“จักรพรรดิประกายกาฬสมควรเสียชีวิตก่อนจักรพรรดิเจิดจรัสกระมัง?”
ระหว่างทาง เฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้น “ไฉนจึงมีเบาะแสที่อยู่ของจักรพรรดิเจิดจรัสในกงจักรมหาประกายกาฬ?”
“ศิลาฟ้ากำเนิดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมานาน ส่วนใหญ่แล้วถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเก็บเอาไว้ แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่กระจัดกระจายอยู่ภายนอก โถงเซียนตั้งใจตามหามาโดยตลอด” เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น “ครั้งนั้นเป็นช่วงเวลาที่สงครามระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวดำเนินไปอย่างรุนแรงที่สุด พอดีที่มีคนของเส้นทางนอกรีตหาเศษศิลาฟ้ากำเนิดเจอ แล้วนำกลับโถงเซียน”
“สุดท้ายจักรพรรดิประกายกาฬพาคนแทรกซึมเข้าโถงเซียน ชิงเศษชิ้นส่วนมา โถงเซียนแบ่งกำลังคนออกไล่ฆ่า สำนักประกายกาฬเสื่อมโทรมลง จักรพรรดิประกายกาฬมอบเศษศิลาฟ้ากำเนิดให้แก่จักรพรรดิเจิดจรัสที่ประสานงานกับเขาในที่ลับ จากนั้นก็คิดล่อผู้ไล่ล่าไป”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ทว่าโถงเซียนสงสัยในตัวจักรพรรดิเจิดจรัส เริ่มสะกดรอยตาม สุดท้ายจักรพรรดิเจิดจรัสหลงเข้าไปในแดนมายาด้านในมิตินอกเขตแดน ติดอยู่ในนั้นหลายร้อยปี รอนางกลับมาจักรวาลสำนักเต๋า จักรพรรดิประกายกาฬก็ได้จากไปหลายปีแล้ว”
“จักรพรรดิเจิดจรัสเคยไปยังสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ?” เฟิงอวิ๋นเซิงคาดเดา
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด ดังนั้นภายหลังมารดาข้าจึงค่อยทราบถึงตำแหน่งของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ และเลือกวันไปยังที่นั่นตามเวลาที่จักรพรรดิเจิดจรัสเคยคำนวณไว้ ช่วยสร้างกงจักรมหาประกายกาฬจนสำเร็จ เป็นการช่วยเหลือครั้งสุดท้าย”
เฟิงอวิ๋นเซิงกระจ่างแจ้ง “ในตอนนั้น จักรพรรดิเจิดจรัสได้ทิ้งเบาะแสไว้ในกงจักรมหาประกายกาฬตอนที่ยังไม่เสร็จ? นางไม่อาจทำนายถึงที่ตายของตัวเอง แต่นางได้ทิ้งตำแหน่งของแดนมายาซึ่งตัวเองใช้ซ่อนตัวในตอนแรกเอาไว้”
น่าเสียดาย ภายหลังหูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัสได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะประสบการไล่สังหารของเส้นทางนอกรีต
ถึงแม้จะแอบไปหลบในแดนมายาแห่งนั้นอีกครั้ง สลัดกองทัพไล่ตามได้ แต่ท้ายที่สุดก็ยังตกตายลงโดยไม่ได้รับการรักษา เสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย
สำหรับโลกภายนอก รวมถึงเสวี่ยชูฉิงศิษย์อาจารย์ที่เป็นผู้สืบทอดของนาง ร่องรอยของนางกลายเป็นปริศนา ไม่อาจตามหาที่อยู่
กลับทิ้งเบาะแสหลายส่วนไว้ในกงจักรมหาประกายกาฬ
“เบาะแสนี้สมควรเป็นจักรพรรดิเจิดจรัสตั้งใจทิ้งเอาไว้ คนอื่นๆ สามารถหาที่นั่นเจอผ่านเส้นทางอื่นได้หรือไม่ ข้าเองก็ไม่ทราบ ทว่าพวกเรามีโอกาสที่จะตามหาเจอสูงมากผ่านกงจักรมหาประกายกาฬ” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย
ตอนนี้ประกายแสงสีดำสีขาวลอยขึ้นในม่านตาของเขา บางครั้งก็ตัดกันแล้วปรากฏออกมา บางครั้งก็หลอมรวมกัน กลายเป็นแสงสีที่ไม่มืดไม่สว่าง ขมุกขมัวเป็นแผ่นผืน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวอยู่ในมิตินอกเขตแดนอันกว้างใหญ่ตามการนำทาง
ในที่แห่งนี้นิยามของเวลาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพร่ามัว เส้นทางข้างหน้าราวกับไร้ปลายทาง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่า ตนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากออกจากร่องแยกที่มิติเวลาสองแห่งทับซ้อนกันครั้งแล้วครั้งเล่า เยี่ยนจ้าวเกอพลันหยุดนิ่งลง
“พวกเราเข้าใกล้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา
ทัศนียภาพของมิติเวลาตรงหน้ากลับคืนสู่ภาวะปกติ ไม่ได้บิดเบี้ยวอีก เฟิงอวิ๋นเซิงเพ่งตามองไป ตรงหน้าเป็นแสงสว่างไสว
มิติที่ทั้งสองอยู่ในตอนนี้มีแสงดาวพร่างพราว
แสงดาวสว่างเพริศแพร้ว ทั้งให้ความร้อน เลยจักรวาลออกไป แสงดาวหลายจุดที่เหมือนกับไฟตะเกียงเปลี่ยนเป็นเจิดจ้า ราวกับดวงอาทิตย์หลายดวงปรากฏขึ้นยังที่ใกล้ๆ พร้อมกัน
ระหว่างดวงดาวมีแรงดึงและแรงผลักอยู่ ไม่ได้ใกล้ชิดกัน แต่ว่ามีเส้นทางการโคจรและแบบแผนของตัวเอง
นั่นเป็นพลังอันมหาศลของเส้นทางดาวที่ยอดฝีมือระดับเซียนทั่วไปยากจะโยกคลอน ทั้งยิ่งใหญ่และทรงพลัง
ทว่าตรงหน้ากลับเหมือนมีหมู่ดาวรวมตัวกัน ทั้งถี่ยิบทั้งโชติช่วง
พลังของดวงดาวเบียดอัดกัน ทำให้มิติเวลาบิดเบี้ยวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่กลับแฝงความสอดคล้องที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้มีความวุ่นวายที่แท้จริง
ยามตั้งใจมองดู สามารถเห็นได้ว่าระหว่างดวงดาวคล้ายกับมีลำธารอยู่ด้วย
ลำธารที่บริสุทธิ์ที่สุดในฟ้าดิน พาดขวางอยู่ระหว่างก่อนกำเนิดและหลังกำเนิด
คงอยู่พร้อมกับดวงดาวที่ร้อนแรงและเจิดจ้าในความว่างเปล่าอันเย็นเยียบแถบนี้ ไม่ได้ผนึกตัวเป็นน้ำแข็ง และไม่เดือดพล่านกลายเป็นไอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี