พวกราชาบันดาลใจไม่ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้กายทองมหาเทวะมาได้อย่างไร แต่พวกเขารู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่แปลงเป็นกายทองมหาเทวะมีตาอัคคีเนตรทอง มองทะลุทุกสิ่งทุกอย่าง
หลังจากเข้าสู่ดินแดนของโถงเซียน เยี่ยนจ้าวเกอไม่จำเป็นต้องถามทางก็ทราบตำแหน่งคร่าวๆ ของเฮ่อเหมี่ยน
ตรงกันข้ามถ้าหากว่าเฮ่อเหมี่ยนไม่อยู่ที่นี่ก็ปิดบังเขาไม่ได้
เพื่อสร้างสถานการณ์สังหาร ซุ่มโจมตีพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ราชาบันดาลใจมีแต่ต้องจัดวางเฮ่อเหมี่ยนเป็นตัวล่อบนโถงเซียน
ตัวล่อนี้เมื่ออยู่ ก็สามารถล่อให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอตกสู่วงล้อมของโถงเซียนได้
การพัฒนาในตอนแรกของสภาพการณ์เป็นอย่างที่พวกราชาบันดาลใจต้องการ เพียงแต่ว่าต่อมากลับแตกต่างไปจากความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!
ไม่มีผู้ใดคาดคิดออกว่าในมือเยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่แค่กายทอยทองมหาเทวะร่างเดียว แต่เป็นกายทองมหาเทวะสามร่าง!
จอมปีศาจสามตนที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับเซียนกำเนิด แทบจะสามารถทำศึกกับยอดฝีมือชั้นมหาชาลได้ปรากฏตัวขึ้นบนโถงเซียน สู้รบจนโถงเซียนในความว่างเปล่าตรงหน้าต้านทานไม่ได้!
ในยุคโบราณตอนกลาง มหาเทวะเสมอฟ้าอาละวาดบนวังเทพ ปัจจุบันมีวานรปีศาจอาละวาดบนโถงเซียนอีก!
วานรยักษ์ที่แปลงกายจากเยี่ยนจ้าวเกอเหยียบใส่สิ่งก่อสร้างกลุ่มหนึ่งจนถล่ม ทำให้เฮ่อเหมี่ยนไม่มีที่หลบซ่อน
ถึงแม้ภายใต้การปกป้องจากผนึกแสงหยก ตำหนักที่เฮ่อเหมี่ยนอยู่ไม่ได้ถล่มลงโดยสมบูรณ์ แต่สุดท้ายเขาก็ยังปรากฏขึ้นในคลองจักษุของเยี่ยนจ้าวเกออยู่ดี
วานรยักษ์ถลึงตา แสงหยกที่ปกป้องตำหนักพลันกระเพื่อมราวกับคลื่นน้ำไม่หยุด คล้ายกับอาจแหลกสลายได้ทุกเวลา
แม้ว่าจะมีผนึกแสงหยกคอยคุ้มครอง เฮ่อเหมี่ยนในตำหนักใหญ่ก็รู้สึกหวาดหวั่น เย็นเยียบไปทั่วร่าง
ระดับพลังฝึกปรือของสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป มาตรว่าจะกั้นไว้ด้วยแสงหยกชั้นหนึ่ง เฮ่อเหมี่ยนก็เกือบตายคาที่
ขณะมองซากตำหนักที่แสงหยกนั้นครอบคลุมอยู่ วานรปีศาจขนาดยักษ์คำรามพลางเคลื่อนเข้าใกล้ สายตาเย็นเยียบถึงขีดสุด
ตอนนั้นเอง กลางอากาศพลันปรากฏบัวเขียวสองดอก บนบัวเขียวเปล่งแสงระยิบระยับ ต่างรองตะเกียงทองใบหนึ่งไว้
บัวเขียวตกลงตรงหน้าเฮ่อเหมี่ยน ขัดขวางเส้นทางของวานรยักษ์
บนบัวเขียวดอกหนึ่งในนี้นั่งไว้ด้วยพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มียี่สิบเศียร สิบแปดกร
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์!” ขณะมองพระพุทธเจ้าตรงหน้า วานรปีศาจสามตัวส่งเสียงคำรามพร้อมกัน
ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย หรือว่าพ่านพ่าน ต่างรู้สึกได้ว่าในกายทองมหาเทวะของตนมีอารมณ์อันเดือดดาลคลุ้มคลั่งส่งออกมา ถึงขั้นที่ส่งผลกระทบต่อตัวพวกเขา
ปราณปีศาจที่เดิมทีไร้ฟ้าไร้กฎเกณฑ์ วินาทีนี้เกรี้ยวกราดมากขึ้น เป็นเพราะพระพุทธเจ้าที่ขวางอยู่ตรงหน้าในขณะนี้เป็นยุทธวิชัยพุทธะ!
อดีตซุนเห้งเจียที่ในสายตาของคนส่วนใหญ่ออกมาจากใต้เขาเบญจคีรี ติดตามพุทธบุตรเดินทางไปยังชมพูทวีป เชิญพุทธตะวันตกเข้าสู่ทิศตะวันออก อัญเชิญพระไตรปิฎกที่เขาหลิงซาน!
ด้านหนึ่งเป็นพระพุทธเจ้าที่เปี่ยมด้วยปัญญา บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ทางหนึ่งเป็นจอมปีศาจที่ควันปีศาจพวยพุ่งสู่ฟ้า เกรี้ยวกราดดุร้าย
ตัวตนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ราวกับเดินไปยังคนละขั้ว ขณะนี้ยืนประจัญหน้ากัน
ทางหนึ่งยิ่งสงบเงียบเท่าไร อีกทางหนึ่งก็โมโหขุ่นแค้นเท่านั้น
ยุทธวิชัยพุทธะเผชิญหน้าวานรที่ดุร้าย เปล่งเสียงสรรเสริญคุณคำหนึ่ง “นะโมอมิตาพุทธ เหตุและผลนี้ที่สุดแล้วต้องทำให้จบลง อาตมาจึงมาที่นี่”
พระพุทธเจ้ายี่สิบเศียรในขณะนี้ไม่ได้มีลักษณะเอน็จอนาถที่กายทองพังทลาย เพราะได้รับความเสียหายจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อก่อนหน้าอีกแล้ว
แขนสี่ข้างที่ถูกฟันขาดกลับเป็นอย่างเดิม รอยแผลอันน่ากลัวตรงทรวงอกก็หายไปด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าของวิเศษมากมายที่ถืออยู่ในมือสิบแปดข้างก่อนหน้านี้ถูกทำลาย ไม่อาจชดเชยได้ชั่วคราว
ถึงแม้หากมองรวมๆ กลิ่นอายยังคงล่องลอยอยู่บ้าง สู้ตอนที่สมบูรณ์ก่อนหน้าไม่ได้ แต่อาการบาดเจ็บก็หายดีหมดแล้วจริงๆ
พระพุทธเจ้าแห่งศาสนาพุทธที่แท้จริงสุดที่เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลจากเส้นางนอกรีตจะเทียบเคียงได้ ความรู้สึกของการดำรงอยู่และความรู้สึกของพลังต่างเหนือกว่าราชาบันดาลใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี