ในนพยมโลกที่ปั่นป่วนวุ่นวาย ควันมารดำมืดถูกวาดล้างไปแถบใหญ่
รอบบริเวณมีเพียงแต่พายุและเกล็ดหิมะครอบคลุมอยู่
จุดที่เจี่ยหมิงคงใช้ตามอง ลมและหิมะกลายเป็นดาบคมไร้น้ำใจ เข่นฆ่าทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ โดยมีนางเป็นศูนย์กลาง
ฝนน้ำแข็งร่วงหล่นจากฟากฟ้า เหมือนพายุฝนคมดามที่ถี่ยิบจนลมก็มีอาจหลุดลออกออกไป
เกล็ดน้ำแข็งกลับกลายเป็นคมดาบ พุ่งใส่ประกายกระบี่ของจักรพรรดิอุรุไม่ขาดสาย สะสมจากน้อยเป็นมาก เสมือนปั้นทรายเป็นหอคอย กระแทกกระทั้นจนประกายกระบี่สั่นไหวไม่หยุดยั้ง ยากจะป้องกันต่อไป และไม่อาจเคลื่อนไปด้านหน้าได้
ห่างจากดวงแสงนั้นเพียงคืบเดียว กลับเป็นเกาทัณฑ์แรงปลาย ไม่อาจยิงทะลุผ้าแพรต่วน
คมดาบที่ถี่ยิบนั้นฟันลงใส่จักรพรรดิอุรุ
จักรพรรดิอุรุสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วหมุนร่าง ประกายกระบี่สีดำหลายสายพุ่งออกมาจากด้านในกาย
ปราณสีดำมากมายกลายเป็นตาข่าย สานกันแน่นหนา ก่อนจะป้องกันพายุหิมะทั่วฟ้า
แทบจะในชั่วพริบตา จักรพรรดิอุรุถูกน้ำแข็งและหิมะกว้างใหญ่ครอบคลุมใส่ จนเหมือนกลายเป็นรังไหมขนาดใหญ่
หิมะและน้ำแข็งที่เป็นประกายถูกตาข่ายสีดำขวางทาง ตามตาข่ายมีน้ำแข็มแหลมคมติดอยู่หลายแท่ง
ประกายกระบี่สีดำกับคมดาบสีขาวเผยให้เห็นถึงจิตสังหารที่ดุร้ายเย็นเยือก ปะทะใส่กันและกัน
สภาวะกระบี่ของจักพรรรดิอุรุไม่หยุดนิ่ง ด้านในปราณกระบี่สีดำกว้างใหญ่มีประกายกระบี่สีแดงสว่างวาบขึ้น ฟันทำลายมิติช่องว่าง
ประกายกระบี่ที่ทำลายเวลา เข่นฆ่าสรรพชีวิตเหมือนกับทลายรังไหมเพื่อคืนชีพ พุ่งออกจากการครอบคลุมของพายุหิมะ
แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในตอนนี้ เป็นดวงตาที่เปล่งประกายสีฟ้าคู่หนึ่ง
เจี่ยหมิงคงใบหน้าเย็นชาเรียบเฉย ยกมือหนึ่งขึ้นสูง ห้านิ้วตั้งประดุจดาบ จากนั้นก็ฟันลงเหมือนไม่นำพา
ประกายเย็นเยียบกะพริบ โลหิตกระจัดกระจาย
จักรพรรดิสัจอุรุครางหนักๆ คำหนึ่ง มือขวาที่กลายเป็นคมกระบี่ของเขา ถูกเจี่ยหมิงคงฟันขาดถึงข้อศอก!
หลังจากหนึ่งดาบ เจี่ยหมิงคงไม่หยุดมือ ชูคมดาบขึ้นอีกหน
จักรพรรดิปฐพีศานติขับความเย็นจากหิมะน้ำแข็งที่ครอบคลุมอยู่ออก รีบเร่งพุ่งเข้าไปขวางคมกระบี่ของเจี่ยหมิงคงแทนจักรพรรดิอุรุ
เกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดอันเป็นอาวุธเซียนเพิ่มพลังให้แก่จักรพรรดิศานติ ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิม
ในเมื่อเป็นเกราะ เช่นนั้นนอกจากจะช่วยเหลือด้านการจู่โจมแล้ว พลังป้องกันย่อมโดดเด่นยิ่งกว่า แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างที่ว่า หลังจากรับดาบของเจี่ยหมิงคงแล้ว พยัคฆ์มังกรต่างส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดพร้อมกัน แสงสีทองและแดงพลันมืดมัวลงไป
น้ำแข็งและหิมะทั่วฟ้าม้วนพัด กำลังจะแช่แข็งจักรพรรดิศานติไปพร้อมกับเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาด
“เจี่ยหมิงคง ประเสริฐนัก!” จักรพรรดิศานติตวาดขึ้นเสียงหนึ่ง ภายใต้แรงกดดันกลับกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิม
เขาดวงตาเคร่งขรึม ยื่นมือสองข้างออกมาด้านหน้า ประกบสิบนิ้วเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นด้านบน เหมือนกับกำลังยกอะไรบางอย่าง
แสงสว่างกะพริบ กลายเป็นมังกรจริงแท้และและพยัคฆ์ร้ายหลายตัว แล้วลอยขึ้นด้านบนด้วยกัน
ประกายที่มืดมัวลงของเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดผนึกกันอีกครั้ง กลับละทิ้งการป้องกันทั้งหมด แต่รวมพลังไว้ที่สองมือของจักรพรรดิศานติ
สุดท้ายมังกรและพยัคฆ์บินเข้าหากัน แสงสว่างปรากฏ กอปรเป็นหยกหรูอี้ขนาดยักษ์ท่อนหนึ่งกลางสองมือของจักรพรรดิศานติ
ในยุคสถานปนาเทพเจ้า ยุคตำนานเมื่อครั้งโบราณกาล เจ้าแม่จินหลิงผู้ยิ่งใหญ่แห่งลัทธิเจี๋ยเจี้ยว ลูกศิษย์สายตรงของบรรพจารย์เทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ ใช้หยกหรูอี้พยัคฆ์มังกรจนฟ้าดินพลิกคว่ำ
จักรพรรดิศานติเป็นผู้สืบทอดสายตรงของเจ้าแม่จินหลิงที่มีอยู่ไม่กี่คนในยุคสมัยนี้
ห้าอัคคีเจ็ดวิหคเลียนแบบของราชวงศ์เต้าเสวียนอ๋องบนทะเลหวงเจียที่โลกซ้อนโลกในครั้งกระโน้น เป็นแค่วิชารอบนอกสายหยกพิสุทธิ์ที่คนรุ่นหลังเลียนแบบขึ้น หยกหรูอี้ที่เกิดจากการผนึกรวมญาณจริงแท้วรยุทธ์และปราณเซียนทั่วร่างในตอนนี้ของจักรพรรดิศานติ กลับเป็นสำนักสายเหนือพิสุทธิ์ดั้งเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี