มนุษย์ปีศาจตวาดลั่นจากนั้นแขนก็หนาขึ้นหนึ่งเท่ากว่าในทันใด ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนผิวทั่วร่างกับบนแส้ยาวในมือส่องสว่างขึ้นพร้อมกันก่อนจะสะบัดแส้ไปบนท้องฟ้า
แสงแส้สีม่วงยาวร้อยกว่าจั้งพุ่งประจันหน้าเข้ามาหา
“เปรี้ยงๆ”
แสงสีม่วงกับแสงสีแดงปะทะกันกลางท้องฟ้าต่อเนื่องหลายครั้ง รัศมีสีแดงกับสีม่วงสายแล้วสายเล่าแทรกสลับกันส่องสว่างไปรอบด้าน ยอดเขาที่เดิมทีแหว่งโหว่ไม่ครบลูกอยู่แล้วสองฟากฝั่งของหุบเขาเกิดรูขนาดหนึ่งจั้งกว่ารูแล้วรูเล่าออกมาชัดเจน
เสียง “ปัง” ดังกังวานครั้งหนึ่ง แสงดาบสีแดงฉานก็แยกจากหนึ่งเป็นสอง ถูกแสงแส้ผ่าแยกแล้วดีดออกมา
แสงดาบสีแดงฉานท่อนหนึ่งหมุนคว้างกลางอากาศแล้วพุ่งหายไป ก่อนที่ยอดเขาลูกหนึ่งไกลออกไปจะถูกปาดจนเรียบ
หลิ่วหมิงฉวยช่องว่างจังหวะนี้ล้วงยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งออกมาตบลงบนหัวไหล่อย่างเร็วไว เพลิงปราณสีขาวเส้นหนึ่งแทรกเข้าไปในปากแผลของเขา บาดแผลจึงเริ่มสมานกลับคืนดังเดิมอย่างเชื่องช้า จากนั้นเขาก็ขยับร่างอีกครั้งกลายเป็นเงาคนสี่ร่างพุ่งรวดเร็วไปหามนุษย์ปีศาจ ในมือมีแสงสีดำหลายสายทอแสงอยู่เลือนราง
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้จึงสะบัดแขนอีกครั้งอย่างไม่ลังเลสักนิด เงาแส้สีม่วงเส้นหนึ่งปรากฏออกมาเบื้องหน้าร่างอีกหนแล้วกลายเป็นแสงสีม่วงผืนใหญ่โถมเข้าไปดุจสายลมโหมสายฝนกระหน่ำ ล้อมเงาดำสี่ร่างที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นไว้ด้านในทั้งหมด
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นสามครั้ง ทันทีที่เงาดำสามร่างในนั้นสัมผัสถูกเงาแส้สีม่วงก็ทยอยพังทลายลง
ขณะที่เงาดำร่างสุดท้ายกำลังจะถูกโจมตีเข้านั่นเอง เงาคนที่ถูกแสงดาวสีขาวหุ้มไว้ร่างหนึ่งก็พุ่งมาปรากฏตัวด้านข้างแล้วเหวี่ยงแขนขึ้นฟ้าสุดแรง แสงดาราสีขาวสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกไปยกเงาแส้สีม่วงที่ร่วงลงมาเอาไว้
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แส้มารหวดลงมาครั้งเดียวแสงดาวสีขาวก็พังทลาย ร่างของจินเทียนชื่อโซเซวูบหนึ่งแล้วปลิวถอยออกไปด้านหลัง
ทว่าเวลาหนึ่งลมหายใจนี้กลับทำให้ร่างต้นของหลิ่วหมิงฉวยจังหวะบิดร่างครั้งหนึ่งไปปรากฏตัวเบื้องหน้ามนุษย์ปีศาจห่างไปไม่กี่จั้งได้ดุจเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แขนเสื้อใหญ่สะบัดครั้งหนึ่ง แสงสีดำสามสายก็พุ่งรวดเร็วออกไป
กลางแสงสีดำเห็นชัดว่าคือวงแหวนสีดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสามวง
วงแหวนสามวงโต้ลมขยายใหญ่ขึ้นพริบตาเดียวก็ขยายจนขนาดเท่าลูกโม่ ขณะที่พวกมันลอยอยู่กลางอากาศก็สั่นไหวแผ่วเบาและส่งเสียงครวญครางแผ่วเบาออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกมันก็คือวงแหวนสะกดมารที่มีคุณสมบัติพิเศษต่อมนุษย์ปีศาจซึ่งหลิ่วหมิงได้มาจากศพปีศาจระดับดาราพยากรณ์ร่างนั้นกับผู้อาวุโสจินหมานเมื่อตอนนั้นนั่นเอง!
“วงแหวนสะกดมาร! แล้วยังมีตั้งสามวง เจ้ามีของชิ้นนี้ได้อย่างไร!”
เมื่อวงแหวนสีดำเหล่านี้ถูกเรียกออกมา มนุษย์ปีศาจก็หน้าถอดสีเป็นครั้งแรก แส้ยาวสีม่วงบิดม้วน ไอปีศาจสีเขียวหม่นทั่วร่างพลุ่งพล่าน ร่างกายขยับวูบเดียว เขาก็ปรากฏตัวห่างออกไปร้อยกว่าจั้ง ลูกตาจับจ้องวงแหวนสีดำเขม็งไม่ละสายตาด้วยแววตาหวาดกลัวที่เผยชัดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิ่วหมิงไม่สนใจมนุษย์ปีศาจคนนี้สักนิด สองมือขยับพร่าเลือนวาดครึ่งวงกลมหลายวงออกมาอย่างต่อเนื่องในทันใด
วงแหวนสีดำสั่นไหวแผ่วเบากลางอากาศจากนั้นก็แน่นิ่ง หลิ่วหมิงสายตาเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด
“ฮ่ะๆ ไม่รู้ว่าเจ้าได้ของเหล่านี้มาจากที่ใด แต่คงจะใช้ไม่เป็นสินะ ไม่สู้ยกให้ข้า ข้าจะยอมยกเว้นปล่อยพวกเจ้าจากไป!” ครู่หนึ่งหลังจากนั้นมนุษย์ปีศาจก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ทว่าสายตายังคงกวาดมองระหว่างวงแหวนทั้งสามกับบนร่างหลิ่วหมิงไม่หยุด ราวกับว่าต้องการหยั่งเชิงใคร่ครวญความจริงลวง
หลิ่วหมิงยังคงวาดมือทั้งสองข้างเป็นครึ่งวงกลมอย่างนิ่งสงบ แต่ในใจหัวเราะฝืดเฝื่อน
ก่อนหน้านี้เขาเคยทดลองเลียนแบบวิธีของผู้อาวุโสจินหมานเมื่อตอนนั้นเชื่อมจิตกระตุ้นวงแหวนสะกดมารเหล่านี้ในแดนมายา ผลคือเชื่อมจิตได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด คิดไม่ถึงวันนี้ต้องการใช้สิ่งนี้ต่อสู้กับศัตรู ชั่วเวลาฉุกละหุกกลับควบคุมวงแหวนนี่ไม่ได้แม้แต่น้อย แล้วก็ไม่รู้ว่าวิธีที่ใช้เกิดผิดพลาดอะไรกันแน่
จินเทียนชื่อที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นภาพนี้ สีหน้าประหลาดที่สังเกตแทบจะไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยส่งกระแสจิตพูดกับหลิ่วหมิงอย่างเร็วไวหลายประโยค จากนั้นทั่วร่างก็พลันมีแสงดาราสีขาวฉายออกมาจนกลายเป็นรุ้งสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่เข้าไปหามนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์
มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เห็นเช่นนี้ก็จี้ดัชนีเข้าใส่แสงสีขาวอย่างต่อเนื่อง แสงสีเขียวหม่นส่องสว่างวูบวาบบนปลายนิ้วไม่หยุด ลำแสงสีเขียวหม่นหนาเท่านิ้วหัวแม่มือเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งเร็วรี่ออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน
แสงดาวสีขาวรอบร่างจินเทียนชื่อกะพริบวิบวับวาดเป็นเส้นโค้งงดงามเส้นหนึ่งบนท้องฟ้า ขยับไม่กี่ครั้งก็หลบลำแสงเหล่านี้ได้อย่างงดงาม
มนุษย์ปีศาจเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าเหี้ยมเกรียม นิ้วมือนิ้วหนึ่งงอลง ลำแสงสีเขียวหม่นเต็มฟ้าหมุนวนรอบหนึ่งแล้วล้อมจากสี่ด้านแปดทิศเข้าไปหาจินเทียนชื่ออีกครั้ง
ทว่าวิชาหลบหนีแสงดาวที่จินเทียนชื่อควบคุมอยู่มหัศจรรย์ยิ่งนัก เขาทะลวงแทรกระหว่างกลางลำแสงสายแล้วสายเล่าไปได้อย่างง่ายดายทว่าน่าหวาดเสียว
ตอนนี้เองหลังจากที่หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สิบนิ้วก็ขยับทำท่าเคล็ดวิชาหลายท่าในรวดเดียว
เพลิงปราณสีดำที่เหมือนมีแต่ก็เหมือนไม่มีสามสายดีดออกมาจมลงไปในวงแหวน จากนั้นวงแหวนสะกดมารสามวงก็สั่นแผ่วเบาอีกครั้ง และในที่สุดก็ครวญเสียงทุ้มต่ำออกมา
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น มนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่เดิมทีต่อสู้ดุเดือดอยู่กับจินเทียนชื่อก็ตกตะลึงในทันใด เขากางห้านิ้วออก ลำแสงสีเขียวหม่นเส้นแล้วเส้นเล่าเพิ่มความเร็วพุ่งพรวดออกมาล้อมรอบร่างจินเทียนชื่อทันที
เสียงบึ๊มดังสนั่น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา