“ข้ารู้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นตรวจสอบ คงได้แต่เก็บมันไว้ก่อน วันหน้ากลับแผ่นดินจงเทียนค่อยให้ผู้อื่นช่วยดู”
หลิ่วหมิงเอ่ยพลางหยิบไข่อสูรสีทองใบนั้นขึ้นมาเพียงใบเดียว จากนั้นเก็บเข้าไปในยันต์เก็บของแผ่นหนึ่งอย่างระมัดระวัง พร้อมกันนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวเก็บเฟยเอ๋อร์กับเซียเอ๋อร์อสูรเลี้ยงทั้งสองเข้าไป
หลังจากนั้นเขาก็ค้นหาภายในถ้ำทั้งหมดอีกพักใหญ่ก่อนจะออกจากที่แห่งนั้น ขี่กระบี่แหวกท้องฟ้ามุ่งไปยังเป้าหมายต่อ
สิบวันหลังจากนั้นบนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบที่ระลอกคลื่นเป็นประกายมองไปไม่เห็นขอบเขตแห่งหนึ่งก็มีลำแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งมาจากไกลๆ
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งด้านในลำแสงสีม่วงกำลังชะเง้อมองรอบด้านคล้ายกำลังหาบางสิ่ง
คนผู้นี้ก็คือหลิ่วหมิงที่เดินทางมาค้นหานั่นเอง
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ในที่สุดเขาก็ออกจากป่าทึบแห่งนั้นเข้ามาในอาณาเขตทะเลสาบแห่งนี้ ตอนนี้เขาเดินทางบนท้องฟ้ามาหนึ่งวันเต็มๆ แต่นอกจากเกาะร้างน้อยใหญ่ใกล้ไกลก็ไม่พบซากโบราณสถานอะไรอีก
หลิ่วหมิงลูบคาง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขาเก็บกระบี่บินขู่หลุนใต้เท้าพร้อมกับที่แสงสีเงินสว่างวาบบนแผ่นหลัง ปีกเนื้อคู่หนึ่งโผล่ออกมาก่อนที่เขาจะกลายเป็นแสงสีเงินสายหนึ่งดิ่งลงไปในทะเลสาบเบื้องล่าง
“พรึ่บ” ปีกเนื้อสองข้างบนแผ่นหลังของเขาทอแสงสีฟ้าแล้วกระพือแผ่วเบาครั้งหนึ่ง น้ำในทะเลสาบเบื้องล่างพลันแหวกออกเป็นสองฝั่งปล่อยให้หลิ่วหมิงมุดเข้าไปใต้ทะเลสาบ
เขาดำลงไปข้างใต้ไม่หยุดขณะที่แผ่จิตสัมผัสสำรวจรอบด้านไปด้วย
ทะเลสาบแห่งนี้ดูธรรมดาแต่ลึกไม่เห็นก้น แม้หลิ่วหมิงมีปีกเนื้อเสริมส่ง แต่เหาะมาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปกว่าจะมาถึงก้นทะเลสาบอย่างหวุดหวิด
ไม่ผิดจากที่คิดก้นทะเลสาบเป็นโลกอีกแห่งหนึ่งจริงๆ พระราชวังทอประกายแวววาวดุจแก้วผลึกหลังหนึ่งตั้งตระหง่านลึกลงไปใต้ทะเลสาบ
พระราชวังหลังนี้กินพื้นที่ราวหลายสิบหมู่ ก่อขึ้นจากแก้วผลึกทั้งหลัง เมื่อสะท้อนกับประกายน้ำแล้วดูงดงามตระการตาทำให้คนรู้สึกดั่งภาพลวงตาไม่ใช่ความจริง
ทว่าเมื่อเขาโอบกอดความหวังมาจนถึงประตูทางเข้าพระราชวัง กลับต้องยิ้มเจื่อนอยู่ในใจอย่างไม่อาจห้าม
ประตูหน้าของพระราชวังหลังนี้มีมุมหนึ่งถูกทำลายไปแล้ว โชคของตนดูจะย่ำแย่อย่างที่สุด มีคนชิงมาถึงก่อนอีกแล้ว
ในตอนนี้เองดวงตาเขาพลันทอประกายวาววับขึ้นวูบหนึ่ง ตรงประตูใหญ่ของพระราชวังมีคลื่นไอปีศาจแผ่วเบาแผ่ออกมา พอดูออกว่าไม่ใช่เพียงตนเดียว
หรือว่าผู้ที่บุกเข้าไปที่นี่จะเป็นมนุษย์ปีศาจ?
หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กระตุ้นวิชาลับภาพสัญลักษณ์เก็บซ่อนลมปราณจากนั้นพุ่งเข้าไปในพระราชวัง
ด้วยพลังของเขา เขาย่อมไม่ต้องเก็บมนุษย์ปีศาจตนหนึ่งมาใส่ใจ
ปรากฏว่าทันทีที่เขาเข้าไปในพระราชวังใต้น้ำก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างจ้า
ทางเดินของพระราชวังกว้างถึงสิบกว่าจั้ง อีกทั้งสร้างจากแก้วผลึกหลากสีก้อนแล้วก้อนเล่า แลดูงดงามโอ่อ่าไม่ธรรมดา สองฝั่งทางเดินมีเสาแก้วผลึกหนาหนึ่งจั้งกว่าต้นแล้วต้นเล่าเรียงรายเป็นระเบียบ บนเสาศิลาสลักภาพสัญลักษณ์อสูรสมุทรนานาชนิดที่ประณีตอย่างยิ่ง
ขณะที่หลิ่วหมิงจดจ่ออยู่กับการชื่นชม สุดปลายทางเดินก็มีเสียง “ตึง ตึง” เหมือนเสียงขุดดังออกมา แล้วยังมีเสียงพูดคุยแผ่วเบาดังออกมาเลือนรางอีกด้วย
แม้จะอยู่ห่างอย่างน้อยหลายร้อยจั้ง แต่จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงก็ยังฟังได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง
“…พี่รอง พลังของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นแข็งแกร่งเพียงนี้ กระทั่งพี่ใหญ่โม่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน โชคดีที่นายท่านมอบวิธีรักษาชีวิตเอาไว้ให้ แต่น่าเสียดายที่สองพี่น้องตระกูลหลิงนั่นถูกพี่ใหญ่โม่ใช้เป็นตัวเบี้ยไปแล้ว” เสียงที่แหบอยู่บ้างเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
“พี่ใหญ่โม่เดิมทีก็เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิตอยู่แล้ว พูดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาตอนนี้มีประโยชน์อะไรอีก ยามนี้การเดินทางมาเยือนแดนลับแห่งนี้จะจบลงในอีกไม่นานแล้ว ทำตัวดีๆ ค้นหาสมบัติเพิ่มสักหน่อยไปเถอะ กลับไปจะได้ไม่ถูกนายท่านตำหนิ” เสียงที่ฟังแล้วจะชายก็ไม่ใช่จะหญิงก็ไม่เชิงอีกเสียงหนึ่งตอบกลับมาอย่างไม่พอใจนิดๆ
“ถูกต้อง ฉวยโอกาสที่พี่ใหญ่โม่ยังไม่กลับมา พวกเรารีบขุดแก้วผลึกเหล่านี้กัน ว่ากันว่าคุณสมบัติของหินแร่เหล่านี้ยอดเยี่ยมที่สุด แผ่นดินว่านหมัวยากจะพบแร่ชนิดนี้มานานแล้ว หากมอบให้นายท่านหลังออกไป ไม่แน่ท่านผู้เฒ่าอาจดีใจมอบรางวัลเป็นไอปีศาจแท้ให้พวกเราบ้างก็เป็นได้” เสียงแหบนั่นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
“ไม่ผิดๆ ขุดส่วนใหญ่ออกมาแล้วที่เหลือค่อยแบ่งกับพี่ใหญ่โม่เท่าๆ กัน ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนสำคัญในเผ่า ไม่มีทางยอมเสียหน้าค้นตัวพวกเราหรอก” เสียงประหลาดกึ่งชายกึ่งหญิงหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นบ้าง
หลิ่วหมิงไม่สนใจบทสนทนาของมนุษย์ปีศาจทั้งสอง แต่เมื่อเขาได้ยินคำว่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา
ฟังจากคำพูดของพวกเขาหมายความว่าสตรีนางนั้นยังไม่ออกไปจากแดนลับเศษซากโลกบนแห่งนี้!
สตรีผู้นั้นหลังสืบทอดพลังสำเร็จเมื่อตอนนั้น ลมปราณก็บรรลุระดับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์ ห่างจากระดับดาราพยากรณ์เพียงก้าวเดียว เดิมทีคิดว่านางจะออกจากเศษซากโลกบนกลับแผ่นดินหมานฮวงทันที แต่ไม่คิดเลยว่านางจะยังอยู่ที่นี่แล้วยังขัดแย้งกับมนุษย์ปีศาจอีก
พริบตาที่หลิ่วหมิงเหม่อไปเล็กน้อยนี่เอง เสียงขุดเหมืองดัง “ตึงๆ” ที่เดิมทีดังอยู่ก็พลันเงียบหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือเสียงแหวกอากาศสองสายพุ่งเข้ามา
“แย่ล่ะ ประมาทเสียแล้ว” หลิ่วหมิงได้สติกลับมาทันทีแล้วลอบตำหนิตนเองเงียบๆ
“โอ๊ะ? มีเจ้าหนูเผ่ามนุษย์มาคนหนึ่ง เมื่อครู่กำลังปวดหัวอยู่พอดีว่าจะอ้างอะไรหากไม่ได้สมบัติกลับไป เจ้าหนูคนนี้ก็ส่งตัวเองมาถึงประตู” เมื่อสายลมสีดำสลายไป มนุษย์ปีศาจที่จะเป็นบุรุษก็ไม่ใช่เป็นสตรีก็ไม่เชิงและประทินโฉมจัดจ้านตนหนึ่งก็ปรากฏตัว พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“พี่รอง ท่านจะลงมือหรือจะให้ข้าจัดการ? คนผู้นี้เหมือนจะระดับแก่นเสมือน ประมาทเกินไปไม่ได้” มนุษย์ปีศาจอ้วนเตี้ยที่เสียงแหบเล็กน้อยอีกตนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา