“วิญญาณตำหนัก”
จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความพร่าเลือนชั่วพริบตา จากนั้นก็กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
“ตามปกติสมควรอยู่ที่นี่” เขาพยักหน้ากล่าว
สิ่งก่อสร้างหลักจำนวนมากในวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ต่างมีวิญญาณตำหนักเป็นของตัวเอง เพื่อเอาไว้คงสภาพการทำงานในยามปกติ ไม่จำเป็นต้องให้ยอดฝีมือจากวังเทพมาใส่ใจดูแล
ตัววิญญาณตำหนักแม้จะมีวิญญาณ แต่ว่าไม่มีสติปัญญา ไม่ได้มีจิตใจ ความคิด และความทรงจำเป็นของตัวเองเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ได้แต่จัดการเรื่องราวต่างๆ แบบเครื่องจักร
จักรพรรดิสัญญะเมฆเหมือนนึกอะไรได้ ติดอยู่ในห้วงภวังค์
เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวอยู่ในหอคอย ใช้นิ้ววาดผ่านโต๊ะเก้าอี้ซึ่งเป็นของตกแต่งด้านใน เขาวาดยันต์วิญญาณสายแล้วสายเล่า อักษรอาคมหายไปในอากาศด้านในหอคอย หายไปโดยไม่สัมผัสกับสิ่งก่อสร้าง
จักรพรรดิเมฆกับเฮ่อเหมี่ยนสองศิษย์อาจารย์มองการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกออย่างเงียบๆ ไม่ได้รบกวน และไม่ได้แข่งขันแย่งชิง
ครู่ต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอก็ส่ายหน้า “ไม่อาจหลอมเปลี่ยนตำหนักโอสถที่อยู่ในการควบคุมนี้ได้ เหมือนกับถูกขวางไว้ด้วยชั้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ยังห่างไกลจากความสำเร็จ”
“ถ้าหากว่าวิญญาณตำหนักได้สูญสลายไปแล้ว เช่นนั้นถึงการหลอมเปลี่ยนจะสิ้นเปลืองทั้งเวลาและพลัง แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะสำเร็จ” จักรพรรดิเมฆลดเสียงกล่าว “ไม่อาจหลอมเปลี่ยนได้โดยสมบูรณ์ หมายความว่าวิญญาณตำหนักยังคง…”
เฮ่อเหมี่ยนขมวดคิ้ว “แต่วิญญาณตำหนักคล้ายกลับไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าหากว่าไม่ใช่ได้รับบาดเจ็บจนอยู่ในห้วงหลับใหล เช่นนั้นก็หมายความว่าวิญญาณตำหนักออกจากหอเซียนม่วง?”
เขามองอาจารย์ของตัวเองอย่างไม่แน่ใจนัก
“ถูกต้อง แต่ตามปกติ นั่นสมควรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” จักรพรรดิเมฆหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ก่อนหน้านี้เซียนผู้ถูกเนรเทศบอกว่า ตัวตำหนักโอสถแห่งนี้มีความผิดปกติ ดูจากตอนนี้น่าจะเป็นความจริง”
เยี่ยนจ้าวเกอเงยมองยอดหอคอย เงียบงันไม่พูดจา
เฮ่อเหมี่ยนยามนี้เข้าใจ สีหน้าฉายแววเหลือเชื่อ “วิญญาณตำหนักโอสถมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง”
“ไม่เพียงแต่เกิดสติปัญญาขึ้น ยังผนึกตัวเป็นวิญญาณ ออกไปจากที่สิงสถิต” จักรพรรดิเมฆกล่าวอย่างเชื่องช้า
‘ที่สิงสถิต’ ในที่นี้ ย่อมหมายถึงหอเซียนม่วงที่คนทั้งสามอยู่ในตอนนี้
“ถึงแม้จะออกจากหอเซียนม่วงได้ แต่ว่ายังคงไม่อาจออกจากอาณาเขตของตำหนักโอสถ ได้แต่เคลื่อนไหวอยู่กลางจักรวาลในตำหนัก” จักรพรรดิเมฆทอดถอนใจ “คนที่มาถึงก่อนและได้ยึดครองที่แห่งนี้ ไม่ใช่คนจากวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และไม่เหมือนเป็นผู้มาจากภายนอกเช่นพวกเรา”
แต่ว่าเป็นวิญญาณตำหนักโอสถที่มีความคิดเป็นของตัวเอง!
“คนทั้งสามจากยอดเขาขาวเรืองที่หายไปก่อนหน้านี้ เป็นฝีมือของวิญญาณตำหนักนี้?” เฮ่อเหมี่ยนคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องอื่นได้อย่างรวดเร็ว ถามเสียงทุ้มต่ำ
จักรพรรดิเมฆพยักหน้าเบาๆ “สมควรไม่ผิด เพียงแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้พวกเขาเป็นหรือตาย และไม่ทราบว่าวิญญาณของตำหนักโอสถดวงนั้นจับพวกเขามาทำอะไร”
“พวกเขาสามคน กับสหายร่วมเส้นทางจากยอดเขาอัศจรรย์สามท่านที่หายตัวไปด้วยกันในตอนนั้น ต่างประสบเพทภัย” เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้กล่าวเสียงเบา
จักรพรรดิเมฆกับเฮ่อเหมี่ยนอดมองเขาไม่ได้
“ศพของพวกเขาหกคนล้วนเป็นข้าผู้แซ่เยี่ยนเก็บไว้” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
ถึงแม้จะมีข้อพิพาทกับสายสืบทอดของกษัตริย์ลี้ลับ กระนั้นจักรพรรดิเมฆกับเฮ่อเหมี่ยนตอนนี้ล้วนพยักหน้า กล่าว “เซียนผู้ถูกเนรเทศมีน้ำใจแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กล่าวอะไรมาก เคลื่อนไหวในหอคอยต่อ
“ถ้าหากว่าวิญญาณตำหนักโอสถมีสติปัญญา ทั้งยังมีความคิดเล่นงานพวกเรา นั่นไหนเลยไม่ใช่สะดวกถึงขีดสุด พวกเราเท่ากับเป็นแกะเข้าปากเสือ?” เฮ่อเหมี่ยนนิ้วหน้าพลางพูดขึ้น
“หลังจากมันออกจากหอเซียนม่วง พลังการควบคุมตำหนักโอสถของมันก็จะลดลงด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้หันหลังกลับ ค้นหาในหอคอยพร้อมกับตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี