ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 983

หลังเหาะออกจากโลกใต้ดิน หลิ่วหมิงก็ยืนอยู่ตรงหน้าเสาศิลาสีน้ำเงินสองต้น เขาพลิกมือเรียกคัมภีร์หยกที่ชายหนุ่มแซ่หลี่ทิ้งเอาไว้ให้เมื่อตอนนั้นออกมาแนบกับหน้าผาก

ยามนั้นเขาไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่ยามนี้ชายหนุ่มแซ่หลี่กับศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับผู้นั้นสิ้นชีพไปแล้วทั้งคู่ อีกทั้งตนก็เสียเวลามากกว่าที่คิดไว้ไปกับการหลอมมุกบรรพตธารา แทนที่จะไปตามหาแล้วกลับไปรวมตัวกับคนของนิกายยอดบริสุทธิ์ ไม่สู้ไปค้นหาด้วยตนเองก่อนสักหน่อยดีกว่า

ในเมื่อตอนแรกชายหนุ่มแซ่หลี่คิดว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนสามคนสามารถเข้าไปในที่แห่งนี้ได้ คิดว่าสถานที่แห่งนี้ก็คงไม่อันตรายนัก ตอนนี้เขามีมุกบรรพตธาราอยู่ในมือแล้ว ขอเพียงระวังสักหน่อยก็น่าจะไม่มีปัญหาอันใด

หลังจากคิดเช่นนี้ หลิ่วหมิงก็แหวกท้องฟ้ามุ่งไปยังทิศทางที่คัมภีร์หยกบันทึกไว้

ห่างจากแดนน้ำแข็งขั้วโลกไปหลายหมื่นลี้คือป่าทึบขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

หากมองลงมาจากบนท้องฟ้า ป่าทึบทั้งผืนแลดูเหมือนสีเขียวเข้มหนาทึบแถบหนึ่ง แต่หากเข้าไปในป่าทึบกลับจะเห็นภาพอีกแบบ

ผืนป่าสีสันละลานตา เถาวัลย์สีเลือดเส้นแล้วเส้นเล่าเลื้อยพันบนลำต้นหนา บนกิ่งไม้แมลงน้อยสีทองขนาดเท่าเล็บมือตัวแล้วตัวเล่าคลานไต่ ผลไม้ขนาดเท่ากำปั้นผลแล้วผลเล่าห้อยอยู่บนกิ่งไม้ดุจดั่งโคมไฟ

ผลไม้เหล่านี้แผ่แสงจิตวิญญาณอ่อนโยนออกมาเลือนรางส่องป่าทึบทั้งผืนให้สว่างไสว

ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วผ่านท้องฟ้าเหนือป่าทึบ ด้านในลำแสงคือหลิ่วหมิงผู้สวมชุดสีน้ำเงินบนกระบี่บินสีม่วงเล่มหนึ่งที่กำลังชะเง้อมองรอบด้านด้วยสีหน้าระแวดระวัง

เขาออกจากซากโบราณสถานแล้วเดินทางมาถึงที่แห่งนี้จากตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้ในคัมภีร์หยกของชายหนุ่มแซ่หลี่ ผสมกับสิ่งที่บันทึกอยู่ในแผนที่ของนิกาย

จากที่เขาคาดการณ์ หากข้ามผ่านป่าทึบผืนนี้ไปก็น่าจะถึงที่หมายแล้ว

ส่วนสภาพด้านในป่าทึบ เขาส่งจิตสัมผัสออกไปสำรวจแต่ไกลแล้วรอบหนึ่ง แมลงจิตวิญญาณเหล่านั้นเป็นเพียงแมลงจิตวิญญาณระดับต่ำที่พบได้บ่อยมาก ผลไม้ที่ราวกับโคมไฟนั้นใช้มาทำอาหารระดับต่ำให้แก่อสูรเลี้ยงได้ แต่สำหรับเฟยเอ๋อร์และเซียเอ๋อร์ที่ระดับผลึกแล้วแทบจะไม่มีประโยชน์อันใด

แต่ความกว้างของป่าทึบผืนนี้ผิดจากที่หลิ่วหมิงคาดอยู่มาก เขาขี่กระบี่เหาะมาสองชั่วยามกว่าแล้ว แต่ยังมองไม่เห็นสุดปลายป่าทึบเสียที

ในเวลานี้เองอากาศเบื้องหน้าก็เกิดคลื่นสั่นสะเทือน ท้องนภาทั้งผืนฉับพลันสั่นไหว ปราณจิตวิญญาณอันมีเอกลักษณ์ลอยผ่านมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ มือก็ทำท่าเคล็ดวิชาทันที กระบี่ขู่หลุนใต้เท้าส่งเสียงกังวานใส มันสั่นไหววูบหนึ่งแล้วหยุดอยู่ที่เดิมกลางอากาศ

เขาปล่อยจิตสัมผัสกวาดออกไปเบื้องหน้า แล้วพบว่าตำแหน่งหนึ่งห่างไปร้อยกว่าลี้มีแผ่นดินจุดหนึ่งถล่มอยู่ ปราณจิตวิญญาณปริมาณมากทะลักออกมาด้านนอกไม่หยุด

หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็เก็บกระบี่ขู่หลุนใต้เท้าแล้วเหยียบเมฆดำก้อนหนึ่งเหาะไปยังใจกลางคลื่นสั่นสะเทือนของปราณจิตวิญญาณอย่างช้าๆ

ระยะทางไม่กี่ร้อยลี้สำหรับเขาแทบจะมาถึงได้ในพริบตา ยามนี้เขาจึงค้นพบว่าใจกลางแผ่นดินที่เห็นชัดว่าเพิ่งถล่มไปไม่นานมีต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้าเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบจั้งต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่

ส่วนรากของต้นไม้ยักษ์มีโพรงมหึมาอยู่โพรงหนึ่ง รอบด้านเห็นร่องรอยชั้นจำกัดที่ถูกคนทำลายอยู่รางๆ ดูแล้วคงมีคนมาถึงก่อน

ในสิบส่วนมีแปดเก้าส่วนที่สถานที่นี้น่าจะเป็นที่ตั้งซากโบราณสถานแห่งนั้นที่ผู้ฝึกฝนแซ่หลี่บอก เพียงแต่เหมือนจะมีคนมาถึงก่อนแล้วก้าวหนึ่ง แล้วยังถล่มพื้นดินบริเวณใกล้ๆ จากด้านในจรดด้านนอกก่อนจะหนีไปไกลอีกด้วย

ยามนี้แมลงน้อยสีทองเหล่านั้นบนพื้นกำลังเรียงแถวคลานเข้าไปในโพรงต้นไม้ราวกับว่ามีบางสิ่งด้านในกำลังดึงดูดพวกมัน

หลิ่วหมิงสีหน้าอึมครึม แต่ในเมื่อมาถึงที่แห่งนี้แล้วเขาย่อมไม่อยากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งเขาก็ร่อนลงไปยังส่วนฐานของต้นไม้ยักษ์ทันที

หลังจากเขามั่นใจแล้วว่ารอบด้านไม่มีสิ่งผิดปกติอย่างใดก็ขยับร่างหายเข้าไปในโพรงต้นไม้

ผลปรากฏว่าทันทีที่เข้าไปในโพรงไม้ก็พบว่าด้านในเป็นสถานที่ซึ่งแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในต้นไม้ยักษ์

ห้องโถงกว้างขวางอย่างยิ่ง มีโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของที่แกะสลักจากไม้อยู่ครบถ้วนด้านใน ด้านหลังห้องโถงใหญ่มีทางเดินเส้นหนึ่งวนขึ้นไปด้านบนกับทางเดินเส้นหนึ่งที่วนลงไปด้านล่าง

หลิ่วหมิงหรี่ตาเล็กน้อย เขาปล่อยจิตสัมผัสออกไปหมายจะสำรวจโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อจิตแผ่ไปตามทางเดินด้านบนและด้านล่างไกลสิบกว่าจั้ง มันก็ถูกชั้นจำกัดบางประเภทขวางไว้

เขาจนปัญญาจึงได้แต่เดินตามทางเดินขึ้นไปด้านบน

หลังจากสำรวจพักหนึ่งก็ปรากฏว่ามีห้องที่ซ่อนอยู่ในต้นไม้ยักษ์แบบเดียวกันอีกสิบกว่าห้องตามทางเดินที่วนขึ้นไปด้านบนเส้นนี้

ประตูของแต่ละห้องถูกทำลายอยู่ก่อนแล้ว ทว่าบนบานประตูล้วนมีชั้นจำกัดปิดกั้นขนาดเล็กอยู่ ไม่แปลกที่จิตสัมผัสไม่อาจแทรกเข้าไปด้านในได้

หลังจากหลิ่วหมิงใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง เขาก็กลับไปยังประตูห้องแรกแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไป

นี่เป็นห้องขนาดราวหนึ่งหมู่กว่าห้องหนึ่ง ด้านในมีห้องลับขนาดเล็กที่แยกออกไปหลายห้อง ไข่แมลงขนาดน้อยใหญ่กับอาหารกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น มองปราดเดียวก็รู้ว่าที่นี่เคยเป็นห้องลับที่ใช้เลี้ยงแมลงจิตวิญญาณ

ดูจากโครงสร้างแล้วที่นี่คงจะเคยเลี้ยงแมลงจิตวิญญาณมากมายหลายสิบชนิดเป็นอย่างน้อย ทว่ายามนี้เรียกได้ว่าระเนระนาดไปหมด ภายในห้องลับถูกปล้นไปจนเกลี้ยงก่อนแล้ว ทั่วทุกแห่งมีแต่ถุงแมลงกับกำไลอสูรถูกทิ้งไว้ แมลงน้อยสีทองที่คลานเข้ามาจากนอกโพรงกำลังรวมตัวยั้วเยี้ยกัดกินไข่แมลงจิตวิญญาณที่ตายแล้วกับอาหารที่เหลือเหล่านี้อย่างเพลิดเพลิน

หลิ่วหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกวักเก็บไข่แมลงบนพื้นขึ้นมา จากนั้นหมุนตัวไปที่ห้องลับห้องอื่น ค้นหาแต่ละห้องอย่างไม่เหนื่อยหน่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา