ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 947

หลิ่วหมิงกระตุ้นลำแสงเต็มกำลัง ไม่นานเขาก็สลัดหนอนปรสิตประหลาดร่างยักษ์ทิ้งไว้ไกลเบื้องหลัง

ยามมาเส้นทางคดเคี้ยวแต่ยามเดินทางย้อนกลับไม่ลำบากเช่นนั้น เมื่อมีเชอฮ่วนกลบกลิ่นอาย หนอนปรสิตประหลาดทั่วไปก็หาหลิ่วหมิงไม่พบอย่างสิ้นเชิง ตลอดทางจึงไม่เกิดเรื่องสักนิด

ไม่นานเขาก็มองเห็นทางออกอยู่ไม่ไกลเบื้องหน้า

หลังจากเขากวาดสายตามองครั้งหนึ่ง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย

เวลานี้รูบนกำแพงเนื้อที่ถูกตนเองทำลายมีหนอนปรสิตประหลาดระลอกแล้วระลอกเล่ากำลังคืบคลานทะลักเข้าไปด้านในจนแทบจะอุดรูไปค่อนครึ่ง ในหมู่พวกมันมีตัวอ่อนและมีหนอนปรสิตประหลาดที่โตเต็มวัยแล้ว

หลิ่วหมิงลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาใช้เคล็ดวิชาหนึ่งออกมาโดยที่ความเร็วลำแสงไม่ลดลง ปราณดำรอบร่างทะลักออกมากลายเป็นมังกรสีดำตัวหนึ่งบินวนล้อมรอบร่างกายเขา

เขาคำรามเบาๆ ครั้งหนึ่งแล้วโจมตีหนึ่งหมัดเข้าใส่รูบนกำแพงเนื้อแต่ไกล

มังกรสีดำคำรามแล้วสะบัดร่างพุ่งเข้าใส่ทางออกทันที

ปังปังปัง!

เมื่อมังกรถลาเข้าชน หนอนปรสิตประหลาดที่อุดทางเข้าอยู่ย่อมไม่มีกำลังต่อต้านแม้แต่น้อย พวกมันปลิวออกไปพร้อมเสียงดังสนั่น โพรงทางออกสะอาดเกลี้ยงในทันใด

ฟึบ!

เงาดำพุ่งวูบเดียว หลิ่วหมิงก็เหาะออกจากรูบนกำแพงเนื้อดั่งสายฟ้าแลบ

แม้ในเขาวงกตจะมีเส้นทางมากมาย แต่สถานการณ์ที่เขาเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้วเขาย่อมไม่กลัวหลงทาง

แต่ชุดเกราะจักรกลที่หุ้มทั้งร่างเหลือพลังจิตวิญญาณไม่เท่าไรแล้ว โล่แสงทรงโค้งที่ปล่อยออกมาสองด้านก็หม่นหมองไร้แสง ไอหมอกสีม่วงรอบด้านกัดกร่อนมันจนโงนเงนใกล้หลุดร่วง

หลังผ่านไปเป็นเวลาครึ่งก้านธูปหลิ่วหมิงก็พุ่งออกมาจากในอุโมงค์กำแพงเนื้ออย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังจะเพิ่มความเร็ว เสียงแหวกอากาศก็ดังมาจากด้านหลัง ในใจเขาคิดอะไรขึ้นได้ ร่างกายจึงหยุดชะงักแล้วหันหลังมองกลับไป

แสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งเสียงดังหวีดหวิวมาดั่งดาวตก คนที่อยู่กลางแสงสีเงินเห็นหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็วแล้วหยุดอย่างฉับไว เขาคือหลัวเทียนเฉิงนั่นเอง

ในเวลานี้สีหน้าเขาดำทะมึน ชุดเกราะจักรกลบนร่างพังเสียหายจนจะทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว เสื้อผ้าด้านในตรงจุดที่เสียหายก็ถูกกัดกร่อนจนหายเกลี้ยงเผยให้เห็นผิวหนังแถบใหญ่ที่ถูกไอหมอกสีม่วงกัดกร่อนจนตกอยู่ในสภาพถูกกัดกร่อนแล้วฟื้นสภาพซ้ำไปมาไม่หยุด

“ศิษย์น้องหลัว หากจะออกไปข้ากับเจ้าต้องร่วมแรงกัน ต่อจากนี้เดินทางด้วยกันดีไหม?” หลิ่วหมิงเอ่ยปากขึ้นมา

จากการคาดการณ์ของเขา หากตอนนี้เหาะด้วยความเร็วไปตลอดทางใช้เวลาเพียงหนึ่งมื้ออาหารเท่านั้นก็จะไปถึงลำคอของอสูรยักษ์ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุการณ์ในพื้นที่ลึกลับซึ่งซ่อนสมบัติไว้แห่งนั้นหรือไม่ ตอนนี้ในอุโมงค์กำแพงเนื้อจึงพบหนอนประหลาดอุดขวางอยู่เป็นระยะ เมื่อเป็นเช่นนี้ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนย่อมหมดความหมาย

แม้เดิมทีหนอนประหลาดเหล่านี้รวมตัวกันจำนวนมากอีกเท่าใดก็ไม่ใช่ศัตรูของหลิ่วหมิง แต่หากสองคนร่วมแรงกันย่อมประหยัดพลังเวทได้มาก

“ร่วมทางกับเจ้าน่ะหรือ!”

หลัวเทียนเฉิงได้ยินก็แค่นเสียงหยันแต่ไม่มีท่าทีจะคัดค้าน

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มน้อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัด ทันใดนั้นร่างกายที่หุ้มด้วยปราณสีดำก็แหวกอากาศไปเบื้องหน้าต่อ

ดวงตาหลัวเทียนเฉิงมีประกายบางอย่างปรากฏขึ้นแต่ก็ยังตามไปติดๆ

ครู่หนึ่งหลังจากนั้นในอุโมงค์เนื้อตรงลำคอของอสูรยักษ์ก็มีแสงสีดำสายหนึ่งกับสีเงินสายหนึ่งเหาะออกมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อแสงดับหายไปก็เผยร่างของหลิ่วหมิงกับหลัวเทียนเฉิงออกมา

พื้นที่กว้างขวางใหญ่หนึ่งหมู่เบื้องหน้าก็คือช่องปากของอสูรยักษ์ รอบด้านมีกำแพงเนื้อสีชมพูขยับไหวไม่หยุด เบื้องหน้าเป็นรูปครึ่งวงกลมมีฟันแหลมคมสีขาวโพลนขนาดยักษ์สองแถวบนกับล่างสบสลับกัน แต่ละซี่ยาวสิบจั้งทำให้คนสั่นสะท้านทั้งที่ไม่หนาว

ยามนี้สีหน้าของทั้งสองคนไม่ดีนัก ชุดเกราะจักรกลบนร่างหลิ่วหมิงยังเปล่งแสงสีดำแผ่วจางออกมาอย่างทุลักทุเล แต่เพราะไอหมอกสีม่วงกัดกร่อนไม่หยุด มันจึงเหมือนจะพังทลายได้ตลอดเวลา ส่วนชุดเกราะจักรกลของหลัวเทียนเฉิงหายไปนานแล้ว

ทว่าเมื่อมาถึงตรงนี้หมอกสีม่วงเบาบางลงมาก อาศัยร่างจิตวิญญาณตูเทียนของหลัวเทียนเฉิง เขาจึงเมินเฉยต่อการกัดกร่อนของหมอกสีม่วงได้อย่างสิ้นเชิง

หลิ่วหมิงกวาดสายตามองรอบด้านแล้วพบว่าฟันแหลมคมด้านบนและด้านล่างของอสูรยักษ์ตัวนี้สบกันพอดีไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อย และมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ้าปากแม้แต่น้อยด้วย

“ดูท่าอยากจะให้อสูรยักษ์ตัวนี้อ้าปากจะไม่ใช่เรื่องง่าย” หลิ่วหมิงเอ่ยเรียบๆ

“เหอะ เรื่องนี้ยากตรงไหน อาละวาดถล่มที่แห่งนี้เสียยังจะกลัวมันไม่อ้าปากอีกหรือ” หลัวเทียนเฉินเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

สิ้นเสียง แสงสีเงินบนร่างเขาก็สว่างจ้าก่อนจะพุ่งเร็วรี่ไปด้านหน้า

แสงสีเงินกะพริบวูบหนึ่ง หลัวเทียนเฉิงหยุดห่างจากฟันแหลมคมของอสูรยักษ์สิบกว่าจั้ง เขาตวาดแผ่วเบาครั้งหนึ่ง มังกรหมอกสีเงินห้าตัวกับพยัคฆ์หมอกสีเงินห้าตัวพลันกระโจนออกมาจากแสงสีเงินรอบตัวแล้วเหาะวนรอบร่าง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้แม้จะขมวดคิ้ว แต่สองแขนก็ยื่นไปข้างหน้าพร้อมกัน ปราณสีดำบนร่างพลุ่งพล่านออกมา ท่ามกลางเสียงร้องของมังกรกับเสียงคำรามของพยัคฆ์ มังกรห้าตัวกับพยัคฆ์ห้าตัวหน้าตาเหมือนกันก็ปรากฏออกมา เพียงแต่สีเป็นสีดำเท่านั้น

ครู่ต่อมาทั้งสองคนก็ส่งการโจมตีออกไปแทบจะพร้อมกัน

เคล็ดวิชาบนสองมือของหลัวเทียนเฉิงประหนึ่งกงล้อ มังกรสีเงินกับพยัคฆ์สีเงินพุ่งออกไปดั่งสายฟ้าแล้วชนเนื้อด้านบนและด้านล่างของฟันแหลมคมของอสูรยักษ์อย่างรุนแรงพร้อมกัน

ภายนอกร่างอสูรยักษ์ทนทานอย่างยิ่ง ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ยังยากจะทำให้ฉีกขาดได้แม้แต่น้อย แต่เนื้ออ่อนนุ่มด้านในปากของมันเหล่านี้เห็นชัดว่าไม่ได้ทนทานเช่นนั้น เวลานี้โจมตีครั้งเดียวเลือดเนื้อก็พากันปลิวว่อนถูกฉีกกระชากเป็นแผลมหึมาทันที

จากนั้นมังกรห้าตัวกับพยัคฆ์ห้าตัวของหลิ่วหมิงก็มาถึงพร้อมเสียงดังกึกก้อง โจมตีรุนแรงซ้ำลงบนแผลที่หลัวเทียนเฉิงฉีกกระชากไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา