สายตาที่เฟิงอวิ๋นเซิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งอ่อนโยน มุมปากค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้ม
นางกล่าวเสียเบา “จะทำอย่างไรล้วนแล้วแต่ท่าน ข้าจะติดตามท่านเสมอ”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง สายตาอ่อนโยนลงเช่นกัน กล่าวหยอกเย้า “ถ้าคนอื่นได้ยิน คงบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง”
“ข้าไม่รับฟังสิ่งที่คนอื่นๆ พูด ถ้าท่านพูดข้าจะฟัง นี่เป็นการตัดสินใจที่ข้ากระทำเอง เป็นความเห็นของข้าเอง เกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่น?” เฟิงอวิ๋นเซิงค้อนเขา “อนุญาตให้ท่านเลี้ยงเด็กชายในใจ กลับไม่อนุญาตให้ข้าเลี้ยงเด็กหญิงไว้ในใจหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ย่อมอนุญาตอยู่แล้ว ข้าได้ประโยชน์นี่”
สองคนสบตาต่างหัวเราะขึ้นมา
มุ่งกลับบนเส้นทางเดิม ออกจากพื้นที่ของเขาเบญจคีรี เฟิงอวิ๋นเซิงสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของปราณวิญญาณในแดนขวางกั้นด้านนอก รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของมิติจักรวาลนอกแดนขวางกั้น “สงครามคล้ายเริ่มสงบลงแล้ว เป็นไปตามแผนการเดิมของพวกเรา ต้องฉวยโอกาสนี้ออกไป ไม่อย่างนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้”
ยอดฝีมือแดนสุขาวดีตะวันตกบุกแดนสุขาวดีบัวขาวอย่างกะทันหัน สร้างความวุ่นวายให้แก่แผนการในตอนแรกของแดนสุขาวดีบัวขาว
มาตรแม้นจะถูกรุกใส่ การถอยร่น การไล่ติดตาม รวมถึงการประนีประนอมในภายหลังของสองฝ่าย อาจก่อให้เกิดสุญญากาศขึ้นที่นี่
พร้อมกับที่เวลาผ่านไป หลังจากสถานการณ์ของแดนสุขาวดีบัวขาวมั่นคงขึ้นอีกครั้ง สุญญากาศด้านนี้ก็จะหายไป พวกเยี่ยนจ้าวเกอคิดออกจากที่นี่ก็ยากเย็นยิ่งแล้ว
ยอดฝีมือแดนสุขาวดีบัวขาวในตอนนั้นจะผ่อนคลายจิตใจลง หันมาสร้างการควบคุมระดับสูงต่อที่นี่อีกครั้ง อย่าว่าแต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอถอยหนี แค่ซ่อนอยู่ในแดนขวางกั้นก็อาจถูกคนพบเห็นได้แล้ว
“มิผิด พวกเรารีบออกจากที่นี่เถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า บินไปยังด้านนอกแดนขวางกั้น
เฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้นด้านข้าง “เมื่อรับปากว่าจะช่วยให้มหาเทวะเป็นอิสระ ท่านมีความคิดแล้วหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “มีแผนการอยู่บ้างแล้ว แต่ว่าถ้าจะใช้จริงๆ ยังมีที่ที่ต้องขบคิดอยู่มากมาย”
“ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง”
เฟิงอวิ๋นเซิงคล้ายนึกอะไรออก “ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของท่านไม่ใช่ตัวตนที่แฝงแก่นโบ่วกี้อันยิ่งใหญ่ แต่ว่าใช้พลังของเทาเที่ยกับคุนเผิงเป็นรากฐาน หลอมรวมสายเลือดของเผ่าปีศาจระดับสุดยอดจำนวนมาก สำเร็จวิชาการเปลี่ยนแปลง”
“ก่อนหน้าได้ยินท่านบอกว่า ท่านใช้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปอยู่ในโลกที่เผ่าปีศาจเติบโตและอาศัย เปลี่ยนร่างเป็นปีศาจ เผ่าปีศาจส่วนใหญ่มองไม่เห็นช่องโหว่ว”
“ท่านคิดหาวิธีหลอมเปลี่ยนสายเลือดนของปีศาจวานร จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นร่างวานรหรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง “ถึงมหาเทวะจะถูกสะกดไว้ แต่ท่านหลอกเขาไม่ได้หรอก เผ่าปีศาจเผ่าอื่นมองการเปลี่ยนแปลงของท่านไม่ออก แต่มหาเทวะจะต้องมองออกแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ข้าไม่คิดจะหลอกเขา ทุกอย่างล้วนกระทำอย่างชัดเจน”
“ในเมื่อมหาเทวะเสมอฟ้าบอกแล้วว่า ไม่เพียงแต่เผ่าของเขาเท่านั้นที่ได้ เผ่ามนุษย์ที่แฝงวิญญาณดินโบ่วกี้ก็ใช้ได้ เช่นนั้นหมายความว่าเขาไม่สนใจว่าจะต้องเป็นปีศาจวานรเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้นที่จะได้วาสนานี้ไป”
“สำหรับเขาแล้ว สิ่งสำคัญก็คือมีคนรับกายทองของเขาได้ จะเป็นผู้ใดรับสืบทอด เขาความจริงไม่สนใจ” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แน่นอนว่า ยุทธวิชัยพุทธะนั่นหมดสิทธิ์”
เฟิงอวิ๋นเซิงคิดครู่หนึ่งค่อยกล่าว “จริงด้วย ถ้าทำได้ เขาเกรงว่าต้องการให้คนหรือปีศาจที่ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับเขามารับวาสนานี้ไป ถึงอย่างไรนี่ก็เกี่ยวกับจุ่นถีเต้าหยิน หรือก็คือพระยูไล มหาเทวะเสมอฟ้าต่อต้านเขาอยู่แล้ว ต้องการสะบั้นอดีตของตัวเอง ไม่ต้องการคนที่เกี่ยวข้องกับเขา รับผลประโยชน์ของพระยูไลอีกครั้ง”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง สำหรับข้าแล้ว เหตุและผลนี้กลับมาจากมหาเทวะเอง ไม่จำเป็นต้องกังวล”
“เด็กชายในใจท่านเมื่อครู่ทำข้าซึ้งจนแทบร้องไห้” เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขาเป็นเชิงยิ้มไม่เชิงยิ้ม “ตอนนี้จะกลายเป็นความจริงได้อย่างไร กลับมีความแตกต่างมากเกินไปกระมัง?”
แต่ว่าในตอนนี้ ใกล้ๆ กับมิติจักรวาลเต็มไปด้วยความรู้สึกรกร้างว่างเปล่า
ถึงแม้ว่าสงครามจะไม่ส่งผลถึงโลกใบอื่นๆ เช่นแดนขวางกั้น ทว่าการต่อสู้ระดับเซียนสวรรค์มหาชาลยังคงมีพลังทำลายล้างชนิดบดขยี้ฟ้าดิน สร้างบาดแผลที่ยากสมานไว้บนแดนสุขาวดีบัวขาว
มองไปรอบๆ ถึงจะยังเห็นว่าในพุทธเกษตรแต่ละแห่งระหว่างจักรวาลมีแสงพุทธพลังศรัทธา ทว่ากลับสูญเสียความรู้สึกเชื่อมกันเป็นแผ่นผืน เสมือนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนหน้าไป
ถึงจะยังคงหนาแน่น เหมือนกับโคมเขียวหลายใบ แต่ยังคงมีความรู้สึกหร็อมแหรมกระจายออกมา
ทว่าพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป แสงโคมแต่ละจุดต่างก็เริ่มเกิดการเชื่อมต่อกันใหม่ ทั้งยังขยายออกไม่หยุดด้วยความเร็วที่ตาเนื้อแยกแยะได้อย่างชัดเจน
“แดนสุขาวดีบัวขาวกำลังฟื้นฟูการควบคุมพุทธเกษตรแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่องอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอธิบาย “หลังจากพวกเขาร่วมมือกับเผ่าปีศาจ ไล่พวกยุทธวิชัยพุทธะสมณะจากแดนสุขาวดีตะวันตกออกไป ก็ได้สภาวะกลับคืน ตั้งธงปรับกลองรบได้ใหม่”
“ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังไม่กลับมารีบไปเถอะ” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า
ทั้งสองเคลื่อนไหวในมิติเวลาหลายชั้น มุ่งหน้าไปด้านนอกแดนสุขาวดีบัวขาวอย่างต่อเนื่อง
ปราการระหว่างจักรวาลปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากข้ามผ่านไปแล้ว ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ก้าวสู่มิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอีกคราหนึ่ง
“จริงด้วย จำเป็นต้องแจ้งต่อใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋อีก” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี