“สหายร่วมเส้นทางจ้าวเจิน ที่โลกน้ำพุหยกใบนี้ถูกผนึกเอาไว้ เป็นเพราะอะไรกันแน่”
ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสำรวจสภาพรอบๆ ทางหนึ่งสอบถาม
นักพรตจ้าวเจินตอบ “ตอนที่สองท่านเข้ามาคงจะสัมผัสได้ ว่าพลังที่ผนึกฟ้าดินแห่งนี้มาจากกระบี่ลวงเซียน หนึ่งในกระบี่สี่เล่มที่เอาไว้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ก่อนหน้านี้เป็นบูรพาจารย์อวี้ติ่งของสำนักเราถือครองมาโดยตลอด”
เขาถอนใจคำหนึ่ง “พูดไปก็น่าละอาย ถึงแม้กระบี่เล่มนี้จะอยู่บนโลกน้ำพุหยก แต่ว่าพวกเราไม่อาจควบคุม กลับกลายเป็นกรงขังของฟ้าดินแห่งนี้ ขังพวกเราไว้ที่นี่”
“ไม่ทราบว่าปัจจุบันอวี้ติ่งจินหยินอยู่ที่ไหน” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ที่นี่ไฉนจึงถูกกระบี่ลวงเซียนผนึก”
นักพรตจ้าวเจินสีหน้าหม่นหมองอยู่บ้าง “บูรพาจารย์อวี้ติ๋งนั่งมรณะไปแล้ว”
“อ้อ?” สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างมองมาทางเขา
นักพรตจ้าวเจินพยักหน้าตอบ “หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ บูรพาจารย์อวี้ติ่งมาถึงโลกน้ำพุหยก ตอนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว หลังจากเจ็ดวันก็นั่งมรณะ เหลือเพียงซากศพ อยู่บนเขาเมฆทองนั่นเอง”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “พวกเราพ่อลูกฝึกวรยุทธ์ แม้นว่าจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของบูรพาจารย์อวี้ติ่งเหมือนท่านปู่ แต่ในฐานะผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักเหมือนกัน สุสานของบูรพาจารย์อวี้ติ่งยังต้องไปกราบไหว้”
“นั่นย่อมแน่นอน” นักพรตจ้าวเจินพยักหน้า นำเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋มุ่งหน้าไปทางตะวันตกต่อ
เพราะเหาะเหินด้วยพลังฝึกปรือของพวกเขา ไม่นานเท่าไรตรงหน้าก็ปรากฏยอดเขาสูงลูกหนึ่ง
ยอดเขานั้นเป็นสีทองละลานตา เหมือนกับครอบคลุมด้วยหมอกเมฆชั้นหนึ่ง เพียงแต่ปราณวิญญาณของสถานที่แห่งนี้กลับไม่ได้รุนแรงเต็มเปี่ยมเท่าที่ที่ได้พบกับพวกนักพรตชิงจางเมื่อครู่
ที่นี่โดยรวมแล้วไม่มีตรงไหนผิดแผก หากพูดให้ถูกต้อง ปราณวิญญาณญาณยังมีการขาดแคลน จนเกิดสภาพเสื่อมโทรมล่มสลาย
‘ถ้ำเมฆทองบนเขาน้ำพุหยก นี่เป็นชื่อนิวาสถานที่บำเพ็ญในอดีตของอวี้ติ่งจินหยิน’ เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจ ‘เขาวิญญาณที่ตั้งชื่อว่าเมฆทองในโลกน้ำพุหยกใบนี้กลับขาดแคลนปราณวิญญาณขนาดนี้เลยหรือ’
หนำซ้ำ ด้วยความเข้าใจที่เยี่ยนจ้าวเกอมีต่อวัฏจักรเส้นสายปราณวิญญาณของฟ้าดินแห่งนี้ สถานที่ใกล้ๆ ภูเขาเมฆทอง บางทีสมควรเป็นสถานที่ที่ปราณวิญญาณเต็มเปี่ยมมากที่สุดในโลกน้ำพุหยก
สภาพผิดปกติในตอนนี้ เกรงว่าจะเกิดขึ้นเพราะกระบี่ลวงเซียน…
ถึงจะตกมาอยู่ในการควบคุมของคนในสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่นั่นถึงอย่างไรก็เป็นตัวตนที่เป็นของล้ำค่าสายเหนือพิสุทธิ์ และเป็นตัวแทนเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายที่สุดในฟ้าดิน เต็มไปด้วยคุณสมบัติทำลายล้าง
สองอย่างพอรวมกันก็ส่งผลต่อเส้นสายปราณวิญญาณบนโลกน้ำพุหยกใบนี้ ทำลายโครงสร้างสภาพภูมิศาสตร์ของเขาเมฆทอง
ถึงตอนนี้จะสัมผัสตัวตนอย่างกระบี่ลวงเซียนแถวๆ ภูเขาเมฆทองไม่ได้ แต่นั่นสมควรถูกอำพรางไว้ในปราณวิญญาณของโลกน้ำพุหยก
พลังของกระบี่โบราณกำลังคงสภาพการผนึก
“ไม่ทราบบิดามารดาอยู่ที่ใด” เยี่ยนตี๋ถาม
นักพรตจ้าวเจินชี้เขาเมฆทอง “อยู่ในเขา สองท่านโปรดตามข้ามา” ว่าแล้วเขาก็นำหน้า ลอยลงไปบนเขา ที่หมายไม่ได้อยู่ที่ยอดเขา แต่ว่าบินไปยังด้านในหุบเขาระหว่างขุนเขา
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ติดตามอยู่ด้านหลัง เข้าไปในหุบเขาด้วยกัน
ในหุบเขามีอารามเต๋าแห่งหนึ่ง มองไปดูเก่าเล็กน้อย แต่ว่าสะอาดยิ่ง
“ผู้อาวุโสเยี่ยนกับผู้อาวุโสตี๋เหมือนออกไปด้านนอกแล้ว” นักพรตจ้าวเจินวนดูในอารามเต๋า ไม่เห็นคนก็กล่าวขึ้น “ทั้งสองท่านจะรอที่นี่สักพักได้หรือไม่ ข้าออกไปหาดู”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สบตากัน “ข้าไปช่วยตามหา สหายร่วมเส้นทางจ้าวไม่ถือสากระมัง”
นักพรตจ้าวเจินตอบ “ย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว”
‘ฝืนดึงพลังของตราผนึกหลายส่วนมารวมกันไว้ที่จุดเดียวหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว มองนักพรตจ้าวเจิน กลับเห็นอีกฝ่ายอยู่ในถ้ำบนเขา ถึงกับแบ่งแยกกับแสงสีแดง ไม่ได้รับการสะกด
“สามีภรรยาปู่ย่าของท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของตราผนึกนี้เหมือนกับซากสังขารของบูรพาจารย์อวี้ติ่งเช่นกัน” ยามนี้นักพรตจ้าวเจินหมุนตัวมา มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชี้ไปที่ด้านบน “พวกเขาอยู่ที่นี่จริงๆ เพียงแต่พวกท่านพบไม่ได้แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ แบกน้ำหนักที่แสงสีแดงนำมา เดินไปยังถ้ำ
ในถ้ำกลับมีแสงสีทองส่องขึ้น ขณะที่แบ่งแยกแสงสีแดง ก็ห้ามไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้
เวลานี้เห็นเงาร่างของนักพรตชิงจางกับเหยาอวิ๋นเฉิงเดินออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ
“อย่าได้โทษพวกเรา ตอนนั้นเป็นบาปที่เยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนสร้างขึ้น ใช้กระบี่ลวงเซียนผนึกโลกน้ำพุหยกของพวกเราสองพันปี ทำให้พวกเราไม่เป็นอิสระ” นักพรตชิงจางกล่าวอย่างสงบนิ่ง “พวกเราไม่อาจอดทนต่อไปได้แล้ว เดิมทีวางแผนเสี่ยงตายในอีกไม่กี่วัน หวังว่าจะเข่นฆ่าออกไปได้ เพียงแต่ตราผนึกแกร่งเกินไป พวกเราถึงแม้วางแผนมาหลายปี ยังไม่มีความมั่นใจ กลับเป็นพวกท่านพ่อลูกมาที่นี่ ทำให้พวกเรามีความหวัง! เยี่ยนจ้าวเกอกับตี๋ชิงเหลียนในตอนนั้นเซ่นสรวงเลือดใช้กระบี่ลวงเซียนวางตราผนึก วันนี้เซ่นสรวงเลือดสายเลือดสายตรงของพวกเขาทำลายผนึก เหตุผลวนเวียน กรรมตามสนองจริงๆ”
ถึงแม้จะมีแสงสีทองบนร่าง แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ลนลาน กลับมองนักพรตชิงจางด้วยความขบขันอยู่บ้าง “ทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ พวกท่านไม่ถามหรือว่าพวกเรามีวิธีการแก้ไขตราผนึกออกไปหรือไม่ แม้แต่โอกาสทดลองก็ไม่มอบให้พวกเรา”
เขาพิจารณานักพรตชิงจางทั้งสาม “เพื่อบุญคุณความแค้นที่ถูกผนึกตรา หรือเพื่อกระบี่ลวงเซียน”
เหยาอวิ๋นเฉิงสีหน้าขุ่นแค้นอยู่บ้าง
นักพรตจ้าวเจินใบหน้าฉายแววซับซ้อน
ส่วนนักพรตชิงจางมองเยี่ยนจ้าวเกอปราดหนึ่ง สีหน้าปรากฏความอิดโรยและอ้างว้างอยู่บ้าง ส่ายหน้าเล็กน้อย “มีเรื่องบางเรื่องที่ท่านจัดการไม่ได้”
ระหว่างที่พูด แสงสีแดงซึ่งครอบคลุมเขาเมฆทองยิ่งมายิ่งร้อนแรง ยิ่งมายิ่งดุร้าย
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่า สารจำเป็น ลมปราณ และจิตใจของตัวเอง ถึงกับไม่มั่นคง จากร่างไปถึงวิญญาณ จากในไปถึงนอก จากลวงไปถึงความจริง ต่างเกิดความรู้สึกแสบร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี