ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 946

เสียง “วิ้ง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง

พริบตาที่ห้านิ้วของมือใหญ่กำลังจะพุ่งไปถึงเตาหลอมน้อย บนยอดแท่นบูชาพลันมีเสาแสงสีขาวแสบตาสายหนึ่งผุดออกมา มันดีดมือใหญ่ออกแล้วล้อมเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณเอาไว้ด้านใน

ในเวลาเดียวกันรอบแท่นบูชาก็มีเสาแสงขนาดเล็กสีแดง สีม่วง สีฟ้าสามสายโผล่ออกมาพร้อมกัน ร้องรับกับเสาแสงสีขาวจากไกลๆ

“มีชั้นจำกัด!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็สีหน้าเคร่งขรึมในทันที

ปรากฏว่าเขาชักช้าเพียงชั่วครู่ หนอนปรสิตประหลาดขนาดยักษ์ด้านหลังร่างกลับโจมตีพยัคฆ์หมอกทั้งสองตัวจนทลายแล้วพาสายลมชั่วร้ายสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่มาถึง ส่วนเงาสามร่างที่เหลือซึ่งเขาปล่อยออกมาเวลานี้ก็ถูกหนอนปรสิตประหลาดตัวอื่นรุมทำลายไปแล้ว

ทันใดนั้นร่างกายของหลิ่วหมิงก็หมุนกับพื้นเหมือนลูกข่าง สองแขนมีปราณดำชั้นแล้วชั้นเล่าเวียนวนก่อนจะหนาขึ้นอีกเท่าหนึ่งในทันใด หลังจากแขนเลือนรางหายไป เงาหมัดสีดำนับไม่ถ้วนก็พุ่งเร็วรี่ออกมาดั่งสายฝน โถมไปทั่วทุกสารทิศ

เสียงปังๆ หนักหน่วงดังต่อเนื่อง

หนอนปรสิตประหลาดที่โถมเข้ามาโจมตีทั้งหมดถูกกระแทกปลิวออกไป ตัวที่พลังอ่อนแอสักหน่อยร่างกายระเบิดตายทันที กระทั่งหนอนปรสิตประหลาดยักษ์ตัวนั้นก็ถูกพลังมหาศาลหลายสายซัดถอยหลังไปหลายจั้งอย่างห้ามไม่ได้ แต่บนตัวมันไม่มีร่องรอยความเสียหาย เห็นชัดว่าเงาหมัดเหล่านี้สร้างความเสียหายที่แท้จริงให้มันไม่ได้

ในดวงตาหลิ่วหมิงฉายแววประหลาดใจจางๆ หนอนปรสิตยักษ์ตัวนี้เห็นชัดว่าสืบทอดคุณลักษณะพิเศษหนังหยาบเนื้อหนามาจากอสูรยักษ์ พลังป้องกันนี่แทบจะเทียบเท่าผู้ฝกฝนเผ่าปีศาจทั่วไปแล้ว

แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตกใจ เขาฉวยจังหวะนี้สูดลมหายใจลึกแล้วพลิกฝ่ามือ กลางฝ่ามือมียันต์สีทองอ่อนแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้น บนยันต์คือภาพสัญลักษณ์ธนูแหลมคมสีทองดอกหนึ่งซึ่งแผ่คลื่นพลังเวทรุนแรงออกมา

หลิ่วหมิงขยำยันต์ทันที!

เสียงฟิ้วดังสนั่น ลูกธนูแสงสีทองแสบตาดอกหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ บนตัวมันมีอสรพิษอสนีบาตเล็กถี่ยิบวนล้อม เมื่อเสียง “ฟิ้ว” ดังขึ้นอีกครั้ง พวกมันก็พุ่งเร็วรี่ไปทางเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณในพริบตาประหนึ่งสายฟ้าฟาด

เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นแก้วหูแทบดับ!

แสงสีทองระเบิดออกมากลืนทั้งเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณรวมถึงเสาแสงสีขาวเข้าไปด้านใน

ยันต์อสนีบาตทองแผ่นนี้เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ยันต์ระดับแก่นแท้สร้างขึ้น ก่อนหน้าที่หลิ่วหมิงจะเข้ามายังเศษซากแห่งโลกบน เขาใช้หินจิตวิญญาณหลายล้านซื้อมาสามแผ่นจากตลาด พลังของแต่ละแผ่นอ่อนแอกว่ายันต์จันทราฟ้าร้องที่อินจิ่วหลิงเคยมอบให้เขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากหนึ่งลมหายใจผ่านไป แสงสีทองก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว เสาแสงสีขาวที่ล้อมเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณไว้แลดูหม่นหมองลงไปบ้าง แต่มันยังคงมั่นคงเหมือนปกติ กลับเป็นเสาแสงขนาดเล็กสามตนที่เหลือกะพริบรัวไม่หยุด

หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกาย ร่างกายเลือนรางวูบหนึ่งแล้วปรากฏตัวด้านข้างเสาแสงสีแดงหน้าแท่นบูชา เขาตวาดเบาๆ คำหนึ่งจากนั้นโจมตีหนึ่งหมัดออกมา

เงาหมัดหัวพยัคฆ์หลุดออกจากมือโจมตีตรงเข้าที่เสาแสงสีแดง

เสียงแครกดังขึ้นครั้งหนึ่ง เสาแสงสีแดงสั่นไหววูบหนึ่งแล้วแตกสลายพร้อมเสียงดังกึกก้อง เสาแสงสีขาวใจกลางแท่นบูชาคลอนแคลนอย่างที่สัมผัสได้ในทันทีแล้วหม่นแสงลงไปอีกมาก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ตะปบมือข้างหนึ่งเข้าใส่จุดที่แตกของเสาแสงสีแดงอย่างไม่ลังเลสักนิด

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง วงแหวนกลมสีแดงคล้ำวงหนึ่งบินออกมาจากฐานที่แตกของเสาแสง แสงจิตวิญญาณกะพริบวูบวาบเล็กน้อย

“ที่แท้ก็คือ ‘ค่ายกลไหมครามจตุรทิศ’ แล้วยังมีอาวุธจิตวิญญาณปกป้องฐานอยู่ด้วย โชคดีที่ผ่านมานานปีปานนี้ พลังจึงเหลือไม่ถึงหนึ่งหรือสองส่วนจากสิบส่วนยามพลังสูงสุด มิเช่นนั้นจะกำจัดค่ายกลนี้คงต้องเปลืองแรงเพิ่มอีกไม่น้อย” หลิ่วหมิงแววตาเป็นประกาย เหล่มองตรงที่ว่างฝั่งขวาของแท่นบูชาแวบหนึ่ง เขาเก็บวงแหวนกลมสีแดงมา จากนั้นร่างกายก็ขยับหมายจะทำลายดวงตาค่ายกลอีกสองตำแหน่ง

ทว่าครู่ต่อมาสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที ร่างกายเลือนหายวูบเดียวถอยพรวดไปด้านหลังในทันใด

เปรี้ยง!

พื้นดินใต้เท้าตรงตำแหน่งที่เขายืนอยู่เดิมระเบิดพร้อมเสียงดังกึกก้อง หัวดุร้ายใหญ่เท่าลูกโม่หัวหนึ่งพุ่งออกมาดั่งสายฟ้าแลบ ปากใหญ่โตขย้ำถูกความว่างเปล่า แต่ทันใดนั้นหัวก็สะบัด ปากพ่นของเหลวสีดำเหลือบม่วงสายหนึ่งมาถึงหน้าหลิ่วหมิงดั่งสายฟ้าแลบ กลิ่นกรดชวนให้คนอาเจียนสายหนึ่งกำจายออกมาจากของเหลวนั่น

หนอนปรสิตประหลาดขนาดยักษ์ตัวนั้นนั่นเอง!

แววตาของหลิ่วหมิงเย็นเยียบ เวลานี้จะหลบก็สายไปอยู่บ้างแล้ว เขาแค่นเสียงหยันแผ่วเบาคำหนึ่ง ปราณสีดำบนร่างพลุ่งพล่านออกมาเกิดเป็นกำแพงรูปทรงกลมผืนหนึ่ง ในเวลาเดียวกันหัวหมาป่าบนหัวไหล่ซ้ายขวาก็อ้าปากพ่นแสงสีดำสองสายออกมาก่อตัวเป็นเกราะป้องกันรูปเปลือกหอยพัดสองแผ่นปกป้องทั้งร่างของเขาไว้ด้านใน

เสียง “ฟู่” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!

ทันทีที่กำแพงทรงกลมซึ่งสร้างจากปราณดำสัมผัสถูกของเหลวก็ถูกกัดกร่อนทะลุเป็นรู จากนั้นของเหลวก็ปะทะกับเกราะป้องกันรูปเปลือกหอยพัด

เสียงชี่ดังก้อง!

แสงสีดำบนผิวเกราะรูปเปลือกหอยพัดกะพริบติดกันหลายครั้งจากนั้นก็ปริแตกดัง “เปรี้ยง” ตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ขวางของเหลวสีดำเหลือบม่วงเอาไว้ได้ไม่ให้มันเปื้อนบนร่างของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงฉวยโอกาสนี้ขยับร่างกายอีกครั้ง เหาะถอยไปเกินสิบกว่าจั้งในเฮือกเดียว

หนอนปรสิตประหลาดร่างยักษ์เห็นเช่นนี้ก็ชูคอขึ้นแล้วส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำเกรี้ยวกราดออกมา หนอนปรสิตประหลาดที่รวมตัวอยู่รอบด้านได้ยินเสียงนี้ก็กรีดร้องจากนั้นโถมเข้าใส่หลิ่วหมิงดั่งคลื่นคลั่งทันที

“หนอนปรสิตยักษ์ตัวนี้เริ่มมีสติปัญญาแล้ว มันบงการหนอนปรสิตตัวอื่นได้ด้วย น่าสนใจ…”

หลิ่วหมิงเผชิญหน้ากับทะเลหนอนที่โถมเข้ามาแต่ใบหน้ากลับไม่เผยสีหน้าหวาดกลัว เขาพึมพำกับตนเองประโยคหนึ่ง จากนั้นสองมือก็ยิงเคล็ดหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง ปราณดำรอบร่างทะลักออกมาล้อมเขาไว้ตรงกลาง ซัดสาดออกไปก่อตัวเป็นมังกรหมอกสีดำสนิทห้าตัว จากนั้นพยัคฆ์หมอกห้าตัวก็กระโจนตามออกมาติดๆ

เสียงมังกรคำรามชัดกังวานดังขึ้น มังกรหมอกห้าตัวพุ่งนำหน้าแยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บ ร่างกายขนาดมโหฬารพุ่งเข้าไปในทะเลหนอนพร้อมกันแล้วกระแทกหนอนประหลาดแถบใหญ่แถบแล้วแถบเล่าปลิวออกไปในทันที

จากนั้นพยัคฆ์หมอกห้าตัวก็พากันกระโจนเข้าไปในทะเลหนอน พวกมันคำรามกัดขย้ำ ขวางทะเลหนอนไว้ที่นั่นจนพวกมันไม่อาจข้ามแนวป้องกันมาได้แม้แต่ก้าวเดียว

เปรี้ยง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา