การปะทะกันระหว่างอัจฉริยะมักจะก่อเกิดประกายไฟของแรงบันดาลใจได้ง่าย โดยเฉพาะการฝึกฝนวรยุทธ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่วิถีการสืบทอดต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทว่าการเปรียบยุทธ์สุดท้ายก็เป็นการเอาชนะคะคาน แรงกดดันยิ่งมาก แรงผลักดันยิ่งมาก ยิ่งรีดเค้นศักยภาพของตัวเองได้ง่ายกว่าเดิม
“กระนั้นก็จำเป็นต้องใช้เวลาตกผลึกและสั่งสมอยู่ดี” อวี่เยี่ยคล้ายค่อนข้างหวั่นไหวต่อคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ว่าหลังจากใคร่ครวญแล้วก็ยังตอบว่า “เวลาสิบปีความจริงถือว่าดียิ่ง ทำให้ข้าคิดสิ่งใหม่ๆ ออก ได้ขัดเกลาปรับปรุงตัวเองมาก่อน จากนั้นค่อยนำออกมาพิสูจน์พร้อมกับศิษย์พี่เนี่ย”
บางทีจุดที่ยากจะทำความเข้าใจ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดประสิทธิผลก้อนหินจากเขาอื่นสามารถเจียระไนเป็นหยก[1]ผ่านการประลองกับเนี่ยจิงเสินก็ได้
นอกจากนี้ ในระดับหนึ่งแล้วระหว่างสองฝ่ายก็ไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนั้น ตอนประกระบี่หากว่าจิตใจแพ้ชนะรุนแรงสักเล็กน้อย จะมีส่วนช่วยต่อการแสดงความสามารถของแต่ละฝ่าย
ระหว่างสหายร่วมสำนัก ถ้าหากไม่ได้มีความแค้นกัน การแสดงมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าทั่วไปได้นั้นไม่ยาก แต่กลับยากจะแสดงความสามารถเหนือธรรมดา
หลงซิงเฉวียนกับเกาชิงเสวียนหลังจากแต่งงานกันก็มีการแลกเปลี่ยนกันไม่น้อย แต่หลงซิงเฉวียนบอกว่าถึงปกติจะได้รับประโยชน์ไม่น้อย หากยังสู้ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงมรกตท่องฟ้าก็สู้กับเกาชิงเสวียนสุดกำลังไม่ได้
ผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์กับสายสืบทอดของเขานครหยกผูกพันบุญคุณความแค้นมาหลายพันปี มาถึงตอนนี้สองฝ่ายเข้าใจวิชากระบี่ของกันและกันเป็นอย่างดี คิดจะลบสิ่งเก่าสร้างสิ่งใหม่ ศึกษาให้ลึกขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย
เนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยเป็นอัจฉิรยะเชิงกระบี่ที่โดดเด่น ทั้งสองต่างได้ประโยชน์เป็นพิเศษในตอนที่สู้กันอย่างต่อเนื่อง
จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ชอบเอาชนะ อวี่เยี่ยกับเนี่ยจิงเสินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ขณะที่การเสมอติดต่อกันทำให้ระดับวิชากระบี่ของพวกเขาพุ่งทะยาน ปรารถนาจะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้
เพราะความเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นจากบุญคุณความแค้นในสายสืบทอดของสองฝ่าย บางทีผู้อาวุโสของแต่ละฝ่ายอาจให้ความสำคัญ แต่สำหรับพวกเขาสองคนแล้ว ทุกๆ ครั้งที่ได้สู้กันเหมือนกับได้ยกระดับของตัวเอง ได้ค้นหาความลี้ลับในมรรคากระบี่ ทั้งกระตุ้นให้พวกเขาปีนป่ายขึ้นไปที่สูงอย่างต่อเนื่อง
“อาจารย์ปู่น้อยหลงกล่าวได้ดี หลังจากท่านปู่กับท่านย่าสู้กัน จนกระทั่งพวกท่านสองคนสู้กัน จึงค่อยปรากฏการประกระบี่ที่ยอดเยี่ยมในระดับเดียวกัน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากนัดกันได้แล้ว ครั้งนี้ตอนพวกท่านประลองกัน ขอให้พวกเราสามีภรรยาคอยดูด้วย ห้ามไล่คน”
เฟิงอวิ๋นเซิงพอฟังก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มีความตื่นเต้นเต็มเปี่ยม
จอมยุทธ์ที่เดินมาถึงระดับพลังฝึกปรือที่ค่อนข้างสูง เดิมทีส่วนใหญ่ก็มีความกระตือรือร้นต่อมรรคายุทธ์ถึงขีดสุดอยู่แล้ว ถึงนางจะไม่ฝึกวิชากระบี่ ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันสูงกว่าเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยไม่น้อย แต่ยังคงมีความรู้สึกได้อนุมานสิ่งใหม่ๆ จากสิ่งที่เห็น และความรู้สึกได้เปิดโลกทัศน์ของตัวเอง
“ข้าไม่มีปัญหา แล้วแต่ศิษย์พี่เนี่ย” อวี่เยี่ยพยักหน้า
นางกล่าวแบบนี้ ความจริงเท่ากับไม่มีปัญหาแล้ว เป็นเพราะขอแค่ไม่ก้าวก่ายการประลอง เนี่ยจิงเสินก็ไม่สนใจว่าจะมีใครคอยดูอยู่หรือไม่
พอพูดถึงการประลองกับเนี่ยจิงเสิน อวี่เยี่ยก็เริ่มเหม่อลอยอีกครั้ง ในห้วงสมองปรากฏการเปลี่ยนแปลงในวิชากระบี่ของสองฝ่าย นึกทบทวนเนื้อหารการต่อสู้ก่อนหน้า ทำนายถึงการประลองในภายหลัง
เห็นประกายตาของนางเริ่มกระจาย เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างอดหัวเราะไม่ได้
“เกี่ยวกับมารร้ายนพยมโลก ข้ายังมีการเตรียงตัวบางส่วนที่ต้องวางแผน” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รบกวนอวี่เยี่ย ส่งกระแสเสียงแก่เฟิงอวิ๋นเซิง “เจ้านั่งเป็นเพื่อนนางที่นี่ จัดหาที่อยู่ให้นาง หลังจากศิษย์พี่เนี่ยกลับมาแล้วให้แจ้งข้าด้วย”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ท่านไปจัดการให้เต็มที่เถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาพวกนาง กลับที่อยู่บนเขากว่างเฉิงของตัวเอง
บนทางขากลับ เขาพิจารณาเรื่องราวที่เกี่ยวข้องไว้คร่าวๆ แล้ว ดังนั้นพอถึงสถานที่ก็ลงมือทันที กางค่ายกลค่ายหนึ่งไว้ในห้องสงบใจ
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบใยไหมแถบแสงที่ได้จากปีศาจกระเรียนเส้นนั้นมา เขาตัดใยไหมออกมาท่อนหนึ่ง เมื่อเก็บส่วนที่เหลือแล้วก็ใช้ใยไหมส่วนที่ตัดออกมาคลุมกระดาษยันต์ลวดลายสีชาดไว้
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบกระปุกเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา ด้านในบรรจุน้ำวิเศษผนึกมารอันเป็นของวิเศษเอาไว้
กระดาษยันต์ลวดลายชาดที่ม้วนใยไหมถูกเยี่ยนจ้าวเกอเสียบเข้าไปในกระปุกใบเล็ก แช่ในน้ำวิเศษผนึกมาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี