ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 1263

“ท่านบรรพบุรุษ? อาศัยอยู่บนวังเทพ?” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง คล้ายนึกอะไรได้

เขามองปีศาจกระทิงดำสองตนนั้น จากนั้นก็มองจิ้งจอกสองตัวนั้น “พวกท่านดูเหมือนไม่ใช่สามีภรรยาหรือคู่รัก แต่ว่าการจับกลุ่มแบบนี้ทำให้ข้านึกถึงจอมปีศาจที่โด่งดั่งตนหนึ่ง”

จักรพรรดิเมฆกับเฮ่อเหมี่ยนที่อยู่ข้างๆ ตาเป็นประกาย “…มหาเทวะสยบฟ้า ราชาปีศาจกระทิง?”

ราชาปีศาจกระทิง หรือราชาปีศาจกระทิงจอมพลัง ราชาจอมพลัง เรียกตัวเองว่า มหาเทวะสยบฟ้า

ฉายานี้ ปัจจุบันกลายเป็นตัวตนที่เหมือนกับเรื่องเล่าเทพนิยาย ทำให้คนในยุคนี้ส่วนใหญ่ยากจะรู้จักได้โดยตรง

แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อ่านตำรับตำรามากมาย หรือจักรพรรดิสัญญะเมฆสองศิษย์อาจารย์ผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ ล้วนทราบว่าชื่อนี้หมายถึงอะไร

มหาเทวะสยบฟ้าเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจสยบจักรวาลในยุคตำนานไซอิ๋ว กอปรด้วยความสามารถ มีอำนาจยิ่งใหญ่

ถึงแม้ปีศาจกระทิงทั้งสองตนจะถูกสะกดจับไว้ แต่วินาทีนี้ตั้งตัวตรง รู้สึกเป็นเกียรติ

กระนั้นคล้ายกับพอนึกถึงว่าตนถูกคนจับเป็น โดยเฉพาะยังถูกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์จับเป็นในฐานะเซียนปีศาจ ทำให้บรรพชนขายขี้หน้า พวกเขาพลันหมดอาลัยตายอยาก

ปีศาจกระทิงในยุคตำนานไซอิ๋ว นอกจากพลังฝึกปรือและการบำเพ็ญแล้ว เรื่องที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอีกด้านหนึ่งก็คือเรื่องของบุตร รวมถึงเมียหลวงเมียน้อยของเขา

องค์หญิงพัดเหล็กภรรยาหลวงของเขาไม่ต้องกล่าวมากความ

นอกจากภรรยาหลวงแล้ว ปีศาจกระทิงกลับยังมีคนรักอีกคน อยู่ในถ้ำขูดฟ้า เขาสั่งสมอัสนี ชื่อว่าองค์หญิงหน้าหยก

นั่นเป็นเผ่าจิ้งจอก

ดังนั้นพอเห็นการรวมกลุ่มของกระทิงและจิ้งจอกที่ร่วมลุกร่วมถอย ความคิดแรกในห้วงสมองของพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็คือทายาทที่เกี่ยวข้องกับราชาปีศาจกระทิงและจิ้งจอกหน้าหยก

ไม่ใช่ทายาทของราชาปีศาจกระทิงและองค์หญิงพัดเหล็ก แต่ว่าเป็นเพราะพวกเขาสองสามีภรรยา ปีศาจกระทิงกับปีศาจจิ้งจอกจึงค่อนข้างสนิทสนมกัน

ครั้งกระโน้นเผ่าปีศาจค่อยๆ เสื่อมโทรม เพื่อช่วยเหลือกันและกัน แต่ละเผ่าจึงติดต่อกันมากกว่าเดิม

เมื่อคนรุ่นก่อนมีความสัมพันธ์ รู้จักกันดีอยู่แล้ว เช่นนั้นย่อมเป็นพวกเดียวกัน สอดประสานกันได้ง่ายกว่าเดิม

หลังจากนั้น ระหว่างปีศาจกระทิงกับปีศาจจิ้งจอกก็ปรากฏคู่รักสามีภรรยาไม่น้อย

“กระนั้น…” เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาจิ้งจอกสองตนนั้นขึ้นลง “พวกท่านคล้ายไม่ใช่เผ่าจิ้งจอกหน้าหยก แต่เป็นเผ่าจิ้งจอกหน้าขาว”

จักรพรรดิสัญญะเมฆมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เซียนผู้ถูกเนรเทศรู้จักเผ่าปีศาจดียิ่ง”

จากนั้นสายตาเขาก็อยู่บนร่างจิ้งจอกสองตนนั้น “เป็นเผ่าจิ้งจอกหน้าขาว ไม่ใช่เผ่าจิ้งจอกหน้าหยกจริงๆ ถ้าเป็นจิ้งจอกหน้าขาว และเคยอยู่บนวังเทพ ท่านบรรพบุรุษ…”

เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กวางขาวของเทพโซ่วซิง!”

เทพโซ่วซิง ควบคุมอายุขัยของมนุษย์

ในเทพนิยายบางส่วน รวมเขาเข้ากับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋า แต่ว่าบนโลกใบนี้ เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังเทพคนละคนกัน

ยุคตำนานไซอิ๋วมีเรื่องเล่าเทพนิยายมากมายเล่าสืบต่อกันมาถึงยุคหลัง นอกจากราชาปีศาจกระทิงกับองค์หญิงหน้าหยกแล้ว ยังมีตำนานที่กวางขาวอันเป็นพาหนะของเทพเจ้าโซ่วซิง ฉวยโอกาสที่เทพโซ่วซิงกับจักรพรรดิตงหัวเล่นหมากล้อม แอบลงมายังแคว้นปี่ชิวกั๋ว

ปีศาจกวางขาวร่วมมือกับจิ้งจอกหน้าขาวตนหนึ่ง ปีศาจจิ้งจอกแปลงเป็นสตรีที่งามราวหยกและบุปผา ถูกถวายให้แก่กษัตริย์ ส่วนปีศาจกวางขาวตั้งตัวเป็นพระสัสสุระ

ภายหลังถูกอาจารย์ศิษย์ที่เดินทางไปยังชมพูทวีปปราบ ตอนที่กำลังจะถูกฆ่า เทพโซ่วซิงก็เข้าช่วยเหลือ พากลับไปดูแลที่วังเทพ

ถ้าหากว่าเป็นกวางขาวที่เป็นพาหนะของเทพโซ่วซิงจริงๆ เช่นนั้นปีศาจเฒ่าตนนี้อยู่ตั้งแต่ยุคโบราณตอนกลางมาถึงยุคปัจจุบัน จอมปีศาจทั่วไปย่อมไม่อาจเทียบเคียงได้

กลับไม่ใช่ว่าอยู่มานานแล้วต้องแข็งแกร่ง

อย่าเห็นว่าในเทพนิยายตำนานไซอิ๋ว กวางขาวตนนี้จะอ่อนแอ แต่ก็ยังต้องกล่าวประโยคเดิม จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอต้องดูด้วยว่าเปรียบเทียบกับผู้ใด

นั่นเป็นพาหนะของเทพโซ่วซิงในวังเทพ ไม่ใช่กวางป่าในป่าป่าเขา อย่างน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่ากวางขาวตนนั้นมีพลังแข็งแกร่งสุดขีดตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มนุษย์เซียนจำนวนมากในวังเทพยังไม่อาจสู้ได้

ยังไม่พูดถึงว่าเขาอาจจะขโมยไม้เท้าหัวมังกรของเทพโซ่วซิงไปเหมือนในตอนที่ลงมายังโลกมนุษย์เมื่อครั้งกระโน้นด้วย

ถ้าหากไม้เท้าหัวมังกรตกไปอยู่ในมือเขา ยิ่งไม่อาจคาดคิดกว่าเดิม

กล่าวอย่างไม่เกินเลยก็คือ ไม่นับวิญญาณตำหนัก คนที่ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักในปัจจุบัน ต่อให้ร่วมมือกันยังเอาชนะกวางขาวตนนั้นไม่ได้

“กวางตนนั้นเดิมทีไม่เกรงกลัววิญญาณตำหนักที่ได้รับความเสียหาย ตอนนี้วิญญาณตำหนักเสี่ยงอันตรายผลักดันพิธีกรรม อยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของตัวเอง มอบโอกาสให้กวางตนนั้นมากกว่าเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอมองจักรพรรดิเมฆสองศิษย์อาจารย์ “แต่บางทีอาจเป็นโอกาสของพวกเรา”

“เพียงแต่ระหว่างพวกเขาก็ไม่ใช่ไม่มีโอกาสร่วมมือกันโดยสมบูรณ์”

จักรพรรดิสัญญะเมฆว่า “ในเมื่อมาแล้ว หากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ ข้ารู้สึกไม่ดีนัก”

“เช่นนั้นต้องแข่งกับเวลาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทางหนึ่งจับเขาของปีศาจกระทิงเกาหลิ่งดำโยนไปตรงหน้าจักรพรรดิเมฆ

จักรพรรดิเมฆฟันกระบี่ลง เกาหลิ่งถลึงตา ไม่ทันได้ส่งเสียง ศีรษะใหญ่โตก็ถูกฟันขาด

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี