คนหนุ่มแตกตื่น เขามองทิศทางที่อาหู่หายไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าไม่เห็นเงาคนแล้ว
เพียงแต่เรื่องที่อาจารย์ของเขาบอก ยังทำให้เขาตกใจจนหุบปากไม่ได้
นั่นเป็นเพราะอาหู่ในตอนนี้ ถึงกับเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
แม้ว่าสถานการณ์ของโลกผืนสมุทรในปัจจุบันจะแตกต่างไปจากตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอยังเคลื่อนไหวอยู่มาก แต่ว่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งจะต้องเป็นผู้ทรงอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย
คนหนุ่มที่ก่อนหน้านี้รับคำสั่งของเจ้าสำนักซ่งไปเชื้อเชิญอาหู่ มีมารยาทนอบน้อม ไม่กล้าแสงความคิดดูแคลน
ต่อให้อาหู่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขากว่างเฉิง เรื่องนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เพราะว่าเขาก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นในโลกผืนสมุทรได้
นี่เป็นเพราะอาหู่ไม่เคยลงมือบนโลกผืนสมุทรมาก่อน คนอื่นๆ จึงนึกว่าเขามีพลังฝึกปรือจำกัด
ความจริงแล้วเกาเทียนจง เจ้าสำนักรุ่นก่อนของเขาหงส์วิเศษที่ตอนนี้กำลังเข้าฌานอยู่จะเอาชนะอาหู่ที่มีระดับต่ำกว่าได้หรือไม่ ยังไม่อาจบอกได้
“ท่านหู่ผู้นั้นหรือจะไม่ใช่ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิง” คนหนุ่มถามอย่างงงงวย
เจ้าสำนักซ่งมองลูกศิษย์ของตัวเอง ก่อนจะถอนใจเสียงหนึ่ง ทว่าไม่ได้มีโทษเขาที่เสียกิริยา
“เจ้าประหลาดใจถึงเพียงนี้ ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก ในตอนที่ข้าพบท่านหู่เป็นครั้งแรก ท่านหู่ยังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์อยู่เลย” เจ้าสำนักซ่งถอนใจ “แต่ดูจากระดับของเขาแล้ว ยังมีอายุยังน้อยยิ่ง”
“ตอนแรกข้านึกว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดสายหลักที่เขากว่างตั้งใจชุบเลี้ยง ตอนหลังจึงค่อยรู้ว่า เขาถึงกับเป็นบ่าวรับใช้ของราชามังกรอวิ๋นจง!”
เจ้าสำนักซ่งส่ายหน้าติดต่อกัน
สีหน้าเหลือเชื่อบนใบหน้าของลูกศิษย์ยังคงไม่จางหาย “แม้จะเป็นมหาปรมาจารย์ แต่ก็เป็นบ่าว นั่นมัน…น่า…”
“น่าอัปยศ ไม่องอาจ น่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?” เจ้าสำนักซ่งเอ่ยอย่างแช่มช้า “โดยเฉพาะคนผู้นี้ปัจจุบันถึงกับเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้ว คล้ายยังยอมเป็นบ่าวของผู้อื่น ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้กว่าเดิมกระมัง”
คนหนุ่มพยักหน้า
เจ้าสำนักซ่งกล่าวสืบต่อ “เช่นนั้นเจ้าได้ลองคิดในอีกมุมมองหนึ่งหรือไม่ ว่าคนที่ทำให้มหาปรมาจารย์หรือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งยอมเป็นบ่าวรับใช้เป็นคนแบบไหน”
“ราชามังกรอวิ๋นจงถึงกับน่ากลัว…น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ” คหนุ่มรู้สึกว่าคำว่า ‘น่ากลัว’ ยังไม่อาจบรรยายถึงบุคคลเช่นนั้นได้ด้วยซ้ำ
โลกผืนสมุทรมีการไหลของเวลาเร็วยิ่ง คนหนุ่มผู้นี้เกิดขึ้นมาหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอออกจากโลกผืนสมุทรไปแล้ว
ตอนที่เขากราบเข้าเขาหงส์วิเศษเพื่อร่ำเรียนวิชา นอกจากการเข้าฌานฝึกฝนที่ไม่มีใครรู้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้เคลื่อนไหวในโลกผืนสมุทรอีก
เรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอนั้นเขาเคยได้ยินมาบ้าง แต่ว่าเพียงแค่เคยฟังมา ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขามีความเข้าใจและความรู้สึกที่แท้จริงต่อเยี่ยนจ้าวเกอได้
คนของเขากว่างเฉิงที่หลายปีมานี้เคลื่อนไหวอยู่ในโลกผืนสมุทร มีอัจฉริยะเช่นสวีเฟย สือจวิน อิงหลงถู ซือคงจิง ทั้งหมดล้วนมีพลังน่าทึ่ง
แต่ว่าในตอนที่ระดับพลังฝึกปรือยังไม่ได้เพิ่มถึงจุดสูงสุด พวกเขาก็ออกจากโลกผืนสมุทรไป
ที่แล้วมา เขากว่างเฉิงเห็นที่นี่เป็นที่สำหรับเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของลูกศิษย์อายุเยาว์
ยอดฝีมือแห่งเขากว่างเฉิงและผู้ที่มีพลังฝึกปรือระดับสูงสุดที่เฝ้าอยู่ที่นี่ เป็นจางคุนผู้อาวุโสสูงสุดที่ก่อนหน้านี้หลายปีก็ได้ทำลายคอขวดที่ติดมาหลายสิบปี เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์
ผู้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่อาจดูแคลน แต่ว่าจางคุนไม่ได้มีนิสัยอวดโอ่ ร่วมรุกร่วมถอยกับเขาหงส์วิเศษอยู่หลายครั้ง
เขาหงส์วิเศษในวันนี้เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกผืนสมุทร ปกติแล้วต้องใช้การร่วมมือกันของสำนักอื่นๆ ถึงจะสร้างสมดุลได้
ในฐานะลูกศิษย์ของเขาหงส์วิเศษ แม้คนหนุ่มผู้นี้จะชื่นชมความโดดเด่นของจอมยุทธ์เขากว่างเฉิง แต่ว่าก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองและสำนัก
มั่นใจในตัวเอง และภูมิใจในสำนัก
ตอนที่ได้ยินเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์มากมายของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาคิดว่าเรื่องราวเหล่านั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ตนเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่สามารถไปถึงจุดนั้นได้
คนหนุ่มด้านข้างกล่าวอย่างฮึกเหิม “ตามคำพูดของคนในเขากว่างเฉิง ขอแค่ท่านอาจารย์ปู่รุดหน้าขึ้นอีกขั้น ก็สามารถลอยไปยังโลกซ้อนโลกได้!”
“ถึงเวลานั้นอนาคตของเขาหงส์วิเศษจะกว้างไกล ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้!”
เจ้าสำนักซ่งว่า “ไหนเลยจะรวบรัดขนาดนั้น โลกซ้อนโลกมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่น แค่ผู้อาวุโสสวี ‘วิหคเวหา’ แห่งเขากว่างเฉิงที่เคยพำนักอยู่ในเขาหงส์วิเศษของพวกเรา เขาในตอนที่ออกจากโลกผืนสมุทร ยังมีพลังฝึกปรือแค่ระดับมหาปรมาจารย์ ตอนนั้นท่านอาจารย์ได้เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
“แต่ว่าหลายปีก่อนหน้านี้ทางเขากว่างเฉิงมีข่าวว่า วิหคเวหาได้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว เร็วกว่าท่านอาจารย์เสียอีก”
คนหนุ่มได้ยิน กำลังคิดจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ร่างกายพลันส่ายไหว
เขาในตอนนี้อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ ต่อให้อยู่ในพายุโหดคลื่นคลั่งก็ยังทรงตัว รักษาสมดุลได้ แต่ว่าการส่ายไหวนั้นกลับเกือบทำให้เขาล้มคะมำ แม้แต่เจ้าสำนักซ่งก็ร่างส่ายไปวูบหนึ่ง เกือบจะล้มลงเช่นกัน!
เพราะว่าการสั่นไหวนี้ไม่ได้มาจากเขาหงส์วิเศษที่อยู่ใต้เท้าของเขา ถึงขั้นไม่ได้เกิดขึ้นบนทะเลไร้สิ้นสุดอันเป็นที่อยู่ของเขาหงส์วิเศษเท่านั้น
แต่ว่าในตอนนี้ โลกผืนสมุทรทั้งใบกำลังสั่นสะเทือน ส่ายขึ้นลงพร้อมกัน!
จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรทุกคนต่างเกิดความหวาดกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้ในจิตใจ
เหมือนกับกำลังเผชิญวันสิ้นโลก!
ความจริงแล้ว ถ้าหากว่าการสั่นสะเทือนนี้ดำเนินต่อไปโดยไร้การควบคุม โลกผืนสมุทรก็จะเจอกับคลื่นยักษ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าการสั่นไหวของสุสานมังกรในอดีต
ทุกๆ ครั้งที่สุสานมังกรสั่นไหว โลกผืนสมุทรจะพบพานภัยพิบัติ เสื่อมโทรมลงรอบหนึ่ง
ปัจจุบันสุสานมังกรได้พังทลายลงแล้ว ภัยพิบัติไม่เกิดขึ้นอีก
แต่ว่าการสั่นไหวในครั้งนี้ กลับทำให้โลกผืนสมุทรทั้งใบพังทลาย กลายเป็นฝุ่นผงได้!
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี