จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงยืนอยู่บนธารน้ำแข็ง คนไม่ขยับเหมือนกับรูปแกะสลัก
นางหลับตา สีหน้าไร้ความรู้สึก แต่อาภรณ์บนร่างพลิ้วไหวแม้ไร้ลม แสดงให้เห็นว่าจิตใจไม่สงบ
ความทรงจำในส่วนลึกของจิตใจปรากฏขึ้นมาไม่หยุด ไม่ขาดตอนแม้แต่วินาทีเดียว นางไม่อาจลืมเลือนเรื่องราวเรื่องหนึ่งในบ่ายที่แสงอาทิตย์งดงามวันหนึ่งบนยอดเขาเมฆมรกตที่ดูธรรมดา แต่ก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองนับจากนั้น
สำหรับนางแล้ว ตอนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
ครั้งนั้นจู่ๆ อาจารย์ก็พาเด็กผู้หญิงที่อายุแค่สี่ห้าปีกลับมา มองไปดูเหมือนสลักเสลาจากหยก บริสุทธิ์น่ารัก ทำให้นางพอเห็นครั้งแรกก็รักใคร่ทันที
ทุกประโยคในวันนั้น จนกระทั่งวันนี้ เจี่ยหมิงคงยังจำได้ชัดเจน
“ท่านอาจารย์ นี่เป็นบุตรีบ้านใด เป็นศิษย์ที่ท่านเพิ่งรับหรือ” นางจำได้ว่าตอนนั้นนางถามเช่นนี้
ปฏิกิริยาของท่านอาจารย์แปลกกระหลาดไปบ้าง หลังจากเงียบงันเล็กน้อยก็ตอบว่า “บุตรีของคนรู้จัก แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าเตรียมจะรับนางเป็นศิษย์ ให้นางใช้ชีวิตร่วมกับพวกเราจริงๆ”
“นางยังอายุน้อย หมิงคงเจ้าช่วยดูแลนางให้มากๆ ละ”
ตอนนั้น เจี่ยหมิงคงที่นิสัยต่างจากตอนนี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นย่อมแน่นอน ท่านอาจารย์วางใจได้เต็มที่”
เฉินเสวียนจงผงกศีรษะเล็กน้อย ลอบส่งกระแสเสียงบอกนาง ว่าบิดามารดาของเด็กหญิงคนนี้ต่างเสียชีวิตไปแล้ว
เจี่ยหมิงคงได้ฟังดังนั้น ในใจก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ นางโน้มตัวลงโอบกอดเด็กหญิง “ขอให้ยึดถือที่นี่เหมือนบ้านตัวเอง มีเรื่องอะไรบอกกับศิษย์พี่ได้เต็มที่ ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”
เด็กหญิงตัวน้อยยังมึนงงสับสนอยู่บ้าง ไม่อาจเข้าใจความหมายในวาจาของเจี่ยหมิงคง แต่นางเหมือนรู้สึกได้ถึงความหวังดีของอีกฝ่าย
พี่สาวสวมอาภรณ์ขาว หน้าตางามหมดจดตรงหน้านี้ทำให้นางรู้สึกดียิ่ง ดังนั้นเมื่อถูกเจี่ยหมิงคงกอด เด็กหญิงจึงไม่ปฏิเสธ ไม่กลัวแม้แต่น้อย กลับหัวเราะคิกคักขึ้นด้วยซ้ำไป
เจี่ยหมิงคงเห็นแล้วก็รู้สึกยินดียิ่ง ยิ้มเฉิดฉันราวกับบุผา
คนหนุ่มผมขาวมองดูอยู่ด้านข้าง สายตาอ่อนโยน แต่ส่วนลึกของดวงตาแฝงความรู้สึกอย่างอื่น
เจี่ยหมิงคงในตอนนั้นไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น นางเพียงรู้สึกว่าตนถูกชะตากับเด็กผู้หญิงตรงหน้า
เด็กคนนี้กลายเป็นศิษย์น้องของนางแล้ว นางดีใจยิ่ง
“เจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ” เจี่ยหมิงคงกอดเด็กน้อยพร้อมถามด้วยรอยยิ้ม
“หลีหลี…” เด็กหญิงตอบด้วยเสียงเล็กๆ “ข้าชื่อหลีหลี”
“ฉู่หลีหลี” เฉินเสวียนจงที่เพียงมองพวกนางเงียบๆ ยามนี้เอ่ยปากขึ้น
เจียหมิงคงได้ยินก็งงงันเล็กน้อย “ฉู่…หลีหลี? ข้าจำได้ว่าอาจารย์ท่านมีคนรู้จักคนหนึ่งชื่อฉู่หวน ผู้อาวุโสฉู่ แซ่ฉู่เช่นกัน หลีหลีเป็นบุตรีของเขาหรือ”
เฉินเสวียนจงพยักหน้า ไม่ได้พูดะไรมาก
ตอนนั้นเจี่ยหมิงคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเช่นกัน จนกระทั่งในภายหลังนางจึงค่อยทราบว่าชื่อนั้นหมายความว่าอะไร
นั่นเป็นเพราะเจี่ยหมิงคงค้นพบว่าฉู่หลีหลีแตกต่างกับนาง ตัวนางสามารถเดินทางบนโลกซ้อนโลกได้ตามใจ คนทั้งโลกรู้ว่านางเป็นลูกศิษย์ของกษัตริย์ดารา แต่ฉู่หลีหลีกลับได้แต่ใช้ชีวิตอยู่บนเขาเมฆมรกตตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นที่หลังจากกราบเฉินเสวียนจงอย่างเป็นทางการแล้ว ฉู่หลีหลีก็ถูกจัดให้อยู่ที่หลังเขาคนเดียว ไม่ได้อยู่ในอารามคลื่นเย็นเยียบ
นอกจากเฉินเสวียนจง กษัตริย์ดิน และกษัตริย์เร้นลับแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือระดับสุดยอดคนอื่นๆ บนโลกซ้อนโลกก็ไม่ทราบถึงการดำรงอยู่และที่อยู่ของนาง
ผู้ที่เป็นข้อยกเว้นมีแค่คนไม่กี่คน เช่น เจี่ยหมิงคง เยว่เจิ้นเป่ย หวังเจิ้งเฉิงเท่านั้น
โชคดีที่ฉู่หลีหลีมีนิสัยร่าเริง แม้ว่าปกติจะรู้สึกเดียวดาย แต่ก็ยังเติบโตขึ้นทุกวันอย่างสงบสุข
พวกเจี่ยหมิงคงและเยว่เจิ้นเป่ยได้สัมผัสกับนางบ่อยครั้ง นางยิ่งไว้ใจและใกล้ชิด
โดยเฉพาะเนื่องจากเข้าสำนักตั้งแต่ยังอายุน้อยยิ่ง เจี่ยหมิงคงที่ดูแลนางตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ยิ่งมีความผูกพันธ์เหมือนเป็นพี่สาวและมารดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี