ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 102

เมื่อเผชิญกับการโจมตีของพานป๋อไท่ สือเถี่ยก็สูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง

มือทั้งสองของเขากำแน่น หมัดข้างซ้ายเก็บเข้าใกล้ช่วงเอว ส่วนหมัดขวาก็ปล่อยออกข้างหน้าอย่างช้าๆ

แท่นบูชาค่ายกลอักขระที่ปกคลุมอยู่รอบกายของเขาหดเข้าจนถึงขั้นสุดท้าย จนเกือบจะมีขนาดพอๆ กับตัวเขา มันเล็กเสียจนไม่อาจเทียบได้กับพระอาทิตย์ส่องสว่างที่กำลังตกลงมาจากฟ้า

สือเถี่ยต่อยหมัดหนึ่งออกไป ทว่าท่าทีที่เชื่องช้าของเขาดูไม่เข้ากับสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้เลย ความรู้สึกไม่สมดุลอันแปลกประหลาดทำให้ผู้ที่สังเกตการณ์อยู่กระวนกระวายจนแทบกระอักเลือด

บนหมัดของเขาราวกับมีภูเขานับร้อยพันลูก ที่น้ำหนักมากจนไม่อาจต้านทาน กำลังเคลื่อนตัวช้าๆ เสมือนโคแก่

ถึงกระนั้นในสายตาของผู้คนรอบข้าง พลังวรยุทธ์ของสือเถี่ยในตอนนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมั่นคงไม่สั่นไหว และไม่มีวันพังทลายลง

แข็งแกร่งยิ่ง คงทนยิ่ง อีกทั้งไม่มีทางถูกทำให้สั่นคลอนได้ตลอดกาล

ดวงอาทิตย์เจ็ดดวงตกลงโจมตีสือเถี่ยจากบนศีรษะอย่างต่อเนื่อง

เจตจำนงดาบและพลังความร้อนอันบ้าคลั่งกวาดล้างไปทั่วทั้งสี่ทิศ เกิดเป็นคลื่นแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง

อากาศทั้งหมดถูกบีบอัดด้วยพลังมหาศาลจนกลายเป็นลมพายุ

ลมพายุนั้นกวาดล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่โดยรอบ ราวกับคมดาบอันแหลมคมโดยไม่อาจมีสิ่งใดหยุดยั้งได้!

บริเวณที่คมพายุพัดผ่านเกิดเป็นร่องลึกและเหวขนาดใหญ่ ภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านพลันถล่มลง!

แสงสีทองทั่วท้องฟ้าระเบิดกลางอากาศ กลายเป็นกระแสเพลิงมากมายปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าอย่างหนาแน่น

นอกจากแสงรัตติกาลและกลุ่มคนส่วนน้อยแล้ว ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ เขตการสู้รบต่างก็ถอยหลบไปอย่างต่อเนื่อง หากไม่ระวังการปะทะเช่นนี้ให้ดี เพียงแค่หางลมก็สามารถคร่าชีวิตพวกเขาได้

บัดนี้แสงอันเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วฟ้า จนทำให้ผู้คนไม่อาจมองเห็นสิ่งใด มีเพียงพลังที่สะเทือนไปทั่วท้องฟ้าทั่วแผ่นดิน ที่สั่นคลอนจิตใจของทุกคน

เบื้องหน้าเต็มไปด้วยแสงสว่างจนมองไม่เห็นสิ่งของ ข้างหูก็มีเพียงเสียงลมพายุคำรามเท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงอื่นใด

แม้แต่จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งจนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ บัดนี้ก็สับสนคลำทางไม่ถูก

แต่แล้วจู่ๆ เสียงของพานป๋อไท่ก็กลบเสียงลมพายุอันบ้าคลั่ง ราวกับดังจากในก้นบึ้งของหัวใจทุกคน

“ไม่เลวนี่ วิชากายเพชรของเขากว่างเฉิง เจ้าฝึกฝนจนถึงขั้นไม่มีใครในระดับวรยุทธ์เดียวกันเทียบเทียมได้”

เยี่ยนจ้าวเกอรีบหลบหลีกคมพายุมหึมาความสูงสิบกว่าหมี่ที่กำลังพัดมา

หลังจากที่คมพายุนั้นพัดไปไกล บนพื้นก็ปรากฏรอยแตกเหมือนกับเหวลึกขนาดใหญ่ จากนั้นมันก็พัดที่ภูเขากลุ่มหนึ่ง และผ่าภูเขาลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งออกเป็นสองซีก

กลุ่มปราณบริสุทธิ์ที่อยู่ในจุดตันเถียนชี่ไห่ของเยี่ยนจ้าวเกอหมุนวน ชักนำให้ปราณเพลิงและปราณน้ำแข็งทั่วกายหลอมรวมกัน

ปราณเพลิงน้ำแข็งเคลื่อนตัว รวมตัวกันที่ดวงตาทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้ดวงตาทั้งสองของเขาปรากฏสีแดงและสีครามจางๆ

และในขณะนี้เอง ความเย็นเยียบ ความร้อนรุ่มแบ่งตัวและรวมเข้าด้วยกัน ไม่ได้ทำลายดวงตาอันเป็นอวัยวะที่บอบบางของร่างกายแต่อย่างใด แต่กลับทำให้การมองเห็นของเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มสูงขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมองเห็นสถานการณ์การต่อสู้ของยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ทั้งสองคนได้รางๆ ต่างจากอาหู่และคนอื่น

ตัวของสือเถี่ยแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแท่นบูชาค่ายกลอักขระ ที่เกิดจากวงแหวนพลังของวรยุทธ์ของเขา

เขาดูเหมือนจะกลายเป็นมนุษย์ทองคำคนหนึ่ง พื้นผิวร่างกายที่เป็นทองคำบริสุทธิ์เกิดเป็นรอยดาบตื้นๆ เจ็ดรอย มองดูแล้วน่ากลัวยิ่ง

ทว่าสือเถี่ยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อีกทั้งกายเพชรก็ไม่ได้ถูกพานป๋อไท่ทำลายเช่นกัน

นั่นหมายความว่าพลังการป้องกันจากกายเพชรของสือเถี่ยแข็งแกร่งมาก หากเป็นมหาปรมาจารย์คนอื่นที่ยังไม่ถึงขั้นบรรลุธรรม คงไม่อาจต้านทานการโจมตีที่รุนแรงของพานป๋อไท่เมื่อครู่นี้ได้

สีหน้าของสือเถี่ยราวกับรูปปั้นพันปี จับจ้องตรงไปยังคู่ต่อสู้ของตนเองด้วยสายตาที่เยือกเย็นและหนักแน่น ส่วนพระอาทิตย์ทั้งเจ็ดดวงลอยสูงอยู่กลางอากาศ ส่งแรงกดดันขั้นทำลายล้างลงไปให้กับทุกสิ่งมีชีวิตบนพื้น

เสียงของพานป๋อไท่ดังออกมาจากพระอาทิตย์ทั้งเจ็ด “เจ้าคิดว่าแค่นี้จะหยุดข้าได้อย่างนั้นหรือ เจ้าจะรับมือข้าได้สักกี่น้ำเชียว”

บัดนี้พระอาทิตย์ทั้งเจ็ดเริ่มรวมตัวกันที่ศูนย์กลางอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นคล้ายกับมียักษ์ส่องแสงตนหนึ่งปรากฎขึ้น มาพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

สือเถี่ยปล่อยหมัดซ้ายที่เก็บไว้บริเวณเอวออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จนตั้งขนานกับมือขวา

จากนั้นมือทั้งสองของเขาก็ค่อยๆ ขยับวาด ก่อนจะปรากฏแสงสีทองเลือนรางวงหนึ่ง

ทั้งวงแหวนทรงกลมประดุจเพชร เติมเต็มไร้การรั่วไหล ตรงกลางว่างเปล่าราวกับสามารถเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในนั้น

ยักษ์ที่กลายสภาพมาจากการรวมตัวกันดวงอาทิตย์ทั้งเจ็ดฟาดฝ่ามือหนึ่งลง เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนราวกับฟ้าถล่ม

มือทั้งสองของสือเถี่ยที่กลายรูปเป็นวงแหวนยื่นไปข้างหน้ารับการโจมตีของอีกฝ่าย

วงแหวนนั้นดูเล็กจนแทบมองไม่เห็น เมื่อเทียบกับฝ่ามือขนาดมหึมาของยักษ์ตนนั้น

แต่ช่องว่างราวกับบิดเบือนไปในชั่วขณะนั้น วงแหวนสีทองขนาดเล็กครอบไปที่มือขนาดใหญ่นั้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ชั่วขณะหนึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อซึ่งกันและกัน

ถึงกระนั้นเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมองไป เขากลับพบว่าตั้งแต่สือเถี่ยเริ่มเปิดฉากการต่อสู้ เขายืนอยู่ตำแหน่งเดิมตั้งแต่ต้น ไม่ได้ขยับถอยไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว

แต่ขณะนี้กำลังถอยหลังไปช้าๆ

ไม่ใช่สือเถี่ยที่ถอยหลังไป แต่ขาทั้งสองข้างของเขาราวกับเสาหลักที่มั่นคง ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน กระนั้นร่างกายของเขากลับถูกพลังมหาศาลกำลังผลักให้ถอยไปข้างหลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี