เงาร่างที่สูงใหญ่นั้นเป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอ พ่านพ่านติดตามด้านหลังมันอย่างเงียบๆ ไม่เห็นลักษณะเกียจคร้านอย่างเดิม กลับแสดงกลิ่นอายบ้าคลั่งดุร้ายออกมาด้วยซ้ำไป
มันเป็นสัตว์วิญญาณที่เยี่ยนจ้าวเกอเลี้ยง สามารถรับรู้จิตใจของผู้เป็นนายได้ในระดับหนึ่ง
ประตูของเรือนน้อยเปิดเองโดยไร้ลม ร่างของสวีเฟยเดินออกมาจากด้านใน ไม่ถามว่าเรื่องอะไร ไม่ถามว่าไปไหน เพียงพยักหน้า “ได้”
“พวกเราเดินพลางพูดพลาง” ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รีบอธิบาย ความเชื่อใจระหว่างพวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่จำเป็นต้องพูดมากอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ได้แจ้งคนอื่นๆ ก่อนแล้ว สองคนหนึ่งตัวออกเดินทางทันที ผละจากมรกตท่องฟ้า ไปจากจักรวาลฟ้าฟื้น เข้าสู่จักรวาลไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
หลังจากข้ามมิติเวลาหลายชั้น พวกเขาก็รวมกับเยี่ยนจ้าวเกอร่างจริง
“ศิษย์พี่สวี” เยี่ยนจ้าวเกอมองสวีเฟยที่ติดตามมากับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก พยักหน้าเล็กน้อย
ขณะนี้กลิ่นอายของสวีเฟยยังไม่มั่นคงอยู่บ้าง ทว่ามองไปเหมือนโรคร้ายเริ่มดีขึ้น
ระหว่างที่มายังที่นี่ สวีเฟยได้ทราบเรื่องแล้ว ยามนี้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงก็เพียงกล่าวแค่หนึ่งประโยค “ในเมื่อต้องไป เช่นนั้นก็ให้เร็วที่สุดเถอะ”
เป็นไปได้ว่าโถงเซียนจะใช้เฮ่อเหมี่ยนเป็นหลุมพราง ล่อให้คนในสำนักเต๋ากินเบ็ด
ในเมื่อฝ่ายตนตัดสินใจจะลงมือ เช่นนั้นลงมือยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เวลายิ่งลากถ่วงไปนาน การเตรียมตัวของศัตรูก็ยิ่งเต็มเปี่ยมขึ้น
“เป็นตอนนี้” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะอย่างสงบนิ่ง “พวกเราไป”
เขาทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งวูบไหวร่าง ถูกประกายกระบี่สีแดงก่ำครอบคลุม จากนั้นม้วนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่านหายไปจากความว่างเปล่าในชั่วพริบตา
ประกายกระบี่สีแดงก่ำเคลื่อนไหว ข้ามมิติเวลาหลายชั้น ตรงหน้าค่อยๆ ปรากฏสิ่งที่ดูเหมือนกับ ‘กำแพง’
ไม่รอเข้าใกล้ เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่า มีพลังอันแข็งแกร่งตั้งอยู่ ครอบคลุมท้องฟ้าในจักรวาล
“ถึงแล้ว” ประกายกระบี่สีแดงก่ำหายไป เยี่ยนจ้าวเกอโผล่ขึ้นมา มองดูจักรวาลตรงหน้าพลางพึมพำ
จักรวาลที่โถงเซียนครอบครอง ก่อนหน้านี้เขาเคยมาแล้ว แต่ว่าตอนนั้นสงครามสงบ เส้นทางนอกรีตสองแห่งกำลังฟื้นฟูกำลัง ถึงแม้ว่าใกล้ๆ ชายแดนจักรวาลวาลสองแห่งจะมีความขัดแย้งไม่หยุด แต่โดยรวมแล้วยังนับว่าสงบสุข
ตอนนี้สองฝ่ายกำลังสู้กันดุเดือด ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน สู้กันชนิดพลิกคว่ำฟ้าดินแทบจะตลอดเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอมองทุกอย่างนี้อย่างเรียบเฉย ฝีเท้าไม่หยุดลง มุ่งไปด้านหน้าต่อ เริ่มขบคิดว่าจะเข้าไปจากทางไหน
แต่ว่าวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ ไม่รอให้เขาเข้าไปในจักรวาลโถงเซียน ก็มีแสงวิเศษไหลเวียนอยู่ด้านใน ป้องกันผู้มาจากภายนอกที่เข้าใกล้อย่างพวกเขาแล้ว
ต่อจากนั้นก็มีเงาคนปรากฏจากด้านใน
“ผู้มาเป็นใคร” ในเสียงทุ้มต่ำ ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏจอมยุทธ์โถงเซียนสองคน
แต่ว่ายังไม่รอให้สองฝ่ายเห็นรูปร่างกันชัด เยี่ยนจ้าวเกอก็โบกมือวูบหนึ่ง
ร่างของจอมยุทธ์โถงเซียนสองคนที่ดูเหมือนอยู่ระหว่างเมฆบางลมอ่อน ระเหยหายไปจากด้านในความว่างเปล่า
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นฝ่ามือออกมาทาบบนแสงวิเศษนั้น ส่วนฝ่ามืออีกข้างหนึ่งปล่อยหนึ่งกำปั้น ม่านแสงที่ประกอบจากแสงวิเศษเริ่มบิดเบี้ยว ค่อยๆ ถูกฉีกออกเป็นช่องว่าง
มองลอดช่องว่างนั้นเข้าไปจะเห็นดวงดาวเป็นประกาย โลกที่ยิ่งใหญ่ใบแล้วใบเล่า เวลานี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าตนราวหมู่ดาวสว่างไสว แสงวิเศษหลายสายพุ่งสู่ฟ้า ไม่ทราบมาจากตรงไหน
เยี่ยนจ้าวเกอต้องการไปด้านหน้า ในความว่างเปล่าอันมืดมิดด้านหลัง มีแสงดาวสว่างขึ้น ยิ่งมายิ่งละลานตา เข้ามาจากที่ไกล หลังเข้าใกล้แล้วก็เหมือนกับดวงอาทิตย์โชติช่วง
อีกฝ่ายรุดมาด้วยความเร็วทั้งหมด หลังมาถึงแล้วความเร็วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเชื่องช้า จากนั้นแสงอาทิตย์ก็หายไป
ดวงอาทิตย์เหมือนกับหายไปในความว่างเปล่าอันมืดมิด ทว่าจักรวาลยังคงสว่างไสว
คนหนุ่มอาภรณ์ดำคนหนึ่งปรากฏกายจากในแสงอาทิตย์ เป็นราชันพระอาทิตย์เกาหาน
“ราชันพระอาทิตย์ร้ายกาจนัก” เยี่ยนจ้าวเกอไม่หันหลัง เอ่ยเรียบๆ “นี่ยังหาข้าผู้แซ่เยี่ยนเจออีก?”
“ข้าไม่ได้คิดทำเช่นนี้” เกาหานถอนใจกล่าว “ข้าผู้แซ่เกาอยู่ใกล้ๆ พอดี จึงรุดมาทัน”
“มาทันหรือ” ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็หมุนตัวมามอง ดวงตาราบเรียบไร้อารมณ์ ไม่ทราบว่ายินดีหรือมีโทสะ
เกาหานเห็นดังนั้น จิตใจกลับเคร่งเครียดลงหลายส่วน
เขารู้สึกว่าตนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าภูเขาไฟมีชีวิตที่กำลังจะปะทุลูกหนึ่ง
ตอนนี้ยิ่งสงบนิ่งเท่าไร ภายหลังยิ่งรุนแรงเท่านั้น
“เรื่องเกี่ยวกับมารน้ำกุ่ย มารดินโบ่ว และมารทองแก ข้าทราบหมดแล้ว” เกาหานกล่าวขึ้นก่อน “ครั้งนี้ข้ามีภารกิจติดตัว ไม่อาจลงมือ รบกวนสหายร่วมเส้นทางทุกท่านต้านทาน ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านรอบคอบมองการณ์ไกล มีแผนการของตัวเอง ที่แล้วมาข้าผู้แซ่เยี่ยนทราบดี คิดทำเรื่องใด หลายๆ ครั้งโอกาสหากไม่คว้าไว้ก็จะหายไป เสียเวลาไม่ได้ ทั้งไม่อาจผละมา เป็นเรื่องที่ปกติยิ่ง ราชันพระอาทิตย์ไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
เกาหานถอนใจ “โถงเซียนเผชิญแดนสุขาวดีบัวขาว ไม่มีเวลารับมือ แดนสุขาวดีตะวันตกกลับยังมีพระพุทธเจ้าคอยเฝ้า ข้าทราบว่าท่านได้รับผลประโยชน์เพราะช่วยให้มหาเทวะเสมอฟ้าหลุดจากการจองจำ แต่ว่ากายทองระดับเซียนกำเนิดร่างหนึ่งยังคงไม่มากพอจะช่วยท่านโจมตีโถงเซียน ต่อให้นั่นจะเป็นกายทองของที่มหาเทวะได้ทิ้งเอาไว้ และมหาเทวะไร้ประมาณไม่ลงมือก็ตาม”
“ราชันพระอาทิตย์ ถ้าท่านไม่คิดจะช่วยข้า เช่นนั้นก็คอยดูอยู่ด้านข้างก็พอ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างสงบนิ่ง “หรือท่านคิดช่วยเส้นทางนอกรีต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี