วิ้ง!
เงากระดิ่งสั่นไหวส่งคลื่นเสียงสีดำก่อตัวเป็นกระสุนแสงสีดำลูกหนึ่งพุ่งจมเข้าไปในหัวของอสรพิษเพลิง
อสรพิษเพลิงร้องครวญครางราวกับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายใหญ่โตส่งเสียงดังบึ๊มแล้วสลายกลายเป็นเปลวเพลิงพุ่งกระจายไปทั่วท้องฟ้ารอบด้าน
เสิ่นว่านชิงพ่นเลือดสายหนึ่งออกมาจากปาก ลมปราณบนร่างร่วงหล่นพันจั้งในพริบตา
แสงสีแดงสว่างวูบหนึ่ง อสรพิษเพลิงกลืนวิญญาณก็ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ทว่าร่างกายกลับหดเล็กลงมีขนาดเท่าตอนเริ่มแรกและท่าทางเซื่องซึม
ธงอัคคีสีแดงฉานข้างตัวอสรพิษเพลิงก็หม่นแสงไร้ประกาย ดูแล้วพลังจิตวิญญาณคงเสียหายไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน ชั่วครู่ไม่อาจใช้ได้อีก
เสียงอสนีบาตดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
มือใหญ่สีดำข้างหนึ่งพลันยื่นออกมาดั่งสายฟ้าแลบ คว้าธงอัคคีสีแดงฉานไว้
อสรพิษเพลิงกลืนวิญญาณลนลานกลายเป็นแสงสีแดงสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าหนีไป มันพุ่งหายวับไม่กี่ครั้งก็กลับมาอยู่ข้างกายเสิ่นว่านชิง
“ฮ่าๆ ธงอัคคีผืนนี้เป็นอาวุธจิตวิญญาณประจำกายของเจ้าสินะ เจ้าผสานธงอัคคีเข้ากับอสรพิษเพลิงตัวนั้นถึงทำให้มันเปลี่ยนจากอสรพิษเป็นมังกร พลังเพิ่มขึ้น ทว่าน่าเสียดายยิ่งนัก พลังของเจ้าไม่พอ ประสานสองอย่างออกจะเต็มกลืนเกินไป!” ปีศาจหมีรอยแผลดาบหัวเราะลั่นอย่างได้ใจ แสงสีดำพวยพุ่งออกมาจากบนมือกลายเป็นมือใหญ่สีดำข้างหนึ่งกำธงอัคคีสีแดงฉานไว้แน่น พร้อมกันนั้นก็จี้ดัชนีหนึ่งออกมา
เปรี้ยง!
ค้อนยักษ์สีดำกลายเป็นเงาค้อนมหึมาอันหนึ่งกลางท้องฟ้าอีกครั้งก่อนจะร่วงลงมาที่ศีรษะของเสิ่นว่านชิงอีกหน
เสิ่นว่านชิงหน้าถอดสี ร่างกายสั่นสะท้านครั้งหนึ่งก็อ้าปากถ่มดอกบัวเพลิงขนาดเท่าชามข้าวดอกหนึ่งออกมาในทันใด
ดอกบัวเพลิงหมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเท่าอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นดอกบัวแดงยักษ์ขนาดหลายจั้งดอกหนึ่ง แสงสีแดงส่องสว่างต้านค้อนยักษ์สีดำเอาไว้ทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ธงอัคคีสีแดงฉานพลันมีเปลวเพลิงลุกโชนเกิดเป็นเงาดอกบัวดอกหนึ่งด้วย
ปีศาจหมีรอยแผลดาบเห็นเช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ปราณปีศาจสีดำบนร่างทะลักออกมา แต่ขณะที่กำลังจะลงมือทำบางสิ่งนั่นเอง ดวงตาของเสินว่านชิงพลันทอประกายเหี้ยมเกรียมชิงตะโกนลั่นออกมาก่อน “ระเบิด”
เงาดอกบัวที่ลอยออกมาจากธงอัคคีระเบิดดังเปรี้ยง ระเบิดมือใหญ่ที่ก่อตัวจากปราณสีดำรอบด้านเป็นชิ้นๆ
ไม่ทันให้ปีศาจหมีรอยแผลดาบตั้งตัว ธงอัคคีก็เลือนหายกลายเป็นเงาสีแดงสายหนึ่งบินกลับมาอยู่ในมือเสิ่นว่านชิงอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
ดอกบัวแดงยักษ์กลางท้องฟ้าระเบิดตามทันที มันระเบิดค้อนยักษ์สีดำกับกระดิ่งจนหมุนคว้างปลิวถอยกลับไปพร้อมกัน
“ไม่ต้องประลองแล้ว การประลองรอบนี้ข้ายอมแพ้!”
เสิ่นว่านชิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาพลันเปล่งประกายวูบหนึ่ง ก่อนที่เปลวเพลิงจะม้วนรอบร่างกลายเป็นดวงไฟลูกหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปหาผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์พร้อมกับที่เอ่ยเสียงดัง
ปีศาจหมีรอยแผลดาบถูกการระเบิดก่อนหน้านี้ทำเอาหน้าตาดำมอมแมมเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำนี้ดวงตาพลันฉายแววดุร้าย กลายเป็นแสงสีดำเส้นหนึ่งพุ่งเร็วไวไล่ตามทันที
ในตอนนี้เองแสงสีขาวพร่ามัวสายหนึ่งกลับพุ่งออกมาขวางหน้าปีศาจหมีรอยแผลดาบไว้แล้วหมุนไม่หยุด
ปัง! เมื่อปีศาจหมีรอยแผลดาบชนบนแสงสีขาวก็ถูกดีดปลิวออกไปทันที เขาถอยดังตึงสองก้าวติดกว่าจะตั้งร่างมั่นคงได้อย่างหวุดหวิด
เสิ่นว่านชิงฉวยโอกาสพุ่งกลับไปในหมู่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์พลางหอบหายใจแฮ่ก
“สหายทุกท่าน ครานี้พวกเราเพียงประลองวัดฝีมือ หลังจากนี้ยังต้องร่วมแรงร่วมใจทำลายชั้นจำกัดของซากโบราณ ไม่มีความจำเป็นต้องเอาชีวิตกันอีก สหายเสิ่นยอมแพ้แล้ว การประลองรอบนี้พวกเจ้าชนะ” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเอ่ยอย่างนิ่งสงบแล้วรั้งแขนกลับ แสงสีขาวที่ขวางผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจผู้มีรอยแผลดาบไว้พุ่งวูบเดียวถูกเขาเก็บกลับมาในแขนเสื้อ
“สยงอู่ เจ้าชนะแล้วก็อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย กลับมาซะ” บุรุษร่างกำยำผิวดำผู้เป็นหัวหน้าของเผ่าหมีเถื่อนที่อยู่ในกลุ่มของเผ่าปีศาจเห็นเช่นนี้ก็เอ่ยปากบ้าง
บุรุษรอยแผลดาบมองผู้ฝึกฝนชุดแดงอย่างเคียดแค้นพลางกวักมือเรียกลุกตุ้มกับกระดิ่งสีดำกลับมา จากนั้นเหาะกลับไปยังกลุ่มของตัวเอง
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเห็นเช่นนี้ก็ถอยกลับไปเช่นกัน
เวลานี้เสิ่นว่านชิงกำลังนั่งขัดสมาธิพลิกมือเรียกโอสถสีแดงเม็ดหนึ่งออกมากิน สีหน้าถึงดีขึ้นมาเล็กน้อย ข้างตัวเขาหญิงสาวชุดแดงอีกคนหนึ่งกำลังนั่งหลังตรงเอ่ยบางสิ่งกับเขาเสียงเบา ดูจากอาภรณ์ของนางเห็นชัดว่าเป็นศิษย์ตระกูลเสิ่นเช่นกัน
เผ่าปีศาจด้านนั้นหลังจากบุรุษจมูกอินทรีหารือกับบุรุษกำยำผิวดำหลายประโยค รอบกายเขาพลันเปล่งแสงสีดำ พาเงาติดตามสายหนึ่งมาปรากฏตัวบนสถานที่ประลองเมื่อครู่ ความเร็วน่าตะลึงอย่างที่สุด
“รอบต่อไป ข้าจะออกศึกเอง พวกเจ้าเผ่ามนุษย์คนไหนจะออกมา?” บุรุษจมูกอินทรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าค่อนข้างผ่อนคลาย สายตากวาดไปทางผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ทั้งหลาย
เผ่าปีศาจชนะรอบแรกไปแล้วนับว่าสร้างผลงานได้ตั้งแต่เริ่ม รอบที่สองยังส่งผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ตนหนึ่งมาอีก เห็นชัดว่าหมายจะชนะสองรอบติดทำลายขวัญกำลังใจของเผ่ามนุษย์ฝั่งนี้เพิ่มขึ้นอีกก้าว
เผ่ามนุษย์ปรึกษากันเสียงเบาพักหนึ่ง สายตาของคนส่วนใหญ่ลังเลอยู่ระหว่างหลิ่วหมิงกับผู้ฝึกฝนแซ่ซุน จากที่หารือกันมาก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้สองตนของเผ่าปีศาจจะให้พวกเขาสองคนรับมือ
“ปีศาจตนนี้ให้ข้าจัดการเองเถิด!” หลิ่วหมิงหันหน้าไปมองผู้ฝึกฝนแซ่ซุนแล้วเอ่ยปากบอกอย่างนิ่งสงบ
คำพูดนี้เอ่ยออกมา คนทั้งหมดพลันมีสีหน้าแตกต่างกันไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา