันเป็นสีขาวแวววาว ตรงปากของมันมีหนามแหลมน่ากลัวยาวราวสองฉื่อแท่งหนึ่งแลดูประหนึ่งเข็มเรียวที่คมกริบอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้านทั้งที่ไร้ลมหนาว
“ยุงน้ำแข็งลึกลับ!”
รูม่านตาของหลิ่วหมิงหดเล็กลง ตอนสนทนาเรื่อยเปื่อยกับอินจิ่วหลิง เขาเคยได้ยินอีกฝ่ายเล่าตำนานเกี่ยวกับปีศาจแมลงชนิดนี้ นี่คือปีศาจแมลงธาตุน้ำแข็งที่สาบสูญไปจากแผ่นดินจงเทียนแล้วชนิดหนึ่ง ปัจจุบันเกรงว่าคงจะพบได้แต่บนแผ่นดินหมานฮวงเท่านั้น
เล่ากันว่าแม้ร่างกายของแมลงชนิดนี้ไม่ใหญ่โต แต่ร่างกายมีพละกำลังมหาศาลอีกทั้งความเร็วน่าตะลึง เชี่ยวชาญการพ่นลมหายใจให้กลายเป็นน้ำแข็ง อีกทั้งพลังไม่ต่ำเตี้ย โดยทั่วไปหลังจากโตเต็มวัยพลังจะอยู่ราวระดับผลึก ส่วนน้อยที่บางส่วนอาจบรรลุถึงระดับแก่นแท้ เป็นหนึ่งในปีศาจแมลงที่รับมือยากที่สุดชนิดหนึ่ง
ดูจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเจ้าตัวนี้ตรงหน้า เห็นชัดว่าเป็นระดับผลึกขั้นกลางแล้ว
สิ่งที่ทำให้คนปวดหัวที่สุดก็คือยุงน้ำแข็งลึกลับนี้มีนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงอีกด้วย!
หึ่ง หึ่ง หึ่ง!
ทันใดนั้นในโพรงบนหน้าผาซึ่งดูคล้ายรังผึ้งเบื้องล่างก็มีเสียงปีกกระพือดังขึ้นเป็นระลอก จากนั้นลำแสงสีขาวสายแล้วสายเล่าก็ทยอยพุ่งเร็วรี่ออกมาจากในโพรงเหล่านี้ กลางลำแสงแต่ละสายก็คือยุงน้ำแข็งลึกลับตัวหนึ่ง มีมากมายถึงสิบเจ็บสิบแปดตัว!
ในกลุ่มนั้นมียุงน้ำแข็งลึกลับสองตัวสูงกว่าตัวคน ปราณที่แผ่ออกมาแข็งแกร่งกว่าตัวก่อนหน้านี้ไม่น้อย เห็นชัดว่าเป็นยุงน้ำแข็งลึกลับระดับแก่นแท้!
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาเสียพลังเวทจากการไล่ล่าสังหารของปีศาจค้างคาวก่อนหน้านี้ไปไม่น้อย เวลานี้ไม่ใช่จังหวะดีที่จะประมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งอีก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหากต่อสู้นานสักหน่อย เกรงว่าอาจจะล่อปีศาจอสูรที่แข็งแกร่งตัวอื่นบริเวณใกล้เคียงมา นั่นจะยิ่งไม่อาจจัดการได้
เขาคิดมาถึงตรงนี้ ปีกสองข้างก็ขยับกลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าจากไปทันที
ทว่าเสียงหึ่งตามติดมาดั่งเงาตามตัว
หลิ่วหมิงยังไม่ทันหันหลังกลับไปก็สีหน้าเคร่งเครียดแล้ว เมื่อเขาหันหลังกลับไปกวาดสายตาตามองครั้งหนึ่ง
เขาก็เห็นยุงน้ำแข็งลึกลับสิบกว่าตัวนั้นกระพือปีกเรียวเล็กไล่ตามมา พวกมันเร็วยิ่งกว่าค้างคาวกระหายเลือดก่อนหน้านี้ ไม่กี่ลมหายใจก็ย่นระยะห่างเข้ามาใกล้ไม่น้อย
“บัดซบ จะโชคร้ายเกินไปหน่อยแล้ว เพิ่งสลัดปีศาจค้างคาวพวกนั้นหลุด ดันโผล่เข้ามาอยู่ในฝูงปีศาจแมลงเหล่านี้ที่น่ากลัวกว่าเดิม ดูท่ายันต์แหวกมิตินั่นถึงจะยอดเยี่ยมแต่จะใช้ส่งเดชไม่ได้”
หลิ่วหมิงโอดครวญในใจประโยคหนึ่งแล้วพลิกมือเรียกขวดหยกสีขาวใบหนึ่งออกมา เขาเทโอสถสีขาวน้ำนมใสแวววาวเม็ดหนึ่งออกมาจากด้านใน บนนั้นมีลวดลายจิตวิญญาณจางๆ สามสายเห็นเด่นชัด สิ่งนี้ก็คือโอสถเก้าลี้ลับหวนคืนปราณระดับธรรมดาที่อินจิ่วหลิงมอบให้เมื่อตอนนั้น
หลังจากเขากลืนโอสถเม็ดนี้ลงไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นปราณเย็นสบายสายหนึ่งก็ไหลลงคอแล้วแผ่ขยายไปทั่วในทะเลจิตวิญญาณดั่งหิมะแรกละลายในฤดูใบไม้ผลิทันที พลังเวทที่เหือดแห้งไปบ้างในร่างจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมขึ้นมาไม่น้อยในทันใด
หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกแล้วกระพือปีกทั้งสองข้างบนแผ่นหลังอย่างแรง ความเร็วในการหนีเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งเพื่อฝืนรักษาระยะห่างกับยุงน้ำแข็งลึกลับ ไม่ให้ถูกย่นระยะเข้ามาใกล้อีก
ผลปรากฏว่าไม่ทันที่เขาจะโล่งอก หลังร่างฉับพลันก็มีเสียงแหวกอากาศดังฉึบ เข็มน้ำแข็งแวววาวผืนหนึ่งพาประกายเย็นเยียบสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วรี่เข้าใส่แผ่นหลังของเขา
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ปีกเนื้อบนแผ่นหลังกระพืออย่างแรง ทั้งร่างฉับพลันหมุนเปลี่ยนทิศ หลบพ้นเข็มน้ำแข็งเหล่านี้อย่างหวุดหวิด แล้วพุ่งไปยังยอดเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
เมื่อถูกยอดเขาขวางกั้น ยุงน้ำแข็งลึกลับด้านหลังก็ถูกถ่วงเวลาไปชั่วครู่ ทำให้หลิ่วหมิงได้โอกาสพักหายใจเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็วเขาก็พลิกมือเรียกธาราลวงวิญญาณออกมาแล้วเปิดยันต์ด้านบนกับจุกขวดออก พร้อมกันนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็ตบเบาๆ บนถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ
ปราณดำสายหนึ่งผุดออกมากลายร่างเป็นแมงป่องขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งยืนอยู่บนหัวไหล่ของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา