“แย่แล้ว!”
หลานซือผู้อยู่นอกค่ายกลมองเห็นทุกสิ่งตรงหน้า ในดวงตานางทอประกายประหลาด ขณะที่ปากท่องมนตร์แผ่วเบาหลายประโยค ร่างกายก็พร่าเลือนวูบหนึ่งพาคลื่นสีฟ้าวงแล้ววงเล่าพุ่งเข้าไปในมหาค่ายกลวิญญาณพฤกษา ร่างกายผสานเข้าไปในค่ายกล
ร่างกายของหลิ่วหมิงลอยอยู่บนท้องฟ้า เขายังไม่ทันตั้งหลักได้ แสงสีเลือดก็สว่างขึ้นเบื้องหน้า ร่างกายของจี๋อิ่งโผล่ออกมา แสงสีแดงจากกรงเล็บแหลมคมทั้งห้าส่งเสียงหวีดแหลมออกมาทันที
ในเวลานี้เองกิ่งใบและเถาวัลย์นับไม่ถ้วนพลันโถมบ้าคลั่งมาจากสี่ด้านแปดทิศ เพียงชั่วครู่ก็ก่อตัวเป็นกำแพงเถาวัลย์ขวางอยู่ระหว่างจี๋อิ่งกับหลิ่วหมิง
ทันทีที่ประกายกรงเล็บสีเลือดพุ่งผ่าน กำแพงเถาวัลย์ที่แข็งแกร่งประหนึ่งเหล็กกล้าก็ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ เช่นเดียวกับเต้าหู้ เศษไม้ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า
ทว่าเพียงชั่วครู่ที่ชะงักนี้ร่างกายของหลิ่วหมิงก็ขยับหายวับหลายหนก่อนจะเร้นกายหายไปในมหาค่ายกลวิญญาณพฤกษาอีกครั้ง
“หลานซือ ข้าจะฉีกศพเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!” จี๋อิ่งคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แขนสองข้างขยับเล็กน้อย เงากรงเล็บสีเลือดผืนใหญ่แหวกอากาศดังฟึบๆ ครอบทับลงมาหน้าจุดที่หลิ่วหมิงซ่อนตัวอยู่
เสียงบึ๊มดังสนั่น!
ต้นไม้ใหญ่ลำต้นหนาหลายต้นทานทนเงากรงเล็บที่ตวัดใส่ได้เพียงหนึ่งลมหายใจก็พังทลายไปทั้งอย่างนั้น
ชั่วขณะหนึ่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดสอดผสานกับเสียงต้นไม้ปริแตก เงากรงเล็บสีเลือดข้างแล้วข้างเล่าร่วงลงบนต้นไม้ใหญ่รอบด้านอย่างหนักหน่วง แม้ต้นไม้เหล่านี้มีวิชาลับของหลานซือเสริมส่งจนแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ทว่าเมื่อจี๋อิ่งผู้อยู่ในสภาวะคลั่งทำลายอย่างเหิมเกริม ส่วนใหญ่ขวางเขาได้ไม่เกินสองสามครั้งก็ส่งเสียงดังสนั่นพังทลายท่ามกลางเงากรงเล็บมากมาย
ในเวลาเดียวกันหลิ่วหมิงเอนพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งห่างไปหลายสิบจั้ง เขาหลับตาทั้งสองข้าง หูกับจมูกมีเลือดไหล หน้าอกกับหัวไหล่ล้วนถูกจี๋อิ่งตะปบเป็นแผลขนาดมหึมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงหน้าอกนี้หากไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาเกราะอสูรขวางเอาไว้ก็คงถูกควักเป็นโพรงไปแล้ว แต่ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยประหนึ่งบนร่างไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“สหายหลิ่ว เจ้ายังไหวไหม?” บนกิ่งไม้หนาหนึ่งจั้งกว่ากิ่งหนึ่งด้านหน้าหลิ่วหมิง แสงสีฟ้าสว่างขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนที่ร่างกายของหลานซือจะโผล่ออกมา
หากไม่ใช่ว่าหน้าอกของหลิ่วหมิงยังขยับขึ้นลงน้อยๆ อยู่ไม่หยุด นางก็คงคิดว่าเขาเป็นคนตาย
หลิ่วหมิงลืมตาสองข้างขึ้นช้าๆ จากนั้นพลิกมือเรียกยันต์สีเขียวอ่อนแผ่นหนึ่งออกมาแปะไว้บนปากแผล จากนั้นเรียกขวดหยกใบหนึ่งออกมาอีกครั้งแล้วเทโอสถเม็ดหนึ่งออกมากลืนลงไป เลือดบนหัวไหล่กับหน้าอกจึงค่อยๆ หยุดไหล
“ไม่เป็นไร” หลิ่วหมิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี คิดไม่ถึงว่ากายเนื้อของพี่หลิ่วจะแข็งแกร่งกว่าที่ข้าเคยคิดเอาไว้ หากเป็นเช่นนี้ศึกนี้พวกเราก็มั่นใจได้เพิ่มอีกหนึ่งส่วน จี๋อิ่งใช้วิชาลับเพลิงโลหิตของเผ่าแล้ว แม้พลังเพิ่มขึ้นมากแต่คงอยู่ได้ไม่นานนัก ข้าจะพยายามยื้อเขาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ซื้อเวลาให้สหายหลิ่วฟื้นตัว ขอเพียงทนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ จี๋อิ่งตายแน่อย่างไม่ต้องสงสัย” หลานซือเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หลิ่วหมิงพยักหน้า เขาไม่พูดจาแต่โคจรวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬเงียบๆ ละลายโอสถที่กินลงไป
หลานซือเห็นเช่นนี้ มือข้างหนึ่งก็ตั้งท่าเคล็ดวิชา ขณะที่ปากท่องมนตร์ด้วยเสียงรื่นหู มือและเท้าที่เผยออกมาด้านนอกปรากฏลวดลายไม้สีฟ้าวงแล้ววงเล่า ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งแสงรัศมีสีม่วงอ่อนออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้ปราณปีศาจบนร่างของนางฉับพลันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ต้นไม้รอบด้านราวกับได้รับผลกระทบ กิ่งก้านและใบล้วนกลายเป็นสีฟ้าอ่อน หลังจากนั้นร่างกายของนางก็ขยับกลืนหายไปท่ามกลางหมู่พฤกษารอบด้าน หายไปจากตรงนี้อย่างไร้ร่องรอย
ด้านในมหาค่ายกลวิญญาณพฤกษาจี๋อิ่งมองเห็นต้นไม้ใหญ่รอบด้านกลายเป็นสีฟ้าอ่อนทั้งผืนอย่างกะทันหัน เริ่มแรกตะลึงเล็กน้อย แต่จากนั้นก็หัวเราะหยัน กรงเล็บทั้งสองเหวี่ยงส่งๆ ครั้งหนึ่งก็มีประกายกรงเล็บมากมายผืนหนึ่งซัดออกไป ต้นไม้ใหญ่กลุ่มหนึ่งรอบตัวโค่นลงตามทันที
ทว่าหลังจากนั้นบนต้นไม้ทุกต้นบริเวณใกล้ๆ กลับมีเถาวัลย์สีฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าโผล่ออกมา เริ่มแรกหนาไม่เกินข้อมือ แต่พริบตาพวกมันก็เติบโตจนหนาเท่าถังน้ำ อีกทั้งเส้นเถาวัลย์ยังบิดเลื้อยอย่างรวดเร็วและเริ่มผลิดอกออกผล เกิดเป็นน้ำเต้าที่ทอแสงสีฟ้าลูกแล้วลูกเล่าอยู่รอบตัวจี๋อิ่ง
“เหอะ เล่นลูกไม้!” จี๋อิ่งแววตาเคร่งขรึม แต่ปากกลับคำรามลั่น สองแขนยื่นออกมา กรงเล็บแหลมคมคู่หนึ่งเหวี่ยงออกมาจากสองฝั่งโดยฉับพลัน
แสงสีแดงรูปจันทร์เสี้ยวสิบสายปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าพุ่งดังหวีดหวิวออกไปสองฝั่ง ฟาดฟันน้ำเต้าสีฟ้าอ่อนเต็มท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นต่อเนื่อง!
น้ำเต้าสีฟ้าอ่อนเหล่านี้แตกกระจุยในหนึ่งการโจมตี
เพียงพริบตาปราณสีฟ้าอ่อนก็ท่วมทะลักออกมาจากน้ำเต้าที่ปริแตกเหล่านั้นจนเต็มฟ้า ไอเย็นยะเยือกท่วมท้นล้อมจี๋อิ่งไว้ด้านใน
น้ำแข็งแกร่งชั้นแล้วชั้นเล่าลามไปรอบตัวจี๋อิ่ง เพียงชั่วหนึ่งลมหายใจเข้าออกเขาก็กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งใสแวววาวชิ้นหนึ่งและมีปราณสีฟ้าวงแล้ววงเล่าล้อมวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ทำให้รูปสลักน้ำแข็งหนาและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เสียงฟึบดังขึ้นหลายครั้ง เถาวัลย์สิบกว่าเส้นหวดมาถึงรูปสลักน้ำแข็งหมายจะโจมตีมันให้แหลกในครั้งนี้
ทว่าในเวลานี้เอง รูปสลักน้ำแข็งก็ระเบิดตัวเองดัง “เปรี้ยง” เศษน้ำแข็งพุ่งกระจายทั่วท้องฟ้า แสงสีเลือดหนาเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา
หมาป่ายักษ์สีเลือดตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นท่ามกลางแสงสีเลือดอย่างกะทันหัน ชุดเกราะสีแดงหม่นที่สวมอยู่บนร่างของหมาป่าเปล่งแสงสีแดงแสบตาออกมาทั่วตัว หลังจากที่เถาวัลย์กับกิ่งไม้ทั้งหมดสัมผัสถูกมันเพียงนิดก็ทยอยถูกกระแทกสลายเป็นผุยผง
จี๋อิ่งเผยร่างปีศาจดั้งเดิมออกมาในห้วงวิกฤติครั้งนี้
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง
หมาป่ายักษ์เหวี่ยงกรงเล็บขาหน้า แสงกรงเล็บสีเลือดห้าสายซัดผ่านไป สะบั้นต้นไม้ยักษ์เจ็ดถึงแปดต้นตรงกลางลำต้นเป็นรอยตัดเรียบกริบ
“เหอะ! พวกเจ้าคิดว่าหลบอยู่ในมหาค่ายกลวิญญาณพฤกษาจะปลอดภัยหรือ ถ้าเช่นนั้นคอยดูข้าจะทำลายป่าผืนนี้ให้สิ้นซาก!” หมาป่ายักษ์สีเลือดคำรามคลุ้มคลั่ง
ชั่วอึดใจต่อมาเสียงหอนของหมาป่าพลันดังกังวาน เขี้ยวโค้งแหลมคมดั่งดาบคมกริบยื่นออกมาจากปากหมาป่ายักษ์ ร่างกายมันขยับวูบกลายเป็นรุ้งสีเลือดเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา
ฉึบๆ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา