“โถงเซียนของข้าต่อสู้กับมารร้ายบนแดนสุขาวดีบัวขาว เมื่อรู่มอบโอกาสต่อลมหายใจให้แก่เส้นทางนอกรีตของพวกเจ้า ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ไหนเลยมีโอกาสให้พวกเจ้าทำตัวโอหัง ก็เพียงชนชั้นมุสิกในท่อระบายน้ำฝูงหนึ่งเท่านั้น!” จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวกระแอมอย่างรุนแรง แต่ว่ายังคงหัวเราะฮ่าๆ กล่าว “ชนชั้นมุสิกได้แต่อาศัยในสถานที่ที่ไม่เห็นแสงอย่างมิตินอกเขตแดนไร้สิ้นสุด วันนี้ที่ตกอยู่ในมือพวกเจ้าเป็นข้าโชคไม่ดี แต่ว่าแดนสวรรค์แห่งเซียนที่ลี้ลับของโถงเซียน ไหนเลยเป็นที่ที่เจ้าสามารถบุกรุกได้?”
“ไม่ใช่ว่ามีคนบุกมาก่อนหรือ?” เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างเย็นชา
จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวแค่นเสียง กล่าว “สั่วหมิงจาง ถ้าหากเขาไม่ขึ้นสู่มหาชาล ให้เขาลองมาดูอีกรอบเป็นไร”
เขากวาดมองพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา “พวกเราสมัครสมานเป็นปึกแผ่น ไหนเลยแตกฉานซ่านเซ็นเช่นพวกเจ้า ให้ข้าบอกพวกเจ้าสักเรื่องเถอะ ผู้เยาว์แซ่เฮ่อนั่น เป็นเขามาเข้ากับพวกเราเอง! เขาฉลาดกว่าพวกเจ้า ทราบรู้จักออกจากเส้นทางหลงผิด ไม่เหมือนกับพวกเจ้า สุดท้ายเป็นเส้นทางตายเส้นหนึ่ง! ฮ่าๆๆๆ!”
พอฟังคำพูดเมื่อครู่ของจ้าวสวรรค์อัสนีเขียว ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม โดยเฉพาะนักพรตอวิ๋นเจิ้ง ใบหน้าเบายิ่งมืดครึ้มราวกับจะมีน้ำหยดลงมา
เยี่ยนจ้าวเกอมองจ้าวสวรรค์อัสนีเขียวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พยักหน้าราบเรียบ “ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ความสงบนิ่งของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวรู้สึกเย็นเยียบกว่าเดิม เดิมทีเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้ใจเริ่มขลาดเขลา เสียงหัวเราะถึงขั้นเริ่มสั่น ค่อยๆ หัวเราะไม่ออก เหลือแต่หางเสียงสายหนึ่งกลางอากาศ ดูน่าขบขันถึงขีดสุด
จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวคิดกล่าวอะไรอีก เยี่ยนจ้าวเกอพลันเพิ่มแรงมือ บดขยี้จนเขาไม่อาจส่งเสียงได้
ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆ ต่างไม่ได้ส่งเสียง มีเพียงความเงียบงันอยู่ชั่วขณะ
“ข้าไร้ความสามารถ ฝันอยากทำให้แสงสว่างแห่งค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นอีกครั้งเพื่อสำนักเต๋าและสายเหนือพิสุทธิ์ น่าเสียดายที่ตลอดมาไม่เคยสำเร็จ” เนิ่นนานให้หลัง นักพรตอวิ๋นเจิ้งก็เอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้า “โชคดีที่สหายน้อยอวี่พบมรดกของบรมครูเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ทำให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นมาใหม่ ข้ามีโอกาสได้เห็นตอนยังมีชีวิต ความปรารถนากลายเป็นจริงแล้ว”
เขาเงยหน้าถอนใจ “ข้าเป็นไม่ใช่คนพิเศษมาตลอดชีวิต การบุกเบิกมรกตท่องฟ้าในวันวาน โชคดีที่มีสหายร่วมเส้นทางทุกคนรวมพลังกัน ข้าไม่กล้าอ้างความดีความชอบ หลายปีมานี้อบรมบ่มเพาะสั่งสองวิชา ช่วยรักษาการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ต่อไปอย่างขยันขันแข่ง ยามแก่ตัวพอหันกลับไป ในที่สุดก็มีความรู้สึกปลอบประโลมหลายส่วน ทว่า…”
เกาชิงเสวียนเอ่ยขึ้น “พี่ร่วมเส้นทางอย่าได้กล่าวเช่นนี้ เราท่านมีความเห็นต่างกันในเรื่องบางเรื่องบ่อยๆ แต่ที่แล้วมาข้าทราบถึงนิสัยของท่านดี”
“เฮ่อเหมี่ยนเป็นศิษย์ของข้า กลับทรยศสำนักเต๋า ยังก่อให้เกิดผลลัพธ์เลวร้ายเช่นนี้ ข้ามีหน้าที่ชำระสำนัก มอบคำกล่าวให้แก่ทุกท่าน” นักพรตอวิ๋นเจิ้งส่ายหน้ากล่าว
คุนหนิงจื่อยามนี้พูดขึ้น “พี่ร่วมเส้นทางต้องการชำระสำนัก ผู้เยาว์เข้าใจความรู้สึกดี แต่เกรงว่าตอนนี้จะไม่เหมาะสมจริงๆ”
“บางทีการกล่าวแบบนี้อาจไม่เหมาะไปบ้าง แต่ว่าความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ” เขาเงยหน้ามองทุกคน “ถ้าหากว่าเฮ่อเหมี่ยนเข้าไปในดินแดนของโถงเซียนจริง ไม่ทันไรพวกเราก็เกรงว่ายากจะสังหารแล้ว”
เกาชิงเสวียน หลงซิงเฉวียน เยว่เจิ้นเป่ย นักพรตอวิ๋นเจิ้งต่างปั้นสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยนตี๋เองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
คุนหนิงจื่อถอนใจ “ขณะนี้เส้นทางนอกรีตสองเส้นทางกำลังต่อสู้กัน ดูเหมือนไม่สนใจเราจริงๆ ทว่าการลงมือในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน กับการลงมือบนดินแดนของอีกฝ่ายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นถึงแม้ว่าราชันพระอังคารจะอาละวาดบนโถงเซียน แต่เป็นเพราะแบบนี้ หลังจากครั้งนั้นอีกฝ่ายจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง วางแผนไว้อย่างรอบคอบ ไม่มอบโอกาสให้พวกเราบุกเข้าไปโดยง่าย เส้นทางนอกรีตเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะตั้งใจวางหลุมพรางไว้รอบๆ ตัวเฮ่อเหมี่ยนโดยเฉพา รอให้พวกเรากระโดดลงไป”
เขาประสานมือให้แก่นักพรตอวิ๋นเจิ้ง “ขอให้ทุกท่านใคร่ครวญให้ดี”
“แค้นของศิษย์น้องเนี่ยกับสหายร่วมเส้นทางอวี่ย่อมต้องชำระ” ไป๋เทาครั้งนี้เอ่ยขึ้น “แต่ว่าถึงอย่างไรเส้นทางนอกรีตก็มีคนมาก การลงมือบนดินแดนของพวกเขามีความเสี่ยงสูงยิ่ง สุดท้ายสมควรต้องใช้แข็งชนแข็ง ทางที่ดีพวกเราติดต่อพวกผู้อาวุโสสั่วกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ก่อน แล้วค่อยไปกดดันโถงเซียน ให้พวกเขาส่งเฮ่อเหมี่ยนออกมา ถ้าหากว่าตอนสุดท้ายต้องลงมือ เมื่อมีพวกเขาอยู่ด้วยจะสะดวกขึ้นมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี