มารจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกัดกินเมฆแปลงกำเนิด
ถ้าหากว่าการป้องกันของเมฆแปลงกำเนิดโดนทำลาย ถูกมารเหล่านี้ประชิดตัวได้ พริบตาเดียวก็จะโดนดูดสารจำเป็น ปราณ และจิตใจจนหมดสิ้น โดนกัดกินจนไม่เหลือ
มารแม้มีลักษณะดุร้าย แต่ว่าหากถูกพวกมันดูดพลัง คนจะดำดิ่งอยู่ในความสุขสมอันเป็นมายา ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ จากโลกนี้ไปโดยไร้ความรู้สึก
ตอนนี้ตรงหน้าเยี่ยนตี๋เต็มไปด้วยเงามาร มารที่ดุร้ายเหี้ยมเกรียมนับไม่ถ้วนกระโจนเข้ามา ถมความว่างเปลาจนเต็ม ไม่มีพื้นที่ว่างแม้แต่น้อย ระหว่างเหล่ามารยังกัดกินฉีกทึ้งกันไม่หยุดยั้ง เป็นภาพที่น่าสะพรึงถึงขีดสุด
เยี่ยนตี๋มองทุกอย่างนี้อย่างเย็นชา กลับก้าวเข้าหาภาพอันน่ากลัวตรงหน้า รอบกายเขามีควันวนเวียน ขณะที่วายุเซียนอันเกิดจากการรวมปราณเที่ยงตรงกับปราณเปลี่ยนแปลงสองปราณเซียนไหลเวียน ก็มีสภาวะแข็งแกร่งไม่อาจโยกคลอน ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ และมีสภาวะของการเปลี่ยนแปลงนับพันนับหมื่นไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ว่าพร้อมกับการก้าวเท้าไปด้านหน้าของเยี่ยนตี๋ ปราณกาลีอันเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงแห่งภัยพิบัติ จุดจบ ความชั่วร้าย ความเหี้ยมโหดก็พลันเปลี่ยนเป็นโชติช่วง
ปราณกาลีนี้ไม่ได้ไหลออกไปด้านนอก แต่ถูกเยี่ยนตี๋ดูดซับอย่างต่อเนื่อง
ปราณเซียนชนิดที่สาม เริ่มรวมกับวายุเซียนของเขา!
เยี่ยนตี๋สืบเท้าออกก้าวหนึ่ง เลื่อนจากเซียนลี้ลับสองปราณ เป็นเซียนลี้ลับสามปราณ
ก่อนหน้านี้ไม่นานเยี่ยนตี๋เพิ่งฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง สองปราณรวมเป็นวายุ สำเร็จระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง ตอนนี้คนพอก้าวเท้าออกก้าวเดียว พลังฝึกปรือกับเพิ่มขึ้นตาม ก้าวไปด้านบนอีกก้าว!
คมดาบของเขาก็อาศัยสภาวะ ฟันลงไปด้านหน้าตามการก้าวเท้าของเขาเช่นกัน!
ทันใดนั้น เหมือนกับฟ้าดินเปลี่ยนแปลง สภาวะของธรรมชาติถั่งโถมไปด้านหน้า โลกเปลี่ยวร้าง สรรพเรื่องราวสรรพวัตถุต่างไปจากเดิม
ทุกอย่างเกิดการทำลายสิ่งเก่ารับสิ่งใหม่ เหมือนกับต้อนรับการเริ่มต้นใหม่
ทุกสิ่งที่เก่าแก่กลับถูกกวาดเข้าไปในกองของเก่า กลายเป็นสิ่งที่ตายไปพร้อมยุคสมัย
ประกายดาบอันพรั่งพรึงฟันลง มารนับพันนับหมื่นที่ล้อมโจมตีเยี่ยนตี๋กับเมฆแปลงกำเนิดล้วนถูกกวาดทำลายหมดสิ้น!
“นี่คือ…” พญามารสุขสันต์ตกใจอีกครั้ง ในใจเหมือนนึกอะไรได้
มันไม่มีเวลาแตกตื่น ทิ่มนิ้วใส่อากาศติดต่อกัน แสงสีแดงสายแล้วสายเล่าสาดลง ต้องการเสริมความแข็งแกร่งแก่ค่ายกลหมื่นมารสุขสันต์
แต่ว่าในวินาทีนี้เอง เยี่ยนตี๋สืบเท้าออกอีกก้าวหนึ่ง!
พอก้าวเท้า ปราณพิสุทธิ์ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงของความงดงาม ความอ่อนโยน และการสั่งสมมุ่งสู่ด้านบนก็วนเวียนรอบตัวเขา
จากนั้นปราณเซียนชนิดที่สี่ก็พัดขึ้น หลอมรวมกับวายุเซียนของเยี่ยนตี๋!
เยี่ยนตี๋ก้าวเท้าก้าวที่สอง เซียนลี้ลับสามปราณรุดหน้าขึ้นอีกขั้น เลื่อนสู่เซียนลี้ลับสี่ปราณ จุดสูงสุดของชั้นสงบนิ่ง
พอก้าวเท้านี้ สภาวะดาบของเยี่ยนตี๋บ้าคลั่งยิ่งขึ้น
คมดาบที่เกิดจากสายฟ้าอนัตตาฟันไปด้านหน้าอีกครั้งพร้อมกับการกระตุ้นพลังของเยี่ยนตี๋!
เมื่อดาบนี้ฟันออกไป ค่ายกลหมื่นมารสุขสันต์ขนาดยักษ์ก็กลายเป็นฝุ่นประวัติศาสตร์ ถูกธรรมชาติที่มุ่งไปด้านหน้าไม่หยุดยั้ง ทั้งมีสภาวะไม่อาจต้านทานเปลี่ยนแปลงบดขยี้!
ประกายดาบทะลวงค่ายกล ฟันใส่ตัวพญามารสุขสันต์โดยตรง ฟันผู้ยิ่งใหญ่แห่งวิถีมารตนนี้จนถอยหลังติดต่อกัน
“จิตพลังแห่งการสลับยุคสมัยเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน” ตอนนี้พญามารสุขสันต์ไม่สงสัยอีกต่อไป ร้องอุทานขึ้นมา
มันพอรับดาบนี้ของเยี่ยนตี๋ ก็ได้ลิ้มรสจิตพลังอันน่ากลัวของการสับเปลี่ยนยุคสมัย
ยุคสมัยนี้ เป็นเพราะว่าวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ คนส่วนใหญ่จึงแบ่งเป็นยุคโบราณใกล้และยุคโบราณปัจจุบันสองยุค แต่หากจะกล่าวให้ถูกต้องก็ยังคงเป็นยุคเดียวกัน
พญามารสี่เศียรสี่กรตนนั้นถูกเกาชิงเสวียนโจมตีจนรับมือไม่ทัน ต้องพ่ายแพ้แน่นอน เพียงแค่กำลังฝืนประคองไว้เท่านั้น
พญามารที่เกิดขึ้นมาหลังจากปีศาจวานรได้เข้ากับนพยมโลกตนนั้นถูกหลิงชิงสะกดไว้ แม้จะเกรี้ยวกราดดุจสายฟ้า ยังไม่มีวิธีชิงความได้เปรียบกลับมา ไม่เพียงแต่ไม่อาจเข้าใกล้ดินแดนพันเกล็ด ถึงขั้นที่เป็นฝ่ายถอยหลังติดต่อกัน ห่างจากดินแดนพันเกล็ดมากขึ้นเรื่อยๆ
พญามารสุขสันต์คับข้องยิ่งกว่า ถูกเยี่ยนตี๋ในระดับเซียนลี้ลับทำร้ายจนทำอันใดไม่ได้ ลงมือลงไม้ได้ไม่เต็มที่
ดูจากท่าทางของมัน ถ้าไม่ใช่เพราะห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดและมีแก่นมารปกป้องร่าง เกรงว่าจะบาดเจ็บด้วยดาบของเยี่ยนตี๋ไปแต่แรกแล้ว
เยี่ยนตี๋ เกาชิงเสวียน และหลิงชิงช่วงชิงความได้เปรียบมาจากคู่ต่อสู้ของตน ขณะที่เคลื่อนคมเหลือช่องว่างก็จัดการจอมมารตนอื่นๆ ไปด้วย
จอมมารแม้มีจำนวนมาก แต่กลับต้านทานความแกร่งกล้าของพวกเขาสามคนไม่ได้ ต่างหลบหลีกด้วยความหวาดกลัว
ถ้ามีปลาลอดตาข่าย เกาซิงเฉวียนกับนักพรตอวิ๋นเจิ้งก็คอยเฝ้าด่าน ทำให้อีกฝ่ายไม่อาจข้ามเขตแดนได้แม้แต่ก้าวเดียว!
เหล่ามารที่มาสนับสนุนไม่กล้ามีความคิดดูแคลน รีบลงมือช่วยเหลือ
เมื่อมีพญามารระดับสุญญตาตนที่สี่เข้าร่วมวงต่อสู้ แรงกดดันของพวกเยี่ยนตี๋ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่เป็นเพราะต้องการขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายทำลายแนวป้องกันของตัวเอง แล้วเข้าใกล้ดินแดนพันเกล็ดในสถานการณ์ที่จำนวนคนมีค่อนข้างจำกัด
“เร่ง!” เมื่อเห็นดังนั้น นอกจากหลิงชิงแล้ว เยี่ยนตี๋ เกาชิงเสวียน หลงซิงเฉวียน และนักพรตอวิ๋นเจิ้งก็พากันตวาดขึ้น
ศาตราค่ายกลจำนวนมากบินขึ้นฟ้า สร้างอักขระยันต์ลวดลายค่ายกลเหนือศีรษะของคนทั้งสี่ ก่อนจะเชื่อมต่อกันเป็นแผ่นผืนด้วยความเร็วสูง
ค่ายกลไท่อี้ถล่มทลายปรากฏ แสงสีขาวพุ่งสู่ฟากฟ้า กวาดทำลายควันมารสีดำที่อยู่รอบๆ จนหมดสิ้น
ค่ายกลต่อสู้ไม่เคลื่อนไหว ครอบคลุมดินแดนพันเกล็ดเอาไว้ ทำให้เหล่ามารที่พุ่งเข้ามา กระแทกจนศีรษะแตกเลือดอาบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี