เกาชิงเสวียนสองคน เหมือนเคลื่อนไหวของใครของมัน แต่หนึ่งวิญญาณสองร่าง สองกระบี่ผสานทำนอง กอปรเป็นสภาวะร่วมกันจู่โจม
ที่คนหนึ่งใช้เป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียน อันดับหนึ่งในสี่กระบี่ล้ำค่าสายเหนือพิสุทธิ์
ที่อีกคนหนึ่งใช้กลับเป็นกระบี่หยกเบิกนภาของหลงซิงเฉวียนผู้เป็นสามี!
กระบี่เบิกผ่าฟ้าดิน กับกระบี่ทำลายฟ้าดิน ขณะนี้เชื่อมต่อหลอมรวมกัน
ถึงจะไม่กลายเป็นวรยุทธ์สะท้านโลกชนิดใหม่เหมือนดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ ทว่าขณะที่เกาชิงเสวียนใช้สองกระบี่ผสานท่วงทำนอง ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน
นางมีสถานการณ์พิเศษ กอปรด้วยพรสวรรค์มากมาย มีหนึ่งวิญญาณสองร่าง ขณะออกกระบวนท่า เหมือนกับคนคนเดียวกัน
การสอดประสานเช่นนี้ แม้เป็นฝาแฝดผสานการโจมตีด้วยสองกระบี่ ก็ยังทำไม่ได้
สองคนเมื่อฝึกฝนร่วมกัน ต่อให้คบหากันมาเป็นเป็นพันเป็นหมื่นปี ก็ไม่มีทางบริสุทธิ์ขนาดนี้
เจตจำนงกระบี่สองด้านผสมผสาน ถึงกับก่อเกิดเป็นสภาวะวัฎจักรเริ่มต้นและสิ้นสุดในการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของฟ้าดิน
ไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ แต่ว่าร่างจริงและร่างแยกของนาง พอผสานเจตจำนงกระบี่และปราณกระบี่ ก็แทบเท่ากับพลังของตัวเองสองคนเพิ่มพูนให้แก่กัน ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ
เกาชิงเสวียนออกสองกระบี่พร้อมกัน สภาวะไม่อาจต้านทาน ประกายกระบี่ที่เหมือนธารสวรรค์สีเหลืองเข้มของจ้าวปีศาจร้อยตาถูกฟันหักอีกครั้ง!
“ไม่ใช่ร่างปลอมลวงตา เป็นร่างแยกที่อยู่ในระดับห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดเหมือนร่างจริงหรือ?” จ้าวปีศาจร้อยตายังคงเป็นปีศาจชราอายุหมื่นปี ความรู้กว้างขวาง ยามนี้แตกตื่น “ยังมีวิชากระบี่นี้ สุดท้าย…”
เขามองตำหนักโอสถกับมรกตท่องฟ้าอีกครั้ง เห็นมรกตท่องฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้การชักนำจากเสาแสงแล้ว!
จ้าวปีศาจร้อยตาสูดหายใจลึก ปลดเสื้อผ้า ถอดเสื้อคลุมดำที่อยู่บนร่างทิ้ง
หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เหล่าผู้สืบทอดของชวนเหอเต้าหยินต่างลอบป้องกันจ้าวปีศาจร้อยตา เพราะไม่ทราบว่าจะบุกมาตอนไหน
ความสามารถและจุดพิเศษของเขา ก็ถูกสืบทราบมาแล้วเช่นกัน
ตอนนี้เกาชิงเสวียนเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย พลันนึกถึงคำพูดที่เกี่ยวโยงส่วนหนึ่ง
เป็นอย่างที่คาด เห็นจ้าวปีศาจร้อยตาถอดเสื้อผ้าทิ้ง ยกมือขึ้นพร้อมกัน ใต้สีข้างมีดวงตาพันดวงสาดแสงสีทองหมอกสีเหลืองออกมาพร้อมกัน
หมอกสีเหลืองแน่นขนัด สีข้างสองด้านเหมือนพ่นเมฆออกมา แสงสีทองอร่าม ในดวงตาพันดวงราวกับลุกเป็นไฟ
หมอกแสงกระจายไปทั่ว ครอบคลุมเข้าหาเกาชิงเสวียน
พอถูกละอองแสงนี้ครอบคลุม เกาชิงเสวียนพลันรู้สึกรุกถอยลำบาก ถึงขั้นกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
นางประกบสองกระบี่ เปิดทางเส้นหนึ่งให้ตัวเอง ท่าร่างเป็นอิสระอีกครั้ง แต่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในหมอกแสง
ทว่าหมอกแสงประหลาดยิ่ง ลอยมาไม่ขาดสาย ต่อให้ทำลายก็เกิดใหม่ ยังคงขังนางไว้ด้านใน
เกาชิงเสวียนสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ร่างจริงร่างแยกยืนชนหลัง คนหนึ่งยังคงใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียน อีกคนเปลี่ยนวิชากระบี่ ไม่ใช่กระบี่หยกเบิกนภาอีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนเหมือนกัน
สองกระบี่ร่วมมือกันผสานจูาโจมอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ถึงอย่างไรก็โจมตีสุดกำลัง การโจมตีที่เหมือนทัณฑ์สวรรค์พุ่งลงมาทำลายฟ้าดินเจาะหมอกแสงอย่างหักโหม พุ่งออกมาจากด้านใน
เกาชิงเสวียนแม้จะพุ่งออกจากหมอกแสงแล้ว แต่เมื่อหันหน้าไปมอง ตาปีศาจเป็นร้อยเป็นพันดวงใต้สีข้างของจ้าวปีศาจร้อยตายังคงกะพริบแสงไม่หยุด หมอกแสงกว้างใหญ่ครอบฟ้าปกคลุมดิน ไล่ตามนางมาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน พวกมหาเซียนหรูอี้จอมปีศาจตอนอื่นๆ ก็ได้เร่งรุดมาถึงในมิตินอกเขตแดนด้านนอกจักรวาลสำนักเต๋าแล้ว
ทว่าก็มีกลิ่นอายอันแข็งกล้าอย่างอื่นมาถึงด้วยเช่นกัน
แสงสว่างสีเคลือบกระจ่างใสปรากฏขึ้นด้านใน พระโพธิสัตว์ร่างทององค์หนึ่งโผล่ขึ้นมา!
ถึงแม้ทั้งร่างท่านจะเป็นสีเคลือบ และเรืองแสงจางๆ กลับไม่ใช่แสงพุทธที่เห็นได้ในพวกสมณะศาสนาพุทธของแดนสุขาวดีบัวขาว
แสงนี้ส่องมาจากตัวพระโพธิสัตว์องค์นี้เอง
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ตอบ ผมที่รวบไว้เป็นหางม้าสะบัดวูบหนึ่ง ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกในมือคำรามพร้อมกับออกจากฝัก!
ควันมารเพลิงทมิฬที่ดุร้ายอัปมงคล กลายเป็นคมดาบน่าพรั่นพรึง ฟันใส่มหาเซียนหรูอี้!
กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นที่เคยทำให้จักรวาลสำนักเต๋าบังเกิดสภาวะทรุดโทรมเปลี่ยวร้างเมื่อยี่สิบปีก่อน โผล่ขึ้นในวันนี้อีกครั้ง
หนำซ้ำ ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนอีก!
เฟิงอวิ๋นเซิงลงมือไม่ปรานี บนศีรษะของนางถึงกับมีแสงงดงามที่เหมือนลวงเหมือนมายารวมตัวกัน!
เพียงแต่ว่า แตกต่างจากสั่วหมิงจางกับเกาหานในอดีต และไม่เหมือนกับจ้าวปีศาจร้อยตาในตอนนี้
แสงสว่างที่รวมบนศีรษะของเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นสีดำ
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงทำให้มหาเซียนหรูอี้ไม่กล้าชักช้า หยิบตะขอหรูอี้ของตนออกมา บนศีรษะปรากฏสองบุปผาบนกระหม่อม พลังและกลิ่นอายทั่วร่างระเบิดออกมาหมดสิ้น
เขากวาดตะขอออกไป บ้าคลั่งดุร้าย แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เหมือนกับเทพกระทิงที่สามารถแบกท้องฟ้าตนหนึ่ง สะบัดเขาบนศีรษะอย่างดุดัน!
เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าราบเรียบ เพ่งสายตา คมดาบอยู่เหนือศีรษะ จากนั้นก็ฟันลงด้วยสภาวะทำลายขุนเขา ไม่เห็นตะขอของมหาเซียนหรูอี้ในสายตา
คมดาบสีดำอันน่ากลัวนั้นกระจายไปทุกที่ มิติจักรวาลราวกับแยกออกเป็นสองส่วน
แสงสว่างบ้าคลั่งกะพริบผ่าน ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกปะทะกับตะขอหรูอี้ มหาเซียนหรูอี้พลันรู้สึกมือสั่น ไม่กล้าหักหาญ รีบเอียงตะขอในมือ หลบไปด้านข้าง
แม้จะเป็นเช่นนี้ พอเขาเพ่งตามองไป บนตะขอในมือก็ปรากฏรอยร้าวมากมาย!
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี