วานรยักษ์สีทองหวดเซียนสวรรค์ของโถงเซียนผู้นั้นตายด้วยกระบองเดียว ขณะที่ร้องคำรามก็กวาดกระบองใส่แสงดาวหลายสายรอบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอมองเกาหาน ส่วนเกาหานแยกเขี้ยว ส่ายหน้าไม่พูดอะไร
ชายหนุ่มละสายตา ไม่เปลืองวาจาอีก ตนตีลังกาออก กระโดดเข้าไปในดินแดนของโถงเซียน ก่อนจะหล่นลงบนหัวไหล่ของวานรยักษ์ตัวนั้น
ขณะนี้เหมือนกับโถงเซียนพลันสั่นไหวพร้อมกัน แดนเซียนแห่งแล้วแห่งเล่าปล่อยรัศมีแสงออกมาหลายสาย ครอบคลุมกายทองมหาเทวะที่เกิดจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ทันใดนั้นเหมือนกับมีเขาสูงลูกแล้วลูกเล่าร่วงหล่นจากท้องฟ้า สะกดวานรยักษ์
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงเย็น วานรทองขนาดมหึมาตัวนั้น บนใบหน้าขนเผยรอยยิ้มเย็นเยียบที่เหมือนกันออกมา
วานรทองที่ใหญ่โตราวยันฟ้าค้ำดินกระโจนร่างขึ้น พลังอันเกรี้ยวกราดทำให้เขาทะลวงการสะกดหลายชั้นที่รัศมีแสงนำมา
ก่อนหน้านี้ยังไม่เผยร่างที่แท้จริง พอวานรทองกระโดด โถงเซียนก็เหมือนกับแบ่งชั้นกัน แดนเซียนสามพันแห่งรวมถึงโลกนับพันนับหมื่นด้านในเป็นฐาน
บนฐานแห่งนี้มีสิ่งที่ดูเหมือนกับพระราชวังหลายชั้นซึ่งล่องลอยกว่า บนปลายยอดเรืองรอง เป็นพลับพลาศาลาและห้องหอ ตำหนักกระจายอยู่ทั่ว เหมือนกับวังเซียน
วานรยักษ์กวาดมองรอบๆ สายตาเหมือนกับจับต้องได้ คล้ายแสงคล้ายไฟ
ครู่ต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงกระโดดเข้าไปในฝ่ามือของกายทองมหาเทวะแล้วหายไป
วานรยักษ์ตัวนั้นระหว่างที่กระโดด เท้าเหมือนกับเหยียบบนบันไดปีนไร้รูปร่าง ปีนขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ทะลวงวังเซียนที่อยู่ ‘ด้านบน’!
เดินไปถึงกลางทาง พลันมีแม่น้ำไร้สิ้นสุดซัดออกมา กลายเป็นธารสวรรค์กลางเวหา ผนึกฟ้าด้านบนและด้านล่าง สกัดวานรยักษ์แสงสีทองไว้กลางอากาศ หมายจะกักขังไว้ในน้ำ
แม่น้ำกว้างใหญ่นั้นถึงกับเหมือนเป็นธารสวรรค์ในตำนานถูกชักนำมายังที่นี่
ตอนเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ธารสวรรค์ประสบภัยพิบัติเช่นกัน ปัจจุบันที่อยู่บนพื้นที่ของโถงเซียนนี้กลับถูกคืนสภาพมาเพียงพื้นผิว
วานรยักษ์ไม่เกรงกลัว ยืนกางขากับที่
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว สายน้ำที่เหมาะกับการวางค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งเช่นนี้ มันเป็นถิ่นของเขาถึงจะถูก
ตอนนั้นเอง ในธารสวรรค์พลันมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสุดขีดปรากฏ คล้ายรวมกับธารสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งแยกกันและกัน
เสียงที่ลี้ลับมัวหม่นดังออกมาจากในน้ำ กลับเป็นเซียนสวรรค์ชันมหาชาลคนหนึ่งมาถึงที่นี่!
เป็นเพราะประสบการณ์ที่ได้อยู่บนวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอจึงฝืนแยกแยะความหมายในน้ำเสียงมัวหมองนั้นได้
“ค่ายกล...แม่น้ำเหลือง…เก้าโค้ง กลับไม่อาจ…วางต่อหน้า…เทวกษัตริย์บันดาลใจเช่นข้า…ได้…”
วานรยักษ์พอฟัง ดวงตาเป็นประกายสีทองผสมแดง มองไปในน้ำอย่างละเอียด
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นมหาชาล ทว่าในสายตาของวานรยักษ์ สามารถมองเห็นร่างของอีกฝ่ายได้ชัด
แต่เห็นอีกฝ่ายสวมหมวกเกราะสีทอง ใส่เกราะทอง มัดสายรัดหยกไว้ที่เอว ใส่รองเท้าสีทอง ดวงตากลมโต เขี้ยวแหลมคม ไว้ผมสั้นสีแดงเพลิง มือถือค้อนสำริดเก้ากลีบอันหนึ่ง
หลังจากเห็นรูปร่างของอีกฝ่ายชัด วานรยักษ์ก็ส่งเสียง “ราชาปีศาจบันดาลใจ? เป็นศัตรูทางคับแคบโดยแท้ ปลาทองที่พระโพธิสัตว์กวนอิมเลี้ยงไว้ในบ่อ แหวกว่ายมาถึงพื้นที่ของเส้นทางนอกรีตแล้ว”
ตัวตนครึ่งคนครึ่งปลานั้นเบิกตาโต มองดูวานรยักษ์ “ไฉนเป็นเช่นนี้ วานรตัวนั้นไม่ได้เป็นยุทธวิชัยพุทธะแล้วหรอกหรือ”
“พวกท่านเผชิญแดนสุขาวดีบัวขาวก็ย่ำแย่แล้ว ยังส่งท่านออกมาที่นี่ได้อีก?” วานรยักษ์ยิ้ม
“ขอดูหน่อยว่าตัวปลอมเช่นเจ้าจะมีความสามารถขนาดไหน” ราชาปีศาจบันดาลใจแค่นเสียง “แม้เป็นตัวจริงแล้วเป็นอย่างไร เราผู้เป็นราชาแตกต่างจากในอดีต ขึ้นสู่มหาชาลแล้ว!”
เขาคือปลาทองที่กลายเป็นปีศาจ กลับไม่ได้มีจุดกำเนิดในเผ่าปีศาจ แต่ว่าได้ยินคำสอนของเจ้าแม่กวนอิมแล้วเข้าสู่ศาสนาพุทธสายหลักก่อน
เป็นเพราะเงื่อนไขจำกัด ไม่อาจสำเร็จมรรคผลเป็นพระพุทธเจ้า ขึ้นสู่มหาชาลไม่ได้ สุดท้ายเปลี่ยนมาเข้ากับโถงเซียน อยู่บนวิถีเส้นทางนอกรีต อาศัยการช่วยเหลือจากแสงวิเศษพลังศรัทธาชดเชย สำเร็จระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล
เพราะอาศัยความสามารถแต่กำเนิด เขามีความสามารถควบคุมน้ำในระดับสุดยอด ควบคุมธารสวรรค์ตรงหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งอาศัยความได้เปรียบของระดับพลังฝึกปรือ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอยากจะใช้สายน้ำนี้กางค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งอยู่ชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี