ศิษย์คนอื่นเห็นก็เลียนแบบการกระทำของเขา พวกเขาแยกย้ายไปรอบด้าน กระตุ้นวิชามารในร่าง ผนึกฝ่ามือมารใหญ่หนึ่งจั้งกว่าข้างแล้วข้างเล่าออกมาทำลายซากบ้านโคลนเตี้ยผุพังที่เหลืออยู่เหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
ชั่วขณะหนึ่งเสียงโครมครามดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณซากหมู่บ้าน
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ ซากหมู่บ้านทั้งหมดก็ถูกศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับเจ็ดแปดคนร่วมมือกันถอนรากถอนโคนจนกลายเป็นซากดินโคลนสมชื่อ บนตีนเขาอันโล่งเตียนเวลานี้นอกจากรูปสลักที่โดดเดี่ยวตรงกลางซากปรักหักพังก็ไม่มีสิ่งใดบดบังอีกต่อไป
“ยังไม่เจออีก! ตอนนี้เข้ามาในเศษซากโลกบนเจ็ดวันแล้วยังไม่ได้สิ่งใดมาเลย ไม่สู้พวกเราไปรวมตัวกับศิษย์พี่คนอื่น ตามหาสมบัติมารชิ้นอื่นเถิด” ศิษย์รูปร่างเตี้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยจุดดำคนหนึ่งในนั้นถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นมา
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ กระทั่งศิลามารก้อนเล็กๆ นี่ยังหาไม่พบ ยังเพ้อฝันว่าจะได้แตะต้องสมบัติมารอีกหรือ? พวกเราล้วนเป็นผู้ฝึกฝนวิชามาร ไม่ว่าศิลามารหรือสมบัติมารล้วนต้องอาศัยไอปีศาจของตนสัมผัสตำแหน่งของมัน หากค้นหาศิลามารที่นี่ไม่พบ เจ้าโง่อย่างเจ้ายิ่งอย่าได้เพ้อฝันถึงสมบัติมาร” แววตาของหลงเซวียนเย็นเยียบ ตำหนิเขาเสียงดัง
“หลงเซวียน เจ้าพูดอะไร? อย่าคิดว่ายามปกติอาจารย์เอ็นดูเจ้าเป็นพิเศษก็คิดว่าตนเป็นศิษย์พี่ระดับแก่นแท้จริงๆ!” ชายหนุ่มตัวเตี้ยได้ยินก็โกรธจัดทันที
“เหอะ ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าไม่พอใจยิ่งนักที่ข้าเป็นหัวหน้าของการมาครั้งนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะลองลงมือดูก็ได้ อย่างไรพวกเรานิกายปีศาจก็นับถือกันที่ความแข็งแกร่งมาตลอด!” หลงเซวียนตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ชายหนุ่มตัวเตี้ยได้ยิน รูม่านตาพลันหดเล็กลงทันที เขาจ้องหลงเซวียนเขม็งครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะเหี้ยมเกรียมเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าพูดไม่ผิด ข้าสงสัยฉายาอันดับหนึ่งระดับผลึกแห่งสายในของเจ้ามานานแล้วว่าจริงสมชื่อหรือไม่ ในเมื่อเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
สิ้นเสียง ชายหนุ่มร่างเตี้ยก็ตั้งท่าเคล็ดวิชาด้วยมือหนึ่ง ไอปีศาจสีดำทั่วร่างพลุ่งพล่านทะลักออกมาในทันใด
หลงเซวียนแค่นสียงหยันอย่างดูแคลนจากนั้นพลิกมือข้างหนึ่ง เพลิงมารสีเขียวดวงหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือ พร้อมกับที่ห้านิ้วของเขาขยับต่อเนื่อง เพลิงมารสีเขียวก็กลายเป็นอสรพิษประหลาดสีเขียวขนาดย่อส่วนตัวหนึ่ง
ศิษย์สามคนที่เหลือด้านข้างเห็นสถานการณ์ก็ไม่มีความคิดจะห้ามปรามแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับพากันถอยออกไปหลายก้าว ท่าทางแสดงชัดว่าหมายจะนั่งชมพยัคฆ์สู้กัน
หลังจากอสรพิษน้อยสีเขียวส่งเสียงดังฟ่อก็ขยายขนาดจนตัวหนาเท่าชามข้าวและยาวสองสามจั้ง
“วิชาวิญญาณมารชิงหยางหรือ? เป็นไปไม่ได้! วิชานี้หากไม่ใช่ศิษย์ระดับแก่นแท้ของนิกายเราน่าจะฝึกฝนไม่ได้สิ!” ชายหนุ่มร่างเตี้ยเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสีโพล่งออกมาทันที กระทือสองเท้าจากนั้นกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่งพุ่งพรวดถอยไปข้างหลังในทันใด
หลงเซวียนหัวเราะหยัน นิ้วหนึ่งจิ้มแผ่วเบาด้วยท่าทางสบายๆ เพลิงสีเขียวก็ลุกโชนบนร่างอสรพิษประหลาดสีเขียว จากนั้นมันก็โถมออกไปกลางอากาศด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
ชายหนุ่มร่างเตี้ยไม่กล้าฝืนรับการโจมตีนี้สักนิด เงาร่างของเขาขยับหลบไม่หยุด กลายเป็นสายลมสีดำสายหนึ่งพยายามหลบหลีกสุดชีวิต แต่อสรพิษประหลาดสีเขียวกลับไล่ตามติดไม่ลดละประหนึ่งสิ่งมีชีวิต
แต่ยามนี้ซากหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ว่างโล่งผืนหนึ่ง ไม่มีที่ให้หลบได้สักเท่าไร หลังจากชายหนุ่มร่างเตี้ยกลายเป็นเงาดำขยับหลบไม่กี่ครั้งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงรูปสลักหินรูปนั้นใจกลางซากปรักหักพัง
“หยุด ข้ายอมแพ้! ในเมื่อเจ้าฝึกฝนวิชามารชิงหยางแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องลงมือต่ออีก!” เสียงวิงวอนแผ่วเบาของชายหนุ่มร่างเตี้ยดังขึ้นด้านหลังรูปสลักหิน
“สายไปแล้ว!”
หลังหนึ่งประโยคอันเย็นชาของหลงเซวียน มือข้างหนึ่งของเขาก็เหยียดงอไปด้านหน้า อสรพิษประหลาดสีเขียวฉับพลันบิดร่างกลางอากาศพุ่งรวดเร็วเข้าไปตรงที่รูปสลักหินตั้งอยู่
“อ้าก!”
เสียงเปรี้ยงดังสนั่น รูปสลักหินทั้งชิ้นระเบิดกลายเป็นก้อนหินยักษ์เต็มฟ้ากระเด็นไปรอบด้าน เสียงกรีดร้องดังขึ้นครั้งหนึ่ง เงาดำที่ทั้งร่างถูกเปลวเพลิงสีเขียวลุกท่วมก็พุ่งพรวดออกมาชนเข้ากับภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งใกล้ๆ กลิ่นอายชีวิตที่แผ่ออกมาจากตัวเขามลายหายไปอย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าคงไม่รอดแล้ว
ขณะที่ศิษย์ที่ยืนดูเงียบๆ เป็นจั๊กจั่นฤดูหนาวอยู่นั้น ผลึกหินที่ทอแสงสีดำเรืองรองทั้งก้อนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่งก็ปลิวกระเด็นออกท่ามกลางเศษหิน คลื่นไอปีศาจบริสุทธิ์อย่างที่สุดสายหนึ่งแผ่ออกมา
“นี่มัน…ศิลามาร!” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับคนหนึ่งที่ชมการต่อสู้อยู่ด้านข้างตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้นทันที
หลงเซวียนก็เผยสีหน้ายินดีอย่างยิ่งออกมาด้วย แขนข้างหนึ่งขยับทันทีหมายจะคว้าศิลามารก้อนนี้ไป
เวลานี้เองเสียง “ฟึบ” ก็ดังขึ้นครั้งหนึ่ง แถบสีดำสายหนึ่งไม่รู้แหวกอากาศมาจากที่ใด พุ่งเข้ามาม้วนศิลามารสีดำทั้งก้อนจากไป
“รนหาที่ตาย”
“ฮ่าๆ ถึงคราวจะได้ก็ได้มาอย่างไม่เสียแรงจริงๆ!”
เสียงดังสนั่น!
หลงเซวียนต่อยหนึ่งหมัดออกไปอย่างโกรธจัด ทว่าหลังจากพลังมหาศาลพุ่งเข้าชน แถบสีดำนั่นกลับพร่าเลือนหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นคลื่นกระเพื่อมก็ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ เงาคนสามร่างลอยออกมาจากแถบสีดำในทันใด
“พวกเจ้าเป็นใคร? กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้านิกายเรา!” หลงเซวียนตวาดเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราดที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา