ฟู่เอินซูมองเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มเองก็ไม่อ้อมค้อม เขายิ้มน้อยๆ ครั้งหนึ่ง “สองวิธีการ ลงมือพร้อมกันทั้งสองวิธีเลยขอรับ”
“วิธีแรก ก็คือ ‘คัมภีร์แห่งจันทรา’ คัมภีร์วรยุทธ์ลับที่ข้าได้รับมาตอนที่ออกเดินทางก่อนหน้านี้ เป็นคัมภีร์วรยุทธ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ใช้สำหรับการฝึกฝนสตรีแห่งจันทราโดยเฉพาะ”
แววตาของฟู่เอินซูทอประกาย จดจ้องเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ละสายตา
เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ข้างๆ กลับตะลึงงันเล็กน้อย “คัมภีร์แห่งจันทราหรือ? ”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ไม่ผิดหรอก ดูท่าเจ้าเองก็เคยได้ยินมาก่อน”
เฟิงอวิ๋นเซิงบ่นพึมพำ “เคยได้ยิน…ท่านผู้อาวุโสในอดีตเคยเอ่ยถึง สตรีแห่งจันทราเช่นพวกเรา ฝึกวรยุทธ์อื่นตอนนี้ไม่ทำให้ได้เปรียบแต่อย่างใด ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไปที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ของตน แต่มีคำเล่าลือว่าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มีวรยุทธ์ที่มีชื่อว่าคัมภีร์จันทรา ซึ่งเป็นคัมภีร์ลับที่เหมาะจะใช้ฝึกสตรีแห่งจันทรา หากสตรีแห่งจันทราใช้คัมภีร์นี้ฝึกฝน อย่าว่าแต่ระดับวรยุทธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันยังสามารถส่งเสริมจันทรากายทำให้พลังแห่งจันทราแข็งแกร่งขึ้นด้วย”
นางมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “แต่หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ คัมภีร์ลับเล่มนี้ก็สูญหายไป แม้แต่คำพูดตัวอักษรเล็กน้อยก็ไม่เหลือไว้ เหลือเพียงแค่ตำนานเล่าขานต่อๆ กันมาเท่านั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยและฟังนางพูดจนจบ จากนั้นจึงกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ผิด วิธีที่จะช่วยเจ้าฟื้นคืนจันทรากาย เป็นวิธีที่ข้าคิดขึ้นเอง แต่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากคัมภีร์แห่งจันทราเช่นกัน”
ชายหนุ่มกล่าวพลางมองไปที่ฟู่เอินซู “เรื่องนี้ทั้งสำนักมีเพียงท่านอาจารย์ปู่กับท่านพ่อที่ทราบ ท่านเป็นยอดฝีมือระดับสูงคนที่สามที่รับรู้เรื่องนี้ หลังจากที่ข้าเสาะหาจนได้คัมภีร์แห่งจันทรามา ท่านก็เข้าฌานมาโดยตลอด ก็เลยเพิ่งได้บอกกล่าวท่านในวันนี้”
ฟู่เอินซูผงกศีรษะ พลางกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “เรื่องนี้เจ้าได้มีส่วนอุทิศไม่น้อย แต่ในเมื่อคัมภีร์แห่งจันทราก็มีแล้ว เจ้ามอบให้ข้า ข้าถ่ายทอดให้กับอวิ๋นเซิงก็ไม่ต่างกันนี่”
เฟิงอวิ๋นเซิงและซือคงจิงได้แต่อ้าปากค้าง ไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไร
อาหู่เองก็ก้มหน้ามองพื้น คนที่สามารถกล่าวคำพูดเช่นนี้ได้หน้าตาเฉย ก็มีแต่ผู้อาวุโสฟู่ตรงหน้าผู้นี้เท่านั้น
ฟู่เอินซูกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าไม่คิดจะแย่งผลงานของเจ้าหรอก บำเหน็จที่ควรเป็นของเจ้า ทางสำนักก็ต้องให้เจ้าแน่อยู่แล้ว เพียงแต่ปกติข้าก็ต้องสอนเฟิงอวิ๋นเซิงรฝึกวรยุทธ์อยู่แล้ว สามารถรวบรัดรวมกันได้พอดี เหตุใดต้องลำบากสองคนทำเรื่องเดียวด้วย การฝึกฝนของเจ้าเองก็จะล่าช้าไม่ได้เช่นกัน”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “นอกเสียจากว่าเจ้ามีความคิดอะไรอย่างอื่นอยู่ ถึงวางแผนจะประกบเช้าเย็น”
“แค่ก แค่ก…” อาหู่แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
ซือคงจิงที่ปกติแล้วเย็นชา ก็มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างสนใจใคร่รู้เช่นกัน
เฟิงอวิ๋นเซิงกะพริบตาปริบๆ ทว่าไม่ได้แสดงสีหน้าเขินอายเยี่ยงหญิงสาวแต่อย่างใด กระนั้นในดวงตากลมโตกลับแฝงความตลกขบขันอยู่หลายส่วน ทั้งยังมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ
เยี่ยนจ้าวเกอถูกสายตาของทุกคนจับจ้อง ทว่าสีหน้าก็ยังเป็นเช่นปกติ ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวสักนิด
ฟู่เอินซูกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เจ้ารับหน้าที่บ่มเพาะพลังแห่งจันทราของเฟิงอวิ๋นเซิง ก็ต้องไปมาหาสู่กับข้าบ่อยๆ เป็นเพราะปัญหาของรุ่นก่อน เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับข้า แท้จริงแล้วก็คงอึดอัดใจอยู่บ้างใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดจะต้องลำบากด้วย”
คำพูดของนางตรงไปตรงมายิ่งขึ้น จนเยี่ยนจ้าวเกอได้แต่ยิ้มแห้งๆ
อาจารย์ท่านนี้ยังคงสนใจแต่ความสบายใจของตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่นจริงๆ
ถึงกระนั้นจริงๆ แล้วเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เพราะถึงแม้ว่าคำพูดของฟู่เอินซูจะไม่ได้เกรงอกเกรงใจกัน แต่จริงๆ แต่ความคิดของนางก็มีเหตุผล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี