“ไม่ใช่มีแค่ความเร็วในการใช้ญาณจริงแท้สูงเท่านั้น ระหว่างออกกระบวนท่ากลับหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยให้ค้นหา…” จักรพรรดิเอกภพมองเนี่ยจิงเสินพร้อมพูด “ก่อนกำเนิดคงอยู่ตลอดกาล ปราณกำเนิดเสริมพลัง ท่านออกกระบวนท่า อีกฝ่ายถึงกับไม่อาจขจัดแก้ไขหรือ”
ดังนั้นเหมือนกับภูเขาเทลาดซึ่งไม่อาจต้านทาน
เผชิญกับคนที่มีจิตกระบี่เช่นนี้ ก็ได้แต่มองตัวเองถูกทับแหลกอย่างจนปัญญาเหมือนกับกองไข่
เนี่ยจิงเสินได้แสดงลักษณะอันดุร้ายเหลือประมาณของกระบี่หยกเบิกนภาที่ยิ่งใหญ่และเกรี้ยวกราดออกมา
ก่อนกำเนิดไม่สูญสิ้น ก้มมองจักรวาล
เนี่ยจิงเสินพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าผู้แซ่เนี่ยย่อมไม่ใช่ไร้เทียมทาน”
คนที่แข็งแกร่งกว่าเขาระดับหนึ่ง อยู่เหนือกว่าขีดจำกัดบางอย่าง ยังคงสามารถเอาชนะเนี่ยจิงเสินเมื่อปะทะกันซึ่งหน้าได้
แต่ว่าจักรพรรดิเอกภพไม่ได้อยู่ในนี้
หลายๆ คนไม่อยู่ ต่อให้จะมีระดับเหนือกว่าเนี่ยจิงเสินก็ตาม
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดจ้องมองเนี่ยจิงเสิน “ความเข้าใจที่ท่านมีต่อกระบี่หยกเบิกนภานั้น สุดที่สหายในสำนักของท่านจะเทียบเคียงได้ ไม่ได้ล้ำลึกเพียงแค่ได้แก่นของมันมา ยังมีความเข้าใจเป็นของตัวเอง ไม่ได้จำกัดแค่สิ่งที่กษัตริย์กระบี่ถ่ายทอดให้ ทั้งยังประสานกับบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดที่ท่านได้มาแต่เกิด จึงเดินบนเส้นทางที่เป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่แค่พรสวรรค์เท่านั้น แม้แต่สติปัญญาก็ล้ำเลิศ จนแสดงพรสวรรค์ออกมาได้อย่างหมดจด”
“มิน่า มิน่า…คำพูดในตอนนั้นของเลี่ยนพายัพบอกว่าท่านอยู่เหนือกว่าไป๋หรดีตั้งแต่แล้ว!”
ในตอนที่เนี่ยจิงเสินเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง เขาเคยแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลิน ทั้งสองฝ่ายสู้เสมอ
หากสู้กันเป็นตาย ผลลัพธ์ยังคงเป็นปริศนา
แต่หลังการต่อสู้ ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินเคยกล่าวว่า ‘ในหมู่ลูกศิษย์ของกษัตริย์กระบี่ จิงเสินคือที่หนึ่ง’
คำพูดนี้พอกระจายออกไป แต่ละคนก็เกิดความเข้าใจต่างกัน
มีคนส่วนหนึ่งคิดว่า นั่นบ่งบอกว่าศักยภาพของเนี่ยจิงเสินแข็งแกร่งถึงขีดสุด ในอนาคตจะมีความสำเร็จสูงสุด แต่ว่าด้วยระดับและสายตาของจักรพรรดิเอกภพ วันนี้หลังจากได้ต่อสู้กับเนี่ยจิงเสินด้วยตัวเอง กลับยืนยันได้ว่าความจริงแล้วเป็นเลี่ยนจู่หลินสำนึกตัวว่าสู้ไม่ได้!
เนี่ยจิงเสินในตอนนั้น ถ้าหากสู้กันถึงตาย สามารถอยู่เหนือกว่านางกับประมุขหรดีไป๋เทา!
“ไม่ใช่วิชาของกษัตริย์กระบี่ ไม่ใช่วิชาของเทพกระบี่…” จักรพรรดิเอกภพมองเนี่ยจิงเสิน สายตาซับซ้อนเล็กน้อย “ข้าขอกล่าววาจาที่หยามเกียรติกษัตริย์กระบี่ประโยคหนึ่ง ความสำเร็จในอนาคตของเนี่ยทักษิณท่าน เกรงว่าจะเป็นคลื่นลูกหลังไล่กลบคลื่นลูกหน้าแล้ว”
“ท่านเดินบนเส้นทางของตัวเอง ความสำเร็จในอนาคตอย่างแย่ที่สุดคือต่ำกว่าราชันพระศุกร์ ถ้าหากท่านไม่เสียชีวิตไปเร็ว มรรคากระบี่ที่เป็นของท่านนี้จะยิ่งมายิ่งสมบูรณ์แบบ ยิ่งมายิ่งล้ำลึก พร้อมกับระดับพลังฝึกปรือของท่านที่ยิ่งมายิ่งสูงส่ง อนาคตของท่าน…”
“จักรพรรดิเอกภพชมกันเกินไป ข้าผู้แซ่เนี่ยไม่กล้ารับ” เนี่ยจิงเสินเหยียบย่างในอากาศ ขวางกระบี่หน้าทรวงอก มองจักรพรรดิเอกภพกำเนิดอย่างเรียบเฉย
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดส่ายหน้า “ข้าเชื่อว่ากษัตริย์กระบี่จะมีการวินิจฉัยเหมือนกัน”
ด้วยสายตาของเขาย่อมมองออกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับตนเอง แม้เนี่ยจิงเสินจะใช้พลังทั้งหมด กลับไม่อาจไปอยู่ในห้วงความเป็นความตายที่ต้องสู้สุดชีวิตอย่างแท้จริง
นี่เป็นคนหนุ่มที่เจอแข็งแกร่งยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งสู้ยิ่งเหี้ยมหาญ
แน่นอนว่าเขาที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเสี่ยงชีวิตกับเซียนจริงแท้ได้
มนุษย์เซียนเมื่อลงมายังโลกมนุษย์ อยู่ในสถานะมั่นคงไม่มีวันแพ้ ไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดย่อมมีความสามารถกางค่ายกลได้ตามต้องการ แต่หลังจากสู้กับเนี่ยจิงเสินได้สองสามกระบวนท่า เขาก็ตัดความคิดที่จะใช้ค่ายกลกักขังศัตรู
เขามาที่นี่เพราะต้องการลายมือแห่งแผ่นดิน
หากตั้งใจควบคุมค่ายกล บางทีอาจกักขังเนี่ยจิงเสินได้นาน แต่เมื่อเป็นแบบนั้น เขาจะไม่มีเวลาไปเอาลายมือแห่งแผ่นดินออกมา
เมื่อไม่ตั้งใจควบคุมค่ายกล เช่นนั้นก็เหมือนตอนที่สู้กับจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง เนี่ยจิงเสินสามารถทะลวงออกจากค่ายกลในเวลาแค่อันสั้น เมื่อมีเวลาน้อยเกินไป จักรพรรดิเอกภพก็ไม่อาจเอาลายมือไปได้ตามที่ต้องการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี