ตัวอักษรบนกำแพงน้ำหายไป แต่ก็ยังไม่ได้มีคำสั่งให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปข้างใน
อาหู่กำลังมองกำแพงน้ำแหวกออกเป็นโพรง อดไม่ได้ที่จะอ้าปากตาค้าง
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าท่าทางสงบนิ่งเป็นปกติ โค้งคำนับไปทางกำแพงน้ำนั้นครั้งหนึ่ง “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ฟู่ขอรับ”
จากนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็เดินเข้าไปในทางเข้าที่แหวกออกเป็นโพรงบนกำแพงน้ำนั้น
อาหู่ยังคงตะลึงอยู่บ้าง แต่ก็เดินตามหลังเยี่ยนจ้าวเกอไปตามสัญชาตญาณ
สักพักใหญ่ อาหู่ถึงได้สติกลับคืนมา “คุณชายขอรับ ท่านทำได้อย่างไรกัน”
ชายหนุ่มดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “อาจารย์ฟู่ได้พบกับศิษย์น้องเฟิงแล้ว แต่ท่านไขความลับที่ทำให้จันทรากายของศิษย์น้องเฟิงฟื้นฟูไม่ได้ ด้วยความใคร่รู้จนทนไม่ไหว จึงให้พวกเราเข้ามาอย่างไรเล่า”
อีกฝ่ายตะลึงงัน “ง่ายเช่นนั้นเลยหรือขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “อาจารย์ป้าฟู่ก็เป็นคนเช่นนี้แหละ เทียบกับศักดิ์ศรีแล้ว นางให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้มากกว่า อีกอย่าง ข้าก็แค่โดนพาลโมโหไปด้วย ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช่ท่านพ่อ”
เขาไพล่มือทั้งสองไว้ข้างหลัง เดินไปอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่ชักช้า “แน่นอนอยู่แล้วว่าอาจารย์ป้าฟู่เป็นคนที่เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าพลิกหนังสืออีก ไม่แน่ว่ารอให้ไขปัญหาได้แล้ว นางอาจจะโยนข้าออกไปอีกก็เป็นได้”
อาหู่หดคอลง “คุณชายท่านจะต้องออมมือหน่อยนะขอรับ ท่านถูกโยนออกไป ข้าเองก็ต้องโดนด้วยแน่ๆ”
ทั้งสองสนทนาไปพลาง เดินเหินบนน้ำไปพลาง จนมาถึงใจกลางทะเลสาบ
ภายใต้ศาลาขนาดมหึมาอันแปรสภาพมาจากเมฆสีขาว เป็นเกาะขนาดเล็กกลางทะเลสาบเล็กๆ ชายขอบเกาะถูกเมฆสีขาวปกคลุมจนทั่ว
ยอดเขาหนึ่งบนเกาะเล็กๆ เฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิงยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง ส่วนเบื้องหน้าของพวกนางมีสตรีสวมอาภรณ์สีเขียวกำลังมองลงมาอย่างเงียบๆ
สตรีผู้นี้ดูจากหน้าตาแล้วยากที่จะคาดเดาอายุได้อยู่บ้าง นางเหมือนกับอายุยี่สิบต้นๆ ทว่าก็เหมือนกับอายุสามสิบกว่าๆ หน้าตาของนางงดงามไม่ด้อยไปกว่าซือคงจิงและเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย
เนื่องด้วยการบ่มเพาะของกาลเวลา บัดนี้ดูให้ดีๆ แล้วเหมือนจะสวยกว่าหญิงสาวทั้งสองคนเสียอีก
เยี่ยนจ้าวเกอเดินขึ้นเขามา ครั้นเห็นสตรีผู้นี้ เขาก็โค้งตัวคำนับทันที “อาจารย์ฟู่”
นางก็คือฟู่เอินซูนั่นเอง สีหน้าท่าทางของนางเป็นปกติ จนดูไม่ออกเลยว่าเคยทิ้งเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้ด้านนอกก่อนหน้านี้เลยสักนิด
“ข้าพอใจลูกศิษย์ทั้งสองคนมาก ข้าขอรับพวกนางไว้เลยแล้วกัน ส่วนบันทึกของทางสำนัก ให้ตั้งพวกนางทั้งสองเป็นลูกศิษย์รับสืบทอดหลักได้เลย”
ประโยคแรกที่ฟู่เอินซูกล่าวหลังจากพบกัน ก็ได้แสดงความพออกพอใจที่มีต่อเฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิงเป็นอันดับแรก
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง แววตาของฝ่ายตรงข้ามแสดงความรู้สึกขอบคุณจากใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือจิตใจที่แน่วแน่ เพราะมีความหวังที่จะหวนกลับมาเป็นใหญ่ได้อีกครั้ง สำหรับนางที่อิ่มเอมกับความลำบากแสนเข็ญก่อนหน้านี้แล้ว การคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด
จะว่าไปแล้วการที่นางเข้าสำนักเขากว่างเฉิงมาได้ แม้ว่าจะเก็บข้อมูลตัวตนของนางเป็นความลับ ผู้คนจำนวนมากไม่ทราบความเป็นมาที่แท้จริงของนาง คิดว่าเป็นเพียงคนที่สำนักรับเอาไว้โดยไม่ตั้งใจ
ตอนนี้ข่าวที่นางเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สืบทอดหลักยังไม่ได้เผยแพร่ออกไป รอจนข่าวเผยแพร่ออกไปแล้ว คิดว่าคงมีคลื่นลูกใหญ่เกิดขึ้นแน่ อย่างไรเสียนางก็เพิ่งเข้าสำนักมาได้เพียงครึ่งปี กระโดดก้าวก็เดียวทะยานขึ้นฟ้าเสียแล้ว
ซือคงจิงที่อยู่ด้านข้างเองก็เข้าสำนักมาหลายปีแล้ว ผ่านการฝึกฝนหนักหน่วงมากมายกว่าจะมาถึงวันนี้ได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปทางซือคงจิง เห็นแววตาสดใสของนาง ทั้งยังเห็นความดีอกดีใจและความหวังอยู่หลายส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี