“ต่อให้ไม่มีความน่าอัศจรรย์ของเทวราชไม่ถูกทำลายจากศิลาดินกำเนิด มหาเทวะเสมอฟ้าก็เป็นคนระดับสุดยอดไม่กี่คนในหมู่ยอดฝีมือชั้นมหาชาลทั้งหมดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ถ้าหากว่าเจ้า ผู้อาวุโสเกา กับราชันพระจันทร์ตรงตามมาตรฐาน มารองรับกายทองของมหาเทวะ พวกเจ้าสามคนเกรงว่าจะสามารถฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดได้เลย”
เป็นเพราะสาเหตุนี้ ทำไมเยี่ยนจ้าวเกอต้องไปหาวานรฝูงหนึ่งมา
การช่วยมหาเทวะของเขา ไม่ต้องคิดถึงผลร้ายที่อาจจะเกิดมาเพราะสาเหตุนี้ แต่ถ้าหากว่าสามารถหาประโยชน์ได้ ย่อมไม่มอบให้ใครง่ายๆ
เฟิงอวิ๋นเซิงประสานมือยิ้มแก่สวีเฟย “ยินดีด้วยศิษย์พี่สวี”
“สำหรับข้าแล้ว ตอนนี้ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม” สวีเฟยตอบอย่างตรงไปตรงมา “การก้าวขึ้นสวรรค์ในก้าวเดียว ถ้าหากรากฐานไม่มั่นคงก็เป็นแค่วิมานในอากาศเท่านั้น”
เฟิงอวิ๋นเซิงทอดถอนใจอยู่บ้าง “ความรู้สึกนี้ข้าเข้าใจดี”
“สมควรบอกว่าศิษย์น้องเฟิงเจ้าเป็นตัวอย่างของข้าถึงจะถูก” สวีเฟยว่า “การค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับเหมือนเจ้าจึงเป็นหลักเหตุผลที่ถูกต้อง เพียงกังวลว่าสถานการณ์ใหญ่ไม่มอบเวลาให้พวกเรามากพอ”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “แรงกดดันก็เป็นแรงผลักดันได้เช่นกัน บางครั้งถ้าไม่มีวิธีการอื่นจริงๆ ก็ได้แต่ต้องฝืนทำ”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เพียงแต่ท่านกับพ่านพ่านเท่านั้น ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าก็มีสถานการณ์เดียวกัน ที่อวิ๋นเซิงมีวันนี้ได้ก็ต้องอาศัยเวลายี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ตกตะกอนเช่นกัน”
“พวกเรารีบกลับจักรวาลฟ้าฟื้นให้เร็วที่สุดเถอะ” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า “หวังว่าพวกอาจารย์อาเจ้าสำนักจะกลับไปอย่างปลอดภัยแล้ว”
ทุกคนพูดพลางเดินทางพลาง หายไปในความว่างเปล่า
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของแดนสุขาวดีบัวขาวก็ดึงดูดความสนใจในแต่ละที่เช่นกัน ไม่เพียงแต่แดนสุขาวดีบัวขาวเองเท่านั้น สถานที่อื่นๆ ต่างมีคลื่นก่อตัวขึ้น
โดยเฉพาะแดนสุขาวดีตะวันตก ในพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง แสงตะเกียงสว่างหมื่นจุด บัวเขียวเบ่งบาน
พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งนั่งบนดอกบัว ท่านมีร่างเป็นสีน้ำเงิน มือขวาแตะดิน มือซ้ายวางบนตัก หลับสองตา เต็มเปี่ยมด้วยปัญญา
ในตอนที่มหาเทวะเสมอฟ้าหลุดออกจากตราผนึก พระพุทธเจ้าองค์นี้พลันลืมตาขึ้น
ขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออาศัยกายทองมหาเทวะร่างหนึ่งทะลวงผนึกโลกภายนอก ออกไปจากแดนขวางกั้น สองตาของพระพุทธเจ้าค่อยๆ ปิดลง
ในพุทธเกษตรเหมือนกับมีเสียงถอนใจยืดยาวดังขึ้น ครู่ต่อมามีบัวเขียวดอกหนึ่งลอยมาจากด้านนอก เข้าสู่พุทธเกษตรแห่งนี้ มาถึงเบื้องหน้าพระพุทธเจ้าสีน้ำเงิน
บนที่นั่งบัวเขียวที่โผล่มานี้ มีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งนั่งอยู่เช่นกัน มียี่สิบเศียร สิบแปดกร แต่ว่าขณะนี้ ในแขนสิบแปดข้าง ขาดเสมอศอกสี่ข้าง ถึงกับถูกคนตัดทิ้ง
มิหนำซ้ำตรงหน้าอกของพระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรองค์นี้ยังมีบาดแผลที่เหมือนกับร่องน้ำสายหนึ่ง มองไปน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด
เพราะอาการบาดเจ็บนี้ พระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรองค์นี้ถึงกับปรากฏลักษณะพังทลายเหมือนกับจุดจบของหลักธรรมมาถึง ความสงบนิ่งไม่คงอยู่ ราวกับพระพุทธรูปที่ลมฝนกัดกร่อน พังทลายไม่มีชิ้นดี
กระนั้นสีหน้าของพระพุทธเจ้าองค์นี้ยังคงรักษาความสงบ กล่าวคำนับพระพุทธเจ้าสีน้ำเงินที่เป็นผู้ปกครองแดนสขาวพุทธเกษตรแห่งนี้ “ท่านอาจารย์”
“ท่านถึงกับบาดเจ็บถึงขั้นนี้” พระพุทธเจ้าสีน้ำเงินลืมตาขึ้น มองบาดแผลอันน่ากลัวตรงทรวงอก และบาดแผลที่แขนสี่ข้างของอีกฝ่าย “อาการบาดเจ็บแบบนี้ ไม่เหมือนกับพระโพธิสัตว์หญิงผู้นั้นสร้างขึ้น หรือว่าค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง”
พระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรตอบ “เป็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ขณะเดียวกันยังมีกระบี่ผนึกเซียนของแท้”
ท่านก็คือยุทธวิชัยพุทธะที่ได้รับบาดเจ็บเพราะค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อก่อนหน้านี้
พระพุทธเจ้าสีน้ำเงินที่ถูกท่านเรียกว่าอาจารย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นพุทธบุตรแห่งเขาหลิงซาน พระถังซำจั๋ง บุญกุศลพุทธะในปัจจุบัน
“เพียงได้กระบี่ผนึกเซียนมาเล่มเดียว ไม่มีมือกระบี่เหนือพิสุทธิ์ระดับมหาชาลควบคุม ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกลับทำร้ายท่านถึงขั้นนี้ได้ หายากจริงๆ” บุญกุศลพุทธะถอนใจคำหนึ่ง ยื่นฝ่ามือออกมาวางลงบนศีรษะของยุทธวิชัยพุทธะ
แสงพุทธบริสุทธิ์สาดลง สภาวะแหลกสลายของยุทธวิชัยพุทธะพลันลดระดับลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี