ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 1029

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือเดียวเอียงฟ้า จักรวาลของโลกเบื้องหน้าพลิกคว่ำ

มุมหนึ่งในเขตแดนของมิติบนโลกซ้อนโลกบิดเบี้ยวและแตกร้าวอย่างลางเรือน

พลังที่บ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้หนังตาของประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกระตุก ‘นี่เป็นฝ่ามือที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนแสดงออกมาได้หรือ’

พลังที่พลิกเปลี่ยนทวิลักษณ์และคว่ำฟ้าดินเช่นนี้ ทำให้ดาวตกเพลิงที่สาดแสงอัสดงสี่สีที่มีจำนวนมหาศาลถูกหยุดอยู่กลางอากาศ ไม่อาจกระดิกกระเดี้ย

แสงสีบนผิวดาวตกเพลิงส่ายไหวไม่หยุด

ตอนแรกเป็นคลื่นน้ำที่แหลกสลาย ถัดจากนั้นดินเหลืองก็กลายเป็นฝุ่น ตามมาด้วยแสงม่วงที่ดับลง สุดท้ายปราณขาวก็อันตรธาน

‘รอยตราพลิกนภาไม่ควรมีอานุภาพแข็งแกร่งจนทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนหนึ่งทำลายสี่จริยะก่อนกำเนิดของจวงเซินได้กระมัง!’ ประมุขประจิมหลางชิงเห็นดังนั้นก็ตาเป็นประกาย ‘ฝ่ามือนี้ของเขาใช้คัมภีร์พลิกฟ้าเป็นพื้นฐาน อีกทั้งยังหลอมรวมแก่นแกนของวรนยุทธ์สะท้านโลกมากมายเข้าไปด้วย!’

ที่หลางชิงจำได้หลังจากมองเห็นแวบเดียว ก็เพราะมีวรยุทธ์ที่น่าอัศจรรย์อย่างเช่นคัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิด คัมภีร์นภากาลเวลา และคล้ายกับยังมีสิบสองวิชาประกายกาฬอันเป็นการสืบทอดสายตรงของสำนักประกายกาฬด้วย

นี่ยังไม่จบ นอกจากนี้ยังมีวรยุทธ์อย่างอื่นอีก!

ประเด็นก็คือเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งอายุเท่าไร

เขาเพิ่งมีอายุไม่กี่สิบปี ไฉนจึงฝึกฝนและศึกษาวรยุทธ์มากมายขนาดนี้ แม้กระทั่งมีระดับลึกล้ำเช่นนี้ได้

แม้ประมุขประจิมหลางชิงที่มีประสบการณ์มากมายและเป็นผู้ทรงอำนาจคนหนึ่ง ในตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ ‘เซียนผู้ถูกเนรเทศ…หรือ’

พอสูญเสียการเสริมพลังจากสี่จริยะก่อนกำเนิด ดาวตกเพลิงเหล่านั้นเมื่อเผชิญกับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอก็สูญสิ้นอานุภาพไป

เปลวไฟพากันมอดดับ กลายเป็นเยียบเย็นสุดขีดเพราะจิตวรยุทธ์ที่ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งของทวิลักษณ์ขั้วตรงข้าม

ดาวตกเพลิงหลายลูกกลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นก็แหลกสลายไป!

โลกที่ก่อนหน้านี้ยังร้อนเร่าเหมือนกับนรกอัคคี ยามนี้กลายเป็นฟ้าน้ำแข็ง ดินหิมะ

สืบเนื่องจากหิมะน้ำแข็ง หงส์อมตะเพลิงตัวนั้นเหมือนกับสูญเสียความมีชีวิตชีวาไป

ประมุขทักษิณจวงเซินอาจจะเป็นคนที่รู้จักพลังของเยี่ยนจ้าวเกอดีที่สุดในหมู่คนที่อยู่รอบๆ

เขาเปลี่ยนกระบวนท่า หงส์อมตะเพลิงกระพือปีกบินสูงอีกครั้ง สี่จริยะหนุนนำ หมายจะยกฟ้าที่พังทลายขึ้น หยุดการเปลี่ยนแปลงของทิศทางที่พลิกคว่ำ

เยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยนสภาวะฝ่ามือ อีกมือหนึ่งกำเป็นมุทรากระบี่ เล็งไปที่จวงเซิน ก่อนที่มังกรเขียวแผดเสียงคำรามทะยานออกมา

ถ้าหากมีเพียงแค่นี้ จวงเซินคงไม่นำพา ทว่าบนร่างของมังกรเขียวตัวนั้นกลับสาดประกายกระบี่สีแดงก่ำที่น่าพรั่นพรึงออกมาหลายสาย อำมหิตสุดเปรียบปาน หมายทำลายพลังชีวิต

ชั่วขณะนั้น เหมือนกับมังกรเขียวเสกพายุโลหิต ใต้เกล็ดทุกเกล็ดต่างมีเลือดทะลักออกมา

ปราณชีวิตที่โชติช่วงตอนนี้กลายเป็นปราณความตายสุดขีด มันผนึกกันเป็นกระบี่ คมกระบี่ชี้ไปยังจวงเซิน!

เป็นวรยุทธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นเอง สังหารมังกรเขียว!

จวงเซินได้รู้จักวิชากระบี่ชนิดนี้มาจากผู้ที่รอดจากสงครามบนเขามหาวิญญาณ และจำใส่ใจไว้

ในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้าด้วยตัวเอง ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ ‘เป็นวิชากระบี่ที่น่ากลัวนัก เป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์แท้ๆ แต่เหตุใดถึงอำมหิตเหมือนกับกระบี่ผนึกเซียนสายเหนือพิสุทธิ์ได้!’

ไม่ใช่แค่จวงเซินเท่านั้น นักพรตเทียนอี้ ประมุขบูรพาก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

เทียบกับม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะของเนินต้นจักรพรรดิแล้ว คัมภีร์อายุวัฒนาอันเป็นวรยุทธ์ของอารามสูงส่ง หากเชิญหน้ากับท่าสังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอ จะเสียเปรียบยิ่งกว่า

‘รอยตราพลิกนภาของเขาเมื่อครู่ไม่ได้กระตุ้นวิชาสายฟ้าชั่วพริบตาหรือวิชาที่กระตุ้น รวบรวม เผาไหม้ และระเบิดพลัง แต่ว่าเป็นพลังที่เขามีตอนลงมืออยู่แล้ว’

สิ่งที่ทำให้นักพรตเทียนอี้สนใจ ความจริงคือเรื่องนี้เอง

ตัวเขาบรรลุวิชาสายฟ้าชั่วพริบตา สามารถระเบิดพลังที่น่าทึ่งออกมาได้ช่วงสั้นๆ ดังนั้นตอนเห็นเยี่ยนจ้าวเกอปะทะกับจวงเซินตรงๆ ก็มีความสงสัยอยู่ในใจหลายส่วน

แต่ว่าตอนนี้พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือและกระบี่พร้อมกัน มือหนึ่งคือรอยตราพลิกนภา มือหนึ่งคือสังหารมังกรเขียว พอลงมือพร้อมกันต่างมีอานุภาพล้ำเลิศ นักพรตเทียนอี้ก็ทราบว่าการคาดเดาก่อนหน้าของตนผิดพลาด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี