ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 104

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ขับเคลื่อนอาวุธวิญญาณของตน แต่ผลสุดท้ายก็ยังเป็นเยี่ยนตี๋ที่จัดการพระอาทิตย์ทั้งหลายได้ในดาบเดียว!

ยักษ์แสงสีทองที่กลายร่างมาจากพานป๋อไท่ได้แต่ถอยหลังไป บนร่างกายของมันเกิดเป็นรอยแผลสาหัส อักขระแต่ละตัวค่อยๆ แตกสลายออกไปราวกับโลหิตสด ก่อนจะกลายเป็นประกายไฟเล็กๆ หายไปในอากาศ

บริเวณหว่างคิ้วของยักษ์แสงสีทองก็เผยให้เห็นร่างจริงของพานป๋อไท่อีกครั้ง

ร่างกายของเขาดูทรุดโทรม และใบหน้าดูซีดขาวมากกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

ลูกกระเดือกของชายแก่เคลื่อนขึ้นลงอยู่หลายครั้ง และในปากมีรสหวานจางๆ เหมือนกับจะมีเลือดพ่นออกมาได้ทุกเมื่อ ทว่าเขากลับฝืนกลืนมันกลับไป

พานป๋อไท่จ้องเขม็งไปที่เยี่ยนตี๋อย่างไม่ละสายตา พลางส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่สบอารมณ์ ก่อนจะใช้พลังถอยหลังออกไป และเรียกให้แสงรัตติกาลและคนอื่นๆ ถอยออกไปด้วย!

เยี่ยนตี๋ปรากฏกายอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แน่นอนการซุ่มโจมตีของมาตรสุริยันวัดสวรรค์ต้องเกิดความผิดปกติแน่

แม้จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พานป๋อไท่มั่นใจว่าแผนการครั้งนี้ของสำนักล้มเหลวแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเขากว่างเฉิงอาจจะคิดบัญชีพวกเขาก็เป็นได้

รู้ทั้งรู้ว่าตนเป็นเป้าหมายของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากเยี่ยนตี๋หลบพ้นมาตรสุริยันวัดสวรรค์แล้ว เขายังกล้ามายังถังตะวันออกอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวได้ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าเขามีความมั่นใจเต็มร้อย

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากสามารถเอาชนะได้โดยเร็ว พานป๋อไท่ก็ไม่ติดที่จะสังหารเยี่ยนตี๋เสียตรงนั้น ถือเป็นการสั่งสอนเขากว่างเฉิงสักหน่อย

ชื่อเสียงของเยี่ยนตี๋โด่งดังมาก กระนั้นพานป๋อไท่ในฐานะที่เป็นมหาปรมาจารย์ยอดฝีมือ รุ่นเดียวกันกับหวงกวงเลี่ยและหยวนเจิ้งเฟิง อีกทั้งกำลังย่างเข้าสู่ระดับขั้นบรรลุธรรมมาหลายปีแล้วนั้น จึงมีความมั่นใจและความโอหังในตัวเป็นธรรมดา

แต่เมื่อถามใจตนเองดูว่า หากเขามีวรยุทธ์ในระดับเดียวกัน จะสามารถจัดการเยี่ยนตี๋ได้หรือไม่ เขาเองก็ยังไม่มีความมั่นใจจริงๆ

ถึงกระนั้นทั้งๆ ที่ระดับวรยุทธ์ของตนสูงกว่า แต่ก็ยังคงสู้เยี่ยนตี๋ไม่ได้ นั่นทำให้พานป๋อไท่รู้สึกเจ็บแสบบนใบหน้า

หลานชายของตนถูกเยี่ยนจ้าวเกอสังหาร ส่วนตนเองก็ถูกไล่ต้อนจากเยี่ยนตี๋ ผู้เป็นชนรุ่นหลัง อีกทั้งระดับวรยุทธ์ก็ต่ำกว่า

มีอยู่ขณะหนึ่งที่พานป๋อไท่รู้สึกว่าความอับอายและโทสะภายในใจแทบจะกลืนกินตัวเขาไปจนหมด เขาไม่ได้ถูกไล่ต้อนเช่นนี้มานานมากแล้ว จึงเกิดความรู้สึกไม่มั่นคงอยู่บ้าง ทว่าหลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายตนกำลังถูกเขากว่างเฉิงคิดบัญชีคืน และตอนนี้ก็ยังชิงความได้เปรียบกลับคืนมาไม่ได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็มีแต่ถอยกลับเท่านั้น มิเช่นนั้นสิ่งที่คอยสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่คงจะมีแต่ความสูญเสียที่มากยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน

เมื่อต้องตัดใจก็ต้องทำ ในตอนนี้เองพานป๋อไท่หยุดความแค้นและความโกรธที่เซียวเซิงถูกสังหารลงไปก่อนชั่วคราว และเลือกที่จะหยุดการต่อสู้เอาไว้

ถึงกระนั้นความโกรธที่อัดอั้นอยู่ก็ได้แปรสภาพเป็นจิตอาฆาตที่เยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม

ขณะเดียวกันกับที่ถอยออกไป สายตาของพานป๋อไท่ก็มองสลับไปมาระหว่างเยี่ยนตี๋ สือเถี่ย และเยี่ยนจ้าวเกอ

อาหู่ที่อยู่ข้างๆ เยี่ยนจ้าวเกอถูกเขาจ้องจนขนลุกซู่ และพูดเสียงเบาว่า “คุณชาย เขาจะเลิกคิดถึงเกียรติศักดิ์ศรี และลงมือกับท่านโดยที่ไม่สนใจอะไรหรือไม่ขอรับ”

“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “แต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ แสงรัตติกาลได้รับบาดเจ็บ ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ก็ว่างแล้ว หากเขาคิดจะใช้พลังของตนฝ่าการร่วมมือกันของท่านพ่อและท่านอาจารย์ลุงใหญ่เพียงลำพัง นั่นไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”

“ต่อให้แสงรัตติกาลรั้งท่านอาจารย์ลุงใหญ่เอาไว้สุดชีวิต ท่านพ่อคนเดียวก็ปกป้องข้าได้แล้ว เพียงแต่ต้องระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือออก “พลังของท่านพ่อรุนแรง การโจมตีก็น่าตกตะลึง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านพ่อไม่ถนัดการป้องกัน แค่เพราะว่าปกติแล้วไม่จำเป็นต้องให้ท่านทำเช่นนั้นก็เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พานป๋อไท่ควรจะเป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า”

ชายหนุ่มยิ้ม “ท่านพ่อไม่ใช่คนที่ชอบใช้กลยุทธ์ปิดเมือง[1]เท่าใดนัก”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นจากอีกฟากของท้องฟ้า “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้วจริงหรือ ถึงได้กำเริบเสิบสานไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเช่นนี้”

ที่ขอบฟ้าคล้ายกลับมีเสียงของคลื่นทะเลยักษ์กระทบฝั่ง ทำให้ผู้คนที่ได้ยินเข้าใจผิดคิดว่าตนอยู่ริมทะเล

ทว่าเมื่อรอจนเสียงนั้นเข้ามาใกล้ ถึงได้รู้สึกว่านั่นเป็นเสียงลมหายใจของคนผู้หนึ่ง

ชายชราสวมชุดสีเขียวสีหน้าแข็งกร้าวคนหนึ่ง กำลังเหาะเหินเดินในอากาศ เกิดเป็นคลื่นแผ่กระจายไปรอบทิศราวกับคลื่นทะเล

สีหน้าของพานป๋อไท่กับแสงรัตติกาลดูไม่สู้ดีในทันที

ผู้มาเยือนคือยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ท่านหนึ่งของเมืองทะเลมรกต ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีพิภพ คู่ปรับตัวฉกาจของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวจริงๆ ไม่ใช่ชายชราที่หน้าตาดุดันคนนั้น

และพวกเขาเข้าใจแล้ว ว่าเพราะเหตุใดเขากว่างเฉิงไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่เยี่ยนตี๋กลับสามารถฝ่าการซุ่มโจมตีของมาตรสุริยันวัดสวรรค์เข้ามาได้

มงกุฎจันทรา!

มงกุฎจันทราซึ่งขณะนี้อยู่ในกำมือของเมืองทะเลมรกต!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี