อ่านสรุป ตอนที่ 927 การต่อสู้อันชุลมุน จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 927 การต่อสู้อันชุลมุน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
“ไป”
จินเทียนชื่อตวาดครั้งหนึ่งแล้วสะบัดชายแขนเสื้อยาวขึ้นไปบนท้องฟ้า
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น แสงสีขาวมากมายถี่ยิบพุ่งรวดเร็วออกมาจากหมู่มวลดาราเบื้องหน้าจินเทียนชื่อแล้วก่อตัวเป็นลำแสงสีขาวหนาเท่าถังน้ำเส้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่ฝูงแมลงสีดำ
เสียง “ฟู่” “ฟู่” ดังลั่น!
แมลงมารสีดำที่ขวางอยู่เบื้องหน้าสัมผัสถูกลำแสงสีขาวเพียงนิดเดียวก็ถูกมันกำจัดจนไม่เห็นร่องรอยไปตลอดทาง
ผ่านไปเพียงหนึ่งถึงสองลมหายใจ ลำแสงก็ทะลวงเข้าไปในเมฆมารด้านหลังประหนึ่งผ่าท่อนไผ่ ทว่าหลังจากนั้นกลับไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวสักนิด คล้ายกับว่าลำแสงสีขาวถูกกลืนกินไป
ภาพนี้ทำให้หลงเหยียนเฟยรวมถึงพี่น้องโอวหยางอดไม่ได้มองหน้ากันเล็กน้อย
ส่วนศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับทั้งหลายที่รีบเร่งมาหยุดอยู่บนท้องฟ้าบริเวณใกล้ๆ เห็นเช่นนี้กลับเผยสีหน้ายินดี
ครู่ต่อมาภายในเมฆมารสีดำพลันมีเสียงระเบิดแผ่วเบา เสียงเริ่มจากเบาแล้วดังขึ้น จากช้าแล้วเร็ว อีกทั้งยังดังขึ้นทุกที มันค่อยๆ ดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ดั่งอสนีบาตส่งเสียงครืดคราดทำให้คนฟังอดขนหัวลุกไม่ได้
มนุษย์ปีศาจสีดำเจ็ดคนเห็นเช่นนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที ขณะที่พวกเขากำลังจะเคลื่อนไหวนั่นเอง แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นในเมฆดำอย่างกะทันหัน มันส่งเสียงดังชี่ๆ จากนั้นเส้นไหมสีขาวนับไม่ถ้วนก็พุ่งตัดกันออกมาจากในเมฆสีดำ
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นไปทั่วฟ้าดินครั้งหนึ่ง!
เมฆดำฉับพลันแหวกออก คลื่นปราณถาโถมออกมาจากด้านใน แมลงมารนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากข้างในจากนั้นกลายเป็นปราณสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าสลายไป
มนุษย์ปีศาจเจ็ดคนแค่นเสียงแผ่วเบาออกมาครั้งหนึ่งแล้วถอยไปด้านหลังหลายก้าวพร้อมกันโดยไม่ได้นัด
เห็นชัดว่าวิชาถูกทำลาย พวกเขาเจ็ดคนจึงได้รับความเสียหายเล็กน้อย
พี่น้องโอวหยางเห็นก็ดีใจอย่างยิ่ง โอวหยางเชี่ยนเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชาที่มือทันที ค่ายกลดาบดับแสงลงกลายเป็นดาบเล่มน้อยที่ทอแสงสีขาวขมุกขมัวเล่มหนึ่งลอยอยู่เบื้องหน้า
โอวหยางฉินก็หุบพัดพับสีม่วงอ่อนในมือเช่นเดียวกัน ร่างกายของนางขยับวูบเดียวมายืนเคียงข้างโอวหยางเชี่ยน
จินเทียนชื่อเพียงลงมืออย่างสบายๆ ครั้งเดียวก็โจมตีเมฆแมลงมารที่มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนควบคุมอยู่จนพังทลาย พลังลึกล้ำไม่อาจหยั่งของเขาย่อมทำให้หลงเหยียนเฟยกับพี่น้องโอวหยางฮึกเหิมขึ้นมา
“มีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ! ข้าจะเล่นกับพวกเจ้าให้สาแก่ใจสักหน่อยก่อนแล้วค่อยสังหารพวกเจ้าให้หมด!” มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าไม่โกรธแต่กลับยินดี เขาหัวเราะเสียงประหลาดแล้วเอ่ยเสียงดัง
“เหอะ! เอ่ยวาจาใหญ่โตน่าไม่อาย!”
“พวกเจ้าระวังตัวเพิ่มสักหน่อย ระวังการเคลื่อนไหวของศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับเหล่านั้น”
หลังจากจินเทียนชื่อส่งกระแสจิตหาพี่น้องโอวหยางอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่งแล้ว ร่างกายก็พุ่งวูบเดียวบินไปหามนุษย์ปีศาจสามคนด้านข้าง เมื่อสองแขนสะบัด แขนเสื้อกว้างสองข้างพองแล้วยุบรอบหนึ่ง แสงดาราสีขาวสองสายก็ม้วนตัวออกมาจากด้านใน พวกมันหมุนกลางท้องฟ้ารอบหนึ่งแล้วรวมตัวกลายเป็นเงาพญาวิหคสีขาวขนาดเท่าบ้านตัวหนึ่งแหวกท้องฟ้าเข้าไปหามนุษย์ปีศาจสามคนที่เหลือ
มนุษย์ปีศาจสามคนนั้นคำรามเสียงประหลาดพร้อมกัน ในขณะที่แขนหกข้างยื่นออกไปกลางอากาศอย่างพร้อมเพรียง เพลิงมารสีเขียวหม่นบนร่างทะลักออกมาจากสองแขนก่อตัวเป็นโครงกระดูกยักษ์หน้าตาดุร้ายตัวหนึ่งกลางอากาศ
โครงกระดูกนั่นมีเขาวัวมหึมาสองข้าง อวัยวะบนใบหน้าที่อยู่ข้างใต้เหมือนมนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน ดวงตาของมันทอแสงสีเลือด ปากพ่นไอหมอกสีเขียวหม่นออกมา แลดูดุร้ายน่าหวาดกลัวยิ่งนัก มันพุ่งเข้าใส่พญาวิหคสีขาวพร้อมกับเพลิงมารสีเขียวหม่นที่หุ้มอยู่รอบตัว
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นสองครั้ง!
โครงกระดูกนี้เหมือนอ่อนแอไม่ทานทนสักการโจมตี มันถูกพญาวิหคสีขาวพุ่งชนครั้งเดียวก็สลายกลายเป็นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าซึมเข้าไปในตัวของพญาวิหคสีขาว
ทันใดนั้นพญาวิหคสีขาวที่กำลังโถมต่อไปหามนุษย์ปีศาจก็กระพือปีกสองข้าง ฉับพลันเลี้ยวเปลี่ยนทิศกลางอากาศอย่างรวดเร็วพุ่งย้อนกลับมาทางจินเทียนชื่อ
“ปนเปื้อนร่างไร้ชีวิตที่เสกออกมาได้ ดูท่าคงไม่อาจใช้วิชาธรรมดาได้แล้ว”
หลังจากจินเทียนชื่อพึมพำหนึ่งประโยค สองมือก็ถูกันแผ่วเบา พญาวิหคสีขาวส่งเสียงทุ้มต่ำครั้งหนึ่งแล้วระเบิดตัวกลางอากาศ ไอปีศาจสีเขียวหม่นที่เดิมทีเกาะอยู่บนตัวมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและถูกกำจัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกัน
ร่างกายของเขาขยับวูบเดียวก็กลายเป็นเงาสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าใส่มนุษย์ปีศาจสามคนนั้น
มนุษย์ปีศาจทั้งสามคนเห็นเช่นนี้พลันคำรามคลุ้มคลั่ง ไอปีศาจสีเขียวหม่นรอบร่างพลุ่งพล่านออกมาก่อตัวเป็นกรงเล็บยักษ์สีดำขมุกขมัวขนาดเท่าตึกข้างหนึ่งแล้วตะปบจินเทียนชื่อที่โถมเข้ามาไว้ด้านในดุจสายฟ้าแลบพร้อมเสียงดังกึกก้อง
“ฮ่าๆ!”
เสียงหัวเราะหยันแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินดังออกมา กรงเล็บมารขยายหดไม่หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งก็มีแสงแวววาวสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมา สุดท้ายมันก็ระเบิดเสียงดังสนั่น
หลังจากไอปีศาจก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งบ้าคลั่งออกมา ด้านในกลับไม่มีเงาคนทั้งสิ้น มีเพียงยันต์แวววาวหม่นแสงไร้ประกายแผ่นหนึ่งลอยร่วงลงมาช้าๆ
มนุษย์ปีศาจคนอื่นเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง ด้านหลังมนุษย์ปีศาจคนหนึ่งในนั้นที่ลงมือเกิดคลื่นไหวกระเพื่อม ทันใดนั้นเงาคนร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา จินเทียนชื่อนั่นเอง
ทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ยกมือขึ้นดุจสายฟ้าฟาด แสงสีทองดวงหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากในแขนเสื้อของเขา มันคือลูกบอลกลมที่ทอแสงสีทองระยิบระยับลูกหนึ่งซึ่งบนผิวมีแสงอสนีบาตไหลวนเวียนอยู่ไม่หยุด
มนุษย์ปีศาจคนนี้ตกตะลึงอย่างยิ่ง เขารีบหมุนตัวแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้น ไอปีศาจสายหนึ่งก่อตัวเป็นม่านแสงสีเขียวหม่นชั้นหนึ่งเบื้องหน้าเขา พร้อมกันนั้นสองแขนก็ยกขึ้นไขว้หน้าลำตัว
ไอหมอกรวมตัวกันกลางอากาศอย่างเร็วไว พริบตาเดียวกลายเป็นตาข่ายยักษ์สีเขียวหม่นขนาดหนึ่งหมู่ผืนหนึ่งครอบพื้นที่ทั้งหมดเบื้องล่างประหนึ่งบังท้องฟ้าปิดผืนดิน
จินเทียนชื่อเห็นก็ชี้ตาข่ายยักษ์กลางอากาศด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แสงดาราสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขากลายเป็นเงาวิหคสีขาวพุ่งเร็วรี่ต่อกันออกมาเป็นสาย
หลังจากเสียง “ฟู่” ดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง เงาสีขาวก็ระเบิดรุนแรงบนตาข่ายมารสีเขียวหม่น จนมันถูกยกลอยไม่อาจร่วงลงมาได้ชั่วขณะ
ในเวลานี้เอง อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงร้องตกใจของโอวหยางเชี่ยนกับเสียงแค่นหยันของหลงเหยียนเฟยดังขึ้น
“แย่แล้ว!”
“เหอะ”
ระหว่างที่หลงเหยียนเฟยกับหลงเซวียนต่อสู้กัน ครั้งหนึ่งนางไม่ทันระวัง หัวไหล่ซ้ายจึงถูกขอบของลูกบอลเพลิงสีเขียวลูกหนึ่งของเขาถากไปเล็กน้อย ผลปรากฏว่าดวงหน้างามสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด นางรู้สึกว่าหัวไหล่ซ้ายถูกสิ่งของเย็นยะเยือกบางอย่างหุ้มไว้ ความเจ็บปวดแล่นปราดถึงหัวใจ นางฝืนกระตุ้นแสงกระบี่ปัดลูกบอลเพลิงอีกลูกหนึ่งทิ้ง หลังจากนั้นร่างกายก็พุ่งถอยออกไปหาสองพี่น้องโอวหยางดุจลูกธนู
ขณะที่ดวงตาของหลงเซวียนฉายประกายเหี้ยมเกรียม คิดจะไล่ตามไปหาหลงเหยียนเฟยนั่นเอง ทันใดนั้นเขาก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร่างกายเลือนหายไปจากที่เดิม
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสองครั้ง บุปผาจิตวิญญาณสีม่วงดอกหนึ่งพุ่งผ่านอากาศตรงที่หลงเซวียนเคยอยู่
โอวหยางฉินนั่นเองที่ใช้วิชาขวางเอาไว้อย่างเงียบๆ
เวลานี้ปราณดำสายแล้วสายเล่าหมุนติ้วอยู่ด้านหลังห่างไปสามสิบจั้งแล้วก่อตัวกลายเป็นหลงเซวียนอีกครั้ง สายตาเขากวาดกลับไปบนร่างพี่น้องโอวหยาง ใบหน้าที่เดิมทีอัปลักษณ์ยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นอีก จากนั้นเขาก็เอ่ยเสียงถมึงทึง
“ก็ดี พวกเจ้าผู้หญิงต่ำช้า แค้นเก่าแค้นใหม่จัดการรวบยอดเสียเลย!”
เพิ่งสิ้นเสียงลวดลายประหลาดสีเขียวเส้นแล้วเส้นเล่าก็ปรากฏบนใบหน้าของหลงเซียน เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง บนร่างพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโหมรุนแรง
ร่างกายของเขาขยายขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียวนี้ บนแผ่นหลังมีเงาของยักษ์สีเขียวสูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งปรากฏออกมา ปราณที่แผ่ออกมาพริบตาเดียวพุ่งไปถึงระดับแก่นแท้ขั้นต้น
หลังจากหลงเซวียนแปลงร่าง เขาก็แหงนหน้ากู่ร้องเหี้ยมเกรียมแล้วพาทั้งตัวเองและเงาด้านหลังแปลงเป็นเพลิงสีเขียวลูกยักษ์พุ่งเข้าใส่สองพี่น้องโอวหยาง
ภาพนี้ทำให้สองพี่น้องโอวหยางล้วนหน้าถอดสี พวกนางรีบกระตุ้นดาบบินกับพัดพับ มังกรสีขาวยาวยี่สิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกับบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงขนาดสิบกว่าจั้งเจ็ดแปดดอกพุ่งประจันหน้าเข้าไป
ผลปรากฏว่าเมื่อผิวด้านนอกของเพลิงสีเขียวทอแสงสีเขียววูบหนึ่ง กระบี่อัคคีสีเขียวเล่มหนึ่งกับดาบยักษ์สีเขียวเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านใน แยกย้ายกันฟันเข้าใส่มังกรขาวกับบุปผาจิตวิญญาณสีม่วง
ชั่วขณะหนึ่งแสงดาบกับเงากระบี่ สายลมสีม่วงกับรัศมีสีเขียวก็ปะทะกันกลางอากาศไม่หยุด เสียงระเบิดเลือนลั่นดังขึ้นต่อเนื่องไม่ขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา