เยี่ยนจ้าวเกอมองลวดลายมารบนหน้าผากฉู่หลีหลี ด้านหนึ่งคล้ายมีดวงตาคู่หนึ่งทะลุผ่านกระแสเวลา ทะลุผ่านมิติไร้สิ้นสุด ทะลุผ่านหลักการกฎเกณฑ์มากมายมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ
ดวงตานั้นเย็นชาและเคร่งขรึม เหมือนกับไม่มีระลอกอารมณ์ใดๆ ราวจักรวาลที่ดำสนิทเย็นเยือก
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเรียบเฉย ตัดใยไหมส่วนหนึ่งออกมาอย่างใจเย็น ก่อนจะทำเหมือนกับก่อนหน้านี้ สลักตราอาคม อาศัยวิชาลับผนึกไว้บนศีรษะของฉู่หลีหลี
ลวดลายมารที่เหมือนกับร่องแยกสายนั้นค่อยๆ ปิดลงจนกระทั่งหายไป
ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขถึงสาเหตุ แต่อย่างน้อยก็ส่งผลต่อการรับรู้โลกภายนอกผ่านร่างกายฉู่หลีหลีของมารน้ำกุ่ยก่อนที่จะเกิดใหม่
ขณะมองร่องแยกที่ค่อยๆ สมานตัว เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีก ยืนนิ่งอยู่กับที่ อดทนรอคอยสังเกต
ดวงตาที่ก่อนหน้ามองเขาหายไปแล้ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้โดยตรงว่า สำนึกที่เลือนรางชนิดหนึ่งเหมือนกับยังอยู่ กระนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติม
ทั้งสองฝ่ายเหมือนกับแข่งความอดทน
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง นางสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ระบายลมหายใจออกยาวๆ แล้วค่อยยื่นฝ่ามือออกมา ทันใดนั้นฝ่ามือเขาก็ปรากฏแสงสว่าง
พอถูกแสงนี้สาดใส่ ร่างที่เหมือนกับยังคงหลับใหลของฉู่หลีหลีก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลอยเข้าไปในประกายแสงอย่างไร้ร่องรอย
“พวกเราไปรวมตัวกับผู้อาวุโสเฉิน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
ศัตรูไม่เห็นเฉินเสวียนจงปรากฏตัว จึงอดทนรอคอย
หลังจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบแถบเศษหินแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วไม่พบอะไรก็ผละออกมา มุ่งหน้าไปยังดินแดนพันเกล็ด รวมตัวกับเฉินเสวียนจงที่ก่อนหน้านี้ไปรออยู่ที่นั่น
ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอติดต่อกับคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
ลมพัดเมฆเคลื่อนชั่วขณะ ผู้คนจากที่ลับและที่แจ้งเริ่มพากันไปรวมตัวบนสถานที่หนึ่ง
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนาน ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็ไปถึงที่หมาย ครั้นทอดสายตามองไปไกล ในมิติอันมืดมิดพลันเป็นประกายระยิบระยับ เสมือนปรากฏลำธารสายหนึ่ง
หลังจากเข้าใกล้จะเห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่ลำธาร แต่เป็นลำแสงสายแล้วสายเล่ารวมตัวกันถี่ยิบแล้วกระเพื่อมไหว เหมือนกับปลาหลีฮื้อสีเงินขนาดยักษ์นับพันนับหมื่นตัวกระโดดออกจากน้ำ จากนั้นก็ตกลงไปใหม่
ลำแสงมากมายเชื่อมกันเป็นผืนเดียว ดังนั้นหากมองจากที่ไกลเข้าไปก็ดูคล้ายกับลำธารสายหนึ่ง
ที่นี่เป็นที่ที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจเลือก จากนั้นก็วางแผนการเพื่อต่อสู้กับมารร้าย
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเฉินเสวียนจงและฉู่หลีหลี หรือสือจวินและอิ๋งอวี่เจิน หากต้องการโอกาสแก้ไขต้องฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอจำเป็นต้องรอให้อีกฝ่ายลงมือก่อน จากนั้นค่อยแซงหน้า คว้าโอกาสในยามวิกฤติ เนื่องจากตามหลังอีกฝ่ายก้าวหนึ่งมาตั้งแต่แรก จะไล่ตามก้าวที่ตามหลังก้าวนั้นกลับมาได้หรือไม่นั้นมีโอกาสห้าต่อห้าส่วน ดังนั้นในเมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการคว้าโอกาส เยี่ยนจ้าวเกอจึงหาวิธีชดเชยในด้านสถานที่
สามารถใช้สถานที่ในการต่อสู้เป็นสถานที่ที่ตนวางแผนไว้ได้ ย่อมดีกว่าสถานที่ตรงกลางหรือแม้แต่นพยมโลกที่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้เฉินเสวียนจงเจอสถานที่เช่นนี้ในตอนออกเดินทาง สร้างความลิงโลดแก่เยี่ยนจ้าวเกอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี